ตอนที่ 72-3 งานเลี้ยงจับคู่
แม้ว่าราชบุตรเขยจะทรงพระประชวร แต่พระองค์ก็ทรงเป็นกวีที่มีความอ่อนหวานและลึกซึ้ง อีกทั้งยังมีทักษะในศิลปะด้านต่าง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและนุ่มนวลนั้น ทําให้ทั้งสองพระองค์ทรงมีความรักที่มั่นคงต่อกัน
และพระองค์กับองค์หญิงเป็นคู่รักที่อยู่ใกล้ชิดกันเกือบจะตลอดเวลา ซึ่งข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่าพระองค์นั้นมีความใจแคบและความอิจฉานั้นไม่เป็นความจริง
หลังจากพระราชบุตรเขยทรงสิ้นพระชนม์แล้ว หลี่เว่ยหยางได้ยินจากพระโอษฐ์ของจักรพรรดินีเองว่า แท้ที่จริงแล้วพระองค์มิได้ทรงปวยเป็นวัณโรค…
จากนั้นหลเว่ยหยางพยักหน้าเป็นการตอบสนองต่อท่านผู้อาวุโสหลี
“ใช่แล้ว องค์หญิงน่าสงสารมาก”
“ส่วนใหญ่เป็นเพราะเหตุนี้จักรพรรดิจึงปฏิบัติต่อองค์หญิงเป็นอย่างดีเสมอมา
เมื่อสองวันก่อนสํานักงานที่ดินส่วนพระองค์ได้จัดสรรที่ดินขนาดใหญ่มาก เพื่อสร้างพระตําหนักใหม่ให้กับองค์หญิงหย่งหนิง
เมื่อเราไปถึง เจ้าต้องสนทนากับองค์หญิง และต้องทําให้พระนางชื่นชอบในตัวเจ้า เพื่อที่จะได้เป็นแขกรับเชิญประจํา และเพื่อที่เจ้าจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น”
หลี่เว่ยหยางพยักหน้ารับคํา แต่แท้ที่จริงแล้ว นางกําลังคิดถึงเรื่องอื่น
“ท่านย่าคราวนี้เชิญ…”
ผู้อาวุโสหลี่ยิ้มอย่างช้าๆ
“พี่ใหญ่ของเจ้ากําลังไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเอง ดังนั้นข้าจึงพานางมาด้วยมิได้”
หลี่เว่ยหยางยิ้มเช่นกัน ขณะที่ดวงตาอันงดงามของนางมีร่องรอยของการเหยียดหยาม
เนื่องจากนโยบายบรรเทาภัยพิบัติห้าขั้นตอนนั้น หลี่จางเล่อจึงได้รับความทุกข์ทรมานจากการถูกตําหนิมากมาย
ตอนนี้สิ่งที่นางสมควรทํามากที่สุดคือการปรากฏตัวในโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น และต้องพยายามลบล้างภาพพจน์ที่เลวร้ายของตนเองในสายตาของผู้อื่น
วันนี้เป็นงานเลี้ยงขององค์หญิง ซึ่งทุกคนที่มาร่วมงาน ล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางและเจ้าหน้าที่ ดังนั้นฮูหยินใหญ่จะปล่อยโอกาสอันมีค่านี้ไปได้อย่างไร?
มารดาและบุตรสาวคู่นี้มิเต็มใจที่จะให้ผู้อื่นมาขัดขวาง ดังนั้นท่านย่าจึงมิสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้เลย
หลี่หมิ่นเต่อจ้องมองพวกนางอย่างเงียบ ๆ และมิกล่าวอันใดสักคํา
เดิมที่วันนี้ผู้อาวุโสหลีมิต้องการพาเขามาด้วย แต่หลานสาวคนที่สามของนางกล่าวว่า หลังจากที่ฮูหยินสามจากไป เด็กชายผู้นี้ก็รู้สึกหดหูและเป็นทุกข์ใจมาก
นางจึงขอร้องให้ท่านย่าช่วยพาเขาออกมาเปิดหูเปิดตาด้านนอกบ้าง แต่เขารู้ดีว่า ความจริงแล้วพี่สามมีความรู้สึกกังวลใจ ที่จะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในบ้านตระกูลหลี่
แน่นอนว่าเขามิได้อ่อนแอจนถึงขั้นที่ต้องการให้พี่สามมาปกป้องเขาเช่นนี้
หลี่หมินเต๋อหลบสายตา และการแสดงออกของขนตายาวคู่นั้นมีความซับซ้อน บางทีเขาควรบอกกล่าวให้พี่สามรู้ว่า เขามิได้อ่อนแออย่างที่นางคิดเกี่ยวกับตัวเขา
และในตอนที่เขาทนกับความอัปยศอดสุนั้น เป็นเพราะเขามต้องการแสดงความสามารถมากเกินไป
ที่ประทับขององค์หญิงตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวงและทอดยาวไปทั่วอาณาเขตที่กว้างใหญ่
เมื่อรถม้าเข้ามาถึง หลี่เว่ยหยางได้เปิดผ้าม่าน และเห็นสองข้างทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ที่อุดมสมบูรณ์
ศาลามีหลังคาหลายชั้นที่มีรูปแบบปราณีตและซับซ้อน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพระตําหนักขององค์หญิง และดูเหมือนจะสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับฤดูใบไม้ผลิโดยเฉพาะ
เมื่อมาถึงบริเวณหน้าประตูใหญ่ ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง หลี่เว่ยหยางช่วยประคองท่านย่าลงจากรถม้า จากนั้นจึงเห็นรถม้าของฮูหยินใหญ่ทันที
และหลี่จางเล่อที่ควรจะอยู่บ้านเพื่อไตร่ตรองความผิดนั้น แต่งตัวอย่างสวยสดงดงามยืนอยู่เคียงข้างมารดาตนเอง ในขณะที่นางจีบปากจีบคอสนทนาอยู่กับสุภาพสตรีชั้นสูงท่านอื่น ๆ
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า รอยยิ้มของผู้อาวุโสหลี่จึงตั้งอยู่บนใบหน้าของนางชั่วขณะ
นางมาจริงอย่างที่คาดเอาไว้เ หลี่เว่ยหยางกําหมัดแน่น และพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้อารมณ์ของตนเองเปิดเผยให้ผู้ใดได้เห็น
นางดึงแขนของท่านย่าอย่างแผ่วเบา ซึ่งทําให้ท่านผู้อาวุโสหลี่มีปฏิกิริยาตอบสนองในที่สุด จากนั้นใบหน้าของหญิงชราได้แข็งกร้าวขึ้น
“จางเล่อยังมิสบายอยู่มิใช่หรือ?แล้วเจ้าออกมาได้อย่างไร?”
หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย
“เมื่อดูจากพฤติกรรมของพี่ใหญ่นางต้องได้รับอนุญาตจากท่านพ่อแล้วแน่นอน”
สีหน้าของผู้อาวุโสหลี่แย่ลง ปกติแล้วหลี่เสี่ยวหรันมักจะมีความละเอียดรอบคอบและเฉลียวฉลาด
แต่เฉพาะกับบุตรสาวผู้นี้ เขามักจะตามใจนางมากจนเกินไป
ตามจารีตและประเพณีที่เป็นมาชายหนุ่มและหญิงสาวสมควรที่จะหลีกเลี่ยงซึ่งกันและกัน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สําคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ประเภทนี้ซึ่งเป็นงานเลี้ยงจับคู่
ดูเหมือนว่าเขายังมิล้มเลิกความคิดนั้น
หลี่จางเล่อรู้สึกว่ามีสายตาของผู้ใดบางคนกําลังจับจ้องมาที่ตนเอง จึงเงยหน้าขึ้นมองในขณะที่นางและหลี่เว่ยหยางจ้องมองหน้ากัน
แสงแดดสลัวส่องลงมาที่หลี่เว่ยหยาง ทําให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าหญิงสาวสวมชุดธรรมดาสีขาวตามปกติ คิ้วของนางโค้งงอ ตอนนี้นางแผ่รังสีของความอํามหิต ขณะที่ยกแขนขึ้น
เมื่อใดก็ตามที่นางเห็นพี่สาวร่วมสายเลือดผู้นี้ เว่ยหยางมักจะแสดงสีหน้าที่ไร้กังวล เป็นเพราะความฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมของเด็กสาว
หลี่จางเล่อกําหมัดแน่นโดยมิรู้ตัวขณะที่ใบหน้าของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ายินดี:
“น้องสาม”
หลี่เว่ยหยางฉีกยิ้มกว้างและกล่าวว่า
“พี่ใหญ่”
ผู้อาวุโสหลี่มีความรู้สึกโกรธเคือง นางไออย่างเย็นชาและกล่าวว่า
“ไร้ยางอายจริง ๆ ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงนั้น สีหน้าของหลี่จางเล่อได้เปลี่ยนจากรอยยิ้มที่อ่อนหวานกลายเป็นเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด
นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หลังจากเหตุการณ์คุณไสยมนต์ดําในครั้งนั้น ท่านย่าใหญ่จะเกลียดชังนางได้มากถึงเพียงนี้
ท่านผู้อาวุโสหลี่จ้องมองไปยังสีหน้าของหลานสาวคนโต ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ขณะที่หญิงชรายิ้มอย่างเย็นชา
แต่มิได้กล่าวอันใดออกมา และทําเพียงแค่โบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเดินตามหลังนางไป
เป็นเพราะพวกนางเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานแล้ว หญิงชราจึงมิสามารถสั่งให้ทั้งสองคนแม่ลูกจากไปต่อหน้าผู้คนได้ ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ความมิสบายใจในหัวอกของนางเท่านั้น
ผู้อาวุโสหลี่ถอนหายใจอย่างใจเย็นนางรู้ดีว่า แม้ว่าตนเองจะมิชอบจางเล่อและมารดา
แต่ในที่สุดสองแม่ลูกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านตระกูลหลี่
และต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลี่จะมทําให้พวกนางต้องเสียหน้า หญิงชรายิ้มให้กับหลี่จางเล่ออย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า
“เข้าไปด้านในได้แล้ว”