บทที่ 239 ลูกสาวพ่อฉลาดที่สุด

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 239 ลูกสาวพ่อฉลาดที่สุด

บทที่ 239 ลูกสาวพ่อฉลาดที่สุด

โจวอี้ซื้ออาคารทั้งหลังเพื่อใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของ “คอลเลกชัน เอนเตอร์เทนเมนท์” อย่างง่ายดายไม่มากความ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาไปที่สำนักงานใหญ่ของหยางกรุ๊ป เขาก็ตรวจสอบเอกสารสัญญาการซื้อที่ดินอย่างละเอียด

และเขายังขอให้เฉิงฮ่าวช่วยหาทนายความไว้อีกด้วย

ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงในการตรวจทานความเรียบร้อยของสัญญาทั้งหมดก่อนที่โจวอี้จะลงนามในเอกสารทุกแผ่น ซึ่งสัญญาจะมีผลบังคับใช้หลังจากที่หน่วยงานรัฐบาลอนุมัติแล้ว หลังจากนั้นโจวอี้จึงจะกลายเป็นเจ้าของที่ดินสี่ร้อยไร่ในหลี่ซานอย่างเป็นทางการ

แน่นอนว่าเงินควรโอนเงินหลังจากเซ็นเอกสารทั้งหมด

โจวอี้ไม่รอช้า เขาโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของหยางกรุ๊ปทันที

สามร้อยยี่สิบล้านสำหรับซื้ออาคาร

และซื้อที่ดินอีกสี่ร้อยล้านหยวน

โจวอี้ยังมีเงินเหลือ 2.6 พันล้านหยวนในบัญชีธนาคารของเขา

“พี่หยาง หยางกรุ๊ปของพี่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไหม? ช่วยแนะนำสถาปนิกให้ผมได้ไหม” โจวอี้ถาม

“ไม่มีปัญหา ฉันจะให้ข้อมูลติดต่อเอง พรุ่งนี้นายสามารถไปพบเขาได้เลย” หยางเซี่ยวหางตอบ

“ขอบคุณมากครับ”

หลังจากเซ็นสัญญาทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว โจวอี้ก็ไม่ได้รั้งอยู่ในหยางกรุ๊ปอีก เขาเก็บเอกสารและกลับไปพร้อมกับทนายความ เขาบอกลาอีกฝ่ายนอกอาคารหยางกรุ๊ป และกลับไปที่ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า

“พี่ เสี่ยวรุ่ยตื่นแล้ว” ถงหู่รีบแจ้งข่าวด้วยรอยยิ้ม

“เธอเป็นยังไงบ้าง”

“ดีมาก ผมถามเสี่ยวรุ่ยแล้ว เธอบอกว่าเธอรู้สึกฉลาดขึ้น”

โจวอี้พยักหน้า เมื่อเขามาถึงห้องนั่งเล่น เขาก็เห็นถังเสี่ยวรุ่ยกำลังพลิกอ่านหนังสือในมืออย่างเงียบ ๆ แต่คิ้วของเธอขมวด เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะอ่านหนังสือเล่มนั้น

“เสี่ยวรุ่ย ลูกรู้สึกยังไงบ้าง” โจวอี้เดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม

“พ่อคะ หนูฉลาดขึ้นแล้ว” ถังเสี่ยวรุ่ยเงยหน้าเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมา ก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดเผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน

“เรามาลองทดสอบกันไหม?” โจวอี้ถาม

“ทดสอบยังไงคะ?”

“ง่ายมาก พ่อจะเขียนคำไว้สิบคำ แล้วพ่อจะสอนลูกให้จำคำเหล่านั้น ถ้าลูกจำสิบคำนี้ได้ทั้งหมดภายในห้านาที และเขียนออกมาภายในหนึ่งชั่วโมง จะถือว่าลูกฉลาด”

“ได้ค่ะ!”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ถังเสี่ยวรุ่ยไม่เพียงจำอักขระทั้งสิบตัวที่โจวอี้สอนเธอได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเขียนพวกมันได้ด้วยปากกา ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าความทรงจำของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก

“ต้องการทดสอบอีกครั้งไหม” โจวอี้ถาม

“ได้ค่ะ!” ตอนนี้ถังเสี่ยวรุ่ยมั่นใจแล้ว

โจวอี้ยังได้สอนถังเสี่ยวรุ่ยเรื่องวิธีการบวกลบในเลขสิบหลัก

ถังเสี่ยวรุ่ยได้พิสูจน์ความจำที่น่าทึ่งของเธออีกครั้ง รวมไปถึงความสามารถในการเข้าใจของเธอ

คำถามสิบข้อเกี่ยวกับการบวกและการลบตัวเลขสิบหลัก เธอทำได้ทุกข้อ และคำตอบก็ถูกต้องทั้งหมด

“พ่อคะ เป็นยังไงบ้าง” ถังเสี่ยวรุ่ยถามด้วยความกังวล

“เยี่ยมมากลูก ตอบถูกทั้งสิบข้อเลยนะ ความสามารถในการเรียนรู้ของลูกยอดเยี่ยมมาก ลูกคู่ควรที่จะเป็นลูกสาวของโจวอี้คนนี้! ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” โจวอี้ชมเชยพลางยกนิ้วโป้งให้เด็กน้อย

ในที่สุดถังเสี่ยวรุ่ยก็วางใจและยิ้มเขินอายออกมาเล็กน้อย

เธอชอบบ้านหลังนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอชอบโจวอี้พ่อของเธอ และเหมียวเหมี่ยวน้องสาวของเธอ แม้แต่อาถงหู่ที่เธอคิดว่าตอนแรกน่ากลัว แต่ตอนนี้เธอก็เริ่มชอบเขาแล้ว

“พ่อจ๋า เหมียวเหมี่ยวก็ยอดเยี่ยมเหมือนกันนะ!” ถังเหมียวเหมี่ยวที่อยู่ในชุดนอนสีชมพูใส่รองเท้าแตะลายแมวเหมียวรีบวิ่งเข้ามาหา ใบหน้าที่น่ารักของเด็กน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“เหมียวเหมี่ยว ตื่นแล้วเหรอ!” โจวอี้ก้าวไปข้างหน้าและอุ้มลูกสาวของเขาขึ้นมา

เขาอาบน้ำให้ลูกสาว เปลี่ยนชุดนอนให้ใหม่ แล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องนั่งเล่น

“เหมียวเหมี่ยว เรามาเล่นเกมกันไหม” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม

“ดีค่ะพ่อ เล่นเกมอะไรกันดีคะ” ถังเหมียวเหมี่ยวปรบมืออย่างร่าเริง

“มันเป็นเกมที่สนุกมากเลยล่ะ ก่อนหน้านี้พ่อกับพี่สาวของลูกก็เล่นกันไปแล้ว” โจวอี้หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาอีกครั้ง เขาเขียนตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 9 จากนั้นก็ถามว่า “ลูกจำได้ไหม?”

“หนูจำได้ค่ะ” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้า

“ดี! ถ้าลูกจำได้ เดี๋ยวพ่อจะให้ลูกเขียนมันอีกครั้งหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง จะได้พิสูจน์ว่าลูกฉลาดมากแค่ไหน ตกลงไหม?” โจวอี้หัวเราะ

“อื้ม อื้ม!” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้าทันที

หนึ่งชั่วโมงต่อมา โจวอี้ขอให้ลูกสาวของเขาเขียนเลข 0 ถึง 9 อีกครั้ง ซึ่งเด็กน้อยยังจำมันได้และเขียนออกมาทันที

“เหมียวเหมี่ยว สุดยอดไปเลย มาต่อกันเลย…”

โจวอี้สอนถังเหมียวเหมี่ยวเรื่องวิธีการบวกลบ แต่มันเป็นเพียงการบวกและลบเลขเพียงหลักเดียว

ถังเหมียวเหมี่ยวศึกษาอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะในเกมนี้

ในรอบที่สองของการทดสอบ เด็กน้อยจำวิธีการบวกและลบที่โจวอี้สอนได้แล้ว และตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง

“เหมียวเหมี่ยว ดีมากเลย ลูกกับพี่เสี่ยวรุ่ยของลูกเก่งที่สุดเลย!” โจวอี้ยกนิ้วให้พวกเด็ก ๆ

เด็กทั้งสองพอใจมาก

ผลของยาเม็ดตื่นรู้ได้แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่แล้วในเวลานี้ ความจำของลูกสาวของเขาดีขึ้นมาก และความสามารถในการคิดเชิงตรรกะของพวกเธอก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเธอจะกลายเป็นอัจฉริยะในสายตาของคนทั่วไปแน่นอน

หลังจากนั้น โจวอี้ก็เริ่มคิดเรื่องทักษะต่อมา

นั่นคือการเสริมสร้างร่างกายของลูกสาวทั้งสอง เพื่อทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและเหมาะสมสำหรับการฝึกยุทธ์มากขึ้น

ต้องแช่อ่างยาอย่างต่อเนื่อง

สรรพคุณของยาที่จะใช้แช่ตัวต้องสามารถล้างไขกระดูก ขัดเกลาจุดชีพจร และทำให้ความแข็งแกร่งทางร่างกายเพิ่มมากขึ้น

ความลังเลเพียงอย่างเดียวของโจวอี้คือเขาควรจะให้ยาอะไรกับลูกสาวสองคนนี้ดี?

จากคำกล่าวที่ว่า ‘ยาเป็นพิษ’

แม้ว่าเขาจะมั่นใจมากพอที่จะลดพิษของยาให้เหลือน้อยที่สุด แต่เขาก็ลังเลเกี่ยวกับตัวยาหลายตัว

ในที่สุดเขาก็มองไปที่แม่เฒ่าเทียนจี้

“น้ำค้างบัวหมึก” แม่เฒ่าเทียนจี้ให้คำแนะนำทันที

“ควรใช้มัน?” โจวอี้ตกตะลึง

เนื่องจากยาหลายตัวที่เขาพิจารณาก่อนหน้านี้ไม่มีน้ำค้างบัวหมึกในตัวเลือกเลย

ดอกบัวมีอยู่ 8 ชนิด

บัวหมึกเป็นสมุนไพรยาที่หายากและมีค่าที่สุด ติดในห้าสิบอันดับของรายการสมุนไพรวิเศษ

น้ำค้างบัวหมึกคือการต้มบัวหมึกเป็นวัตถุดิบยาหลักและวัตถุดิบเสริมอีกเก้าชนิด สิ่งนี้เป็นยาชั้นยอดที่สามารถล้างไขกระดูก ขัดเกลาชีพจร และทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น

“คุณย่า ผลข้างเคียงของมันจะรุนแรงเกินไปไหม พวกเธอยังเด็กและอ่อนแออยู่ ผมเกรงว่าพวกเธอจะทนผลข้างเคียงของน้ำค้างบัวหมึกไม่ได้”

“ระหว่างการต้ม ให้เติมสารลดแรงตึง” แม่เฒ่าเทียนจี้ตอบ

“จริงด้วย!” โจวอี้ตบหน้าผากตัวเองทันที

สารลดแรงตึงเป็นสารชนิดพิเศษที่มีความเข้ากันได้ดีกับสสารอื่น ๆ และทำให้ผลข้างเคียงยาที่รุนแรงนั้นบรรเทาลง หากผสมมันเข้ากับน้ำค้างบัวหมึก มันจะกลายเป็นยาที่อ่อนลงมาก

ด้วยสภาพทางกายปัจจุบันของลูกสาวทั้งสอง หลังจากดูดซับเข้าไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีปัญหาเท่านั้น แต่สรรพคุณที่มหาศาลของยานี้จะค่อย ๆ แทรกซึมให้เข้ากับร่างกายของพวกเธอ รวมทั้งปรับปรุงกายภาพให้ดียิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภัย

โจวอี้คว้าโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหาซุนเม่าไฉและอวี้ชิงเหอ เขาขอให้ทั้งคู่เพิ่มบัวหมึกในรายการยาที่ต้องจัดซื้อ