บทที่ 225 ยาเช่อซิน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 225 ยาเช่อซิน

“ลูกเขยที่แต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านฝ่ายหญิง?”

เวยปิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆได้ยินประโยคนี้ ในสายตา ปรากฏความดูถูกออกมาอย่างหนักหน่วงทันที

คนๆนี้ก่อนหน้านี้ยังโม้พ่อฉันว่าตัวเองเก่งกาจมากแค่ไหนอยู่เลย รักษาโรคของพ่อให้หายดี ก็บอกว่าตัวเองเป็นนักกลั่นยาอะไรแบบนี้ มาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้

สุดท้ายตอนนี้ ถูกกู่คูหรานเปิดเผยต่อสาธารณะเลย ตัวตนที่แท้จริงของเขา คิดไม่ถึงว่าเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านของฝ่ายหญิงที่จัดอยู่ในตระกูลรองของเจียงหนาน คนแบบนี้ ไม่มีสิทธิ์พอที่แม้แต่จะประจบประแจงตระกูลร่ำรวยของเยียนจิงนะสิ?

ในเวลานี้ ในใจของเวยปิงเอ๋อร์ ก็ยืนยันโดยสิ้นเชิง มู่เซิ่งก็เป็นเพียงแค่คนที่ชอบขี้โม้เท่านั้นเอง

แม้ว่าจะรักษาพ่อของเขาให้หายดี ก็เป็นเพราะว่ามู่เซิ่งดวงดีแน่ ไม่ใช่ความสามารถของมู่เซิ่งเลยด้วยซ้ำ

กู่คูหรานยืนอยู่ข้างๆ มองเวยปิงเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เกลียดชังอย่างมาก มุมปากของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยออกมา

กู่มู่สวีนเป็นลูกน้องของตระกูลกู่ ได้ยินว่าเพราะการช่วยเหลือของมู่เซิ่ง ถึงฝืนมาผงาดที่เมืองเจียงหนานแห่งนี้ แต่ว่าเรื่องเหล่านี้เขาไม่ได้สนใจ เพียงแค่ต้องการรู้ว่ามู่เซิ่งเป็นแค่เศษสวะคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่ที่เจียงหนานจนเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง มาถึงที่นี่ เขาบดขยี้เขาให้ตายได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

เหอะ

เศษสวะอย่างคุณเช่นนี้ ก็เหมาะสมจะมาแย่งหญิงคนรักกับฉันเหรอ?

“คุณชาย นักกลั่นยาหลิ่วเข้ามาในงานแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น นายท่านพูดแล้ว ถ้าหากคุณกลายเป็นลูกศิษย์ของนักกลั่นยาหลิ่วได้ งั้นตำแหน่งของผู้นำตระกูลในอนาคตนั้น ก็ต้องเป็นของคุณ!”

ในเวลานี้ ลูกน้องที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำ เดินมาข้างๆกู่คูหราน พูดอย่างเคารพ

“เข้าในงานแล้ว?”กู่คูหรานยิ้ม สายตานำมาซึ่งความเชื่อใจ

ที่เขาฝึกศิลปะการต่อสู้และกลั่นยามากว่าหลายปี ก็เพื่อวันนี้!เขาสามารถทำให้ฉันเข้ามาโดดเด่นอยู่งในงานเลี้ยงครั้งนี้ได้ ทำให้นักกลั่นยาหลิ่วรับเขาเข้าเป็นศิษย์!

“พี่กู่คูหราน พวกเราเข้างานดีกว่านะ”เวยปิงเอ๋อร์พูดกล่าว

“ได้ พ่อขอฉันจัดเตรียมตำแหน่งสนามในให้ฉันสองที่นั่งพอดี คุณอยากจะไปด้วยกันไหม?”กู่คูหรานพูดกล่าว

“คิดอยู่แล้ว”

เวยปิงเอ๋อร์มาถึงที่นี่เพื่องานเลี้ยงครั้งนี้โดยเฉพาะ แต่น่าเสียได้ยินว่าคนที่ไม่เข้าร่วมการทดสอบเข้ามาสนามในไม่ได้เลย เธอทำได้เพียงดูอยู่ที่สนามนอก ตอนนี้กู่คูหรานพาเธอเข้าไปได้ เธอยังไม่ทันได้ดีใจเลยนะ

และตอนที่ทั้งสองกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปที่หน้าประตูงานเลี้ยง กู่คูหรานถึงได้หัวเราะอย่างเยือกเย็น ละสายตาไปที่มู่เซิ่ง

“มู่เซิ่ง ขอโทษ พวกเราเข้าไปก่อนแล้ว แต่ว่า คุณในฐานะที่เป็นนักกลั่นยา น่าจะมีสิทธิ์เข้ามาสนามในด้วยตัวเองนะ?”

“ได้ทั้งนั้น เรื่องที่ฉันมาที่นี่ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว งานกลั่นยา ก็ดูไปเรื่อยเปื่อย สนามในสนามนอกไม่ได้แตกต่างอะไรมากมาย”มู่เซิ่งส่ายหน้าอย่างเงียบๆพร้อมพูดกล่าว

แม้ว่าเขาอยากรู้ความแตกต่างของนักกลั่นยากับนักกลั่นยาระดับชั้นต้นมาก แต่ในสายตาของเขา สนามในและสนามนอกก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีเขาก็ไม่ได้ไปเพราะฝากตัวเป็นศิษย์อยู่แล้ว

“เหอะๆ เห็นชัดๆว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปสนามใน ยังทำแสร้งทำเป็นดูถูก”

ได้ยินที่มู่เซิ่งพูด เวยปิงเอ๋อร์เยาะเย้ยอยู่ข้างๆหนึ่งประโยค

อย่างที่รู้ ถ้าหากว่ามู่เซิ่งเป็นผู้กลั่นยาจริงๆ ก็ถูกคนเชื้อเชิญมาสนามในตั้งนานแล้ว ตอนนี้ยังจะพูดว่าไม่อยากเข้าไป หากคนอื่นมาเห็นเข้า เกรงว่าจะหัวเราะจนฟันร่วงนะ

หลังจากที่เธอยิ้มเยาะใส่มู่เซิ่ง เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

และตอนที่มู่เซิ่งไม่อยากสนใจมากมาย เตรียมที่จะเดินเข้าไปอีกช่องทางหนึ่ง ทันใดนั้นก็มียามเดินเข้ามา โค้งคำนับพร้อมพูดว่า “ขอสอบถามหน่อย คุณคือคุณมู่เซิ่งใช่ไหม”

“ฉันเอง”

มู่เซิ่งพยักหน้า

“คุณมู่เซิ่ง คุณวิลเลี่ยมให้โควตาสนามในของเขากับคุณเป็นพิเศษ เพราะงั้นผมจะพาคุณเข้าไปสนามใน เดินไปทางนี้ครับ” ยามพูดกล่าว

เอาโควต้าในงานมอบให้ตัวเอง?

มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะตะลึง แม้แต่ลูกสาวของคุณวิลเลี่ยมเองก็ทำได้เพียงเข้าในสนามนอก ยังต้องอาศัยกู่คูหรานถึงพาเข้ามาได้ โควต้าสนามในและสนามนอกสำหรับมู่เซิ่งแล้วไม่ได้แตกต่างมากมายแต่ว่าคุณวิลลเลี่ยมกลับว่ามอบเขาให้ตัวเอง ก็มองออกได้ว่า เขาเห็นความสำคัญของมู่เซิ่ง

ตอนนี้คิดอยากจะปฏิเสธ วิลเลี่ยมไม่ยินยอมแน่นอน มู่เซิ่งก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอลรับ : “ก็ได้นะ”

ยามหันหลัง นำทางไปข้างหน้า

เดินเข้ามาในงานเลี้ยง ไม่ได้จัดวางเก้าอีกต่างๆนาๆ ในทางกลับกันเหมือนเป็นเวทีที่ขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล ตำแหน่งของในสนามบาสเก็ตบอลคือสนามใน ตรงกลางเป็นรั้วกั้น นอกรั้วกั้น เป็นสนามนอก

มีบุคคลมากมายรายล้อม ต่างก็เป็นผู้ที่มีอิทธิพลชั้นยอดแต่ละพื้นที่ แม้ว่านั่งอยู่นอกสนาม อย่างน้อยก็เป็นผู้นำตระกูลของครอบครัวอันดับหนึ่งขึ้นไปของที่อื่นๆถึงจะมีสิทธิ์นี้

หลังจากที่เห็นมู่เซิ่งเดินเข้ามา กู่คูหรานอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วครู่หนึ่ง

มู่เซิ่งคนนี้ ชั่วร้ายจริงๆ

แต่สถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้ เขาก็ไม่มีเวลาไปสนใจมู่เซิ่งแล้ว เดินเข้าไปในงานเลย

ภายในงาน มีคนมารวมตัวไม่น้อย หนึ่งในนั้นล้วนเป็นลูกศิษย์ของตระกูลร่ำรวยและตระกูลอันดับหนึ่งของเยียนจิง ยืนคันไม้คันมืออยากเริ่มการแข่งขันอยู่ตรงนั้น อยากที่จะลองดู

“การแข่งขัน แบ่งเป็นสองส่วน”

“ส่วนแรก การคัดเลือกอีกครั้ง”

“การคัดเลือกครั้งแรก คัด 10 คน ท้ายที่สุดคนที่เข้ารอบ ก็ทำการคัดเลือกลูกศิษย์สามคน โดยรับเป็นศิษย์สำนักของนักกลั่นยาหลิ่ว ”

พิธีกรที่อยู่บนเวทีหยิบไมค์ขึ้นมา พูดเสียงดัง น้ำเสียงสูง ได้ยินว่าผู้คัดเลือกเหล่านั้นดีใจอย่างมาก นี่เป็นนักกลั่นยาระดับชั้นต้น เลื่อมใสเป็นอาจารย์ ก็ยิ่งมีชื่อเสียงได้ !

“การทดสอบรอบแรก ผู้แข่งขันทุกคน พวกคุณใช้วัตถุดิบที่อยู่ตรงหน้า กลั่นยาที่คุณคิดว่าสุดยอดที่สุดออกมา ฉันจะดูวิธีการของพวกคุณ เพื่อคัดลูกศิษย์ ก็สามารถประสบความสำเร็จอย่างที่ทำให้คนตะลึงงันได้ในช่วงเวลาสั้นๆ”

พิธีกรพูดเสร็จ ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมยาวสีดำเดินออกมา ลมหายใจของเขาสงบนิ่ง ถึงขั้นค่อนข้างที่จะไม่เสถียร เหมือนคนป่วยกระเสาะกระแสะและร่างกายอ่อนแอ แต่ใบหน้าของเขา เผยเย่อหยิ่งอย่างเป็นธรรมชาติ

เขาเป็นนักกลั่นยาชั้นหนึ่ง หลิ่วเทียนเย่า!

ผู้เข้าแข่งขันด้านล่าง หลังจากที่ได้ยินเงื่อนไขนี้ สายตาเป็นประกายทันที ตามมาด้วยยกวัตถุดิบบนโต๊ะขึ้นมา โยนเข้าไปในเตาหลอมยา

แน่นอนว่าเตาหลอมยานี้ก็เป็นการเตรียมที่หน้างาน ดีกว่าเตาทองแดงที่มู่เซิ่งซื้อมาจากข้างทางไม่รู้กว่ากี่เท่า

กลั่นยา มีสามองค์ประกอบ

เตาหลอมยา วัตถุดิบ และระดับของผู้กลั่นยา

แต่ว่าที่หน้างานนี้ สองอันดับแรกต่างก็มีเหมือนกันหมด ข้อนี้ ทดสอบระดับทักษะของนักกลั่นยาทุกคนจริงๆ

ตามมาด้วยหลิ่วเทียนเย่าประกาศเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศทั้งงาน ต่างก็ตึงเครียดขึ้นมาสุดๆ

หลิ่วเทียนเย่าเดินลงมาจากบนเวที เขาเดินไปยังข้างกายของลูกหลายตระกูลที่กลั่นยาอย่างจริงๆ ทุกคนที่เดินไปยังทุกคน ล้วนแต่หยุดเดินครู่หนึ่ง ลูกๆหลานๆที่ถูกเขาจับตามองเหล่านั้น กระฉับกระเฉงอย่างมาก เพิ่มความขยันในการกลั่นยา

เวลาค่อยๆผ่านไป แต่กลุ่มคนในงาน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง จับจ้องภาพฉากบนเวทีอย่างไม่ละสายตา

“ออก!”กู่คูหรานตะโกนเสียงดัง

มือทั้งสองข้างของเขาจับที่เตาหลอมยาข้างหน้า ตบๆเตาหลอมยาอย่างรุนแรง ตามมาด้วยเสียงสั่นสะเทือน ยาพ่นออกมาจากในเตาหลอมยา เปล่งกลิ่นอายของยาที่เข้มข้นอย่างมากออกมา

“ยานี้……”

“ยาเช่อซิน?คิดไม่ถึงว่ามีคนกลั่นยาแบบนี้ได้?”

“สุดยอดเกินไปแล้วนะ!”

ผู้คนหวาดกลัวและใจเต้นแรง ตามมาด้วย ระเบิดเสียงอุทานที่ตกใจเช่นนี้