ตอนที่ 347 หากข้ามีมนต์ดำ…
ในเมื่อต้องจัดการพื้นที่แปดเปื้อนสิ่งชั่วร้ายให้กลับมาเป็นพื้นที่ล้ำค่าในวันพรุ่งนี้ เช่นนั้นก็จำต้องค้างที่หมู่บ้านไหวเซียงก่อนหนึ่งคืน โชคดีที่ซ่งเยี่ยได้สร้างบ้านบรรพบุรุษเอาไว้ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้หนึ่งหลัง โดยปกติแล้วมีผู้ใหญ่บ้านคอยช่วยดูแล รวมถึงสุสานด้วย
เพียงแต่ยามนี้สุสานถูกคนขุดแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่บ้านที่กำลังยิ้มประจบสอพลออยู่ตรงหน้า ความโกรธของซ่งเยี่ยก็ไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้ ปะทุออกมาอย่างรุนแรงหนึ่งรอบ
ตนเองเป็นขุนนางขั้นสี่ ย้ายพื้นที่ของบรรพบุรุษมาไว้ยังหมู่บ้านไหวเซียง ที่นาของหมู่บ้านแห่งนี้แขวนอยู่ในนามของเขา ประหยัดภาษีที่ดินไปจำนวนมาก แม้แต่การเก็บเบี้ยของตระกูลซ่งยังมอบให้เป็นส่วนกลางของหมู่บ้าน เขาไม่ได้ร้องขออะไรมาก เพียงดูแลสุสานบรรพบุรุษให้ดีก็พอแล้ว แต่เพียงเท่านี้ ก็ยังถูกคนทำลายแล้ว
หากไม่ใช่เพราะสุสานของฉั่งเอ๋อร์พัง เขาต้องไปร้านผู้เฒ่ากวนกะทันหัน จะไม่ถูกกักขังอยู่ในความโง่งมไปจนตายหรือ
“ข้าถามท่าน สุสานบรรพบุรุษของข้า มีคนแปลกหน้ามาหรือไม่” ซ่งเยี่ยจ้องผู้ใหญ่บ้านเขม็ง
ผู้ใหญ่บ้านส่ายศีรษะ “ไม่มีขอรับ ความจริงพวกเราระแวดระวังเป็นอย่างดี ขึ้นไปดูตลอดสองวันสามวัน”
เขาชะงัก เอ่ย “เพียงแต่สิบกว่าปีก่อน ท่านเขยเว่ยเคยมา บอกว่าเดินทางผ่านมาจึงจะมาไหว้สักหน่อยขอรับ”
ซ่งเยี่ยนิ่งค้าง “มากันเท่าใด” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“สองคนขอรับ ยังมีชายแก่อีกหนึ่งคน”
ซ่งเยี่ยโมโหขึ้นมา เกือบระเบิดออกมาแล้ว ยังเป็นฉินหลิวซีที่เกลี้ยกล่อมเขาเอาไว้ได้
“คนชั่วร้ายร่ายคาถา คนธรรมดาทั่วไปไหนเลยจะดูออก ต่อไปให้ระวังสักหน่อยก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย
ซ่งเยี่ยจึงปล่อยผ่าน ให้ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาทำความสะอาดห้องสองห้อง นำฟูกที่นอนมา ทำกับข้าว ต้มน้ำร้อน ก่อนจะถูกไล่ออกไป
“ท่านอาจารย์ วันนี้ขึ้นเนินเหนื่อยมาทั้งวัน ตัวก็สกปรกแล้ว จะล้างหน้าล้างตาก่อนหรือไม่” ยามนี้ซ่งเยี่ยแทบจะกราบไหว้ฉินหลิวซีประดุจบรรพบุรุษ
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอก”
นางใช้ยันต์ขจัดสิ่งสกปรกแผ่นเดียวก็ทำให้ตัวสะอาดเอี่ยมอ่องได้
ซ่งเยี่ยและทหารคนสนิทมองตาละห้อย ทว่าไม่กล้ายื่นมือไปขอ
ซ่งเยี่ยนึกถึงของที่นำกลับมาเหล่านั้น รวมถึงศพทารกนั้น สีหน้าเข้มขึ้นมา เอ่ย “ท่านอาจารย์ ศพทารกนี้ เอาไว้ทำสิ่งใดหรือ”
“ศพเด็กทารกเป็นหยิน ยิ่งเป็นรูปเป็นร่างในครรภ์ทว่าไม่อาจคลอดออกมาได้ ยิ่งเป็นพลังหยินชั่วร้าย มนต์ดำใช้ศพเด็กทารกนี้ อีกทั้งยังมีของที่เป็นพลังมนต์ดำพลังหยินทำให้ฮวงจุ้ยของสุสานบรรพบุรุษของตระกูลท่านเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้เป็นพื้นที่หยินชั่วร้ายขึ้นมา บรรพบุรุษแปดเปื้อน แน่นอนว่าไม่สามารถคุ้มครองลูกหลานได้ เมื่อพื้นที่หยินกลายเป็นความชั่วร้ายย่อมส่งผลถึงลูกหลาน ความโชคร้ายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หรืออาจเจ็บป่วยจนถึงตาย จุดนี้ท่านเองน่าจะสัมผัสได้”
ซ่งเยี่ยพยักหน้า สัมผัสได้มากทีเดียว
บุตรชายเขาตายไปสองคน ภรรยาสายหลักหนึ่งคน ยามนี้ยิ่งไร้บุตรชาย นอกจากนี้เขาถูกแช่อยู่ที่ขุนนางขั้นสี่ หลายปีมานี้ไม่เคยได้เลื่อนขั้น ไม่ใช่ยังมาไม่ถึงเขา ก็ถูกเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งคอยขัดขวาง
“ดังนั้นฮวงจุ้ยของสุสานจึงสำคัญมาก หากจัดการไม่ดี นั่นคือบ้านแตกผู้คนล้มตาย”
ซ่งเยี่ยได้ยิน ดวงตามีความโกรธแค้น
เขาเหลือบมองศพทารก น้ำเสียงคลุมเครือ “ท่านอาจารย์ ศพทารกนี้คือหลานของข้าคนนั้นหรือไม่”
“อยากรู้หรือ” ฉินหลิวซีครุ่นคิด หยิบชาดแดงกระดาษเหลืองออกมาวาดยันต์หนึ่งแผ่น วางไว้ในถ้วย ให้เขาหยดเลือดหนึ่งหยดลงไป ยังขูดฝุ่นขี้เถ่าบนกระดูกขาวขนาดเท่าเล็บมือ จากนั้นจุดไฟเผายันต์
ซ่งเยี่ยไม่เข้าใจ เพียงจ้องมองถ้วยตรงหน้า สิ่งที่ทำให้ดวงตาของเขาเบิกโตก็คือ หลังจากยันต์ถูกเผาไหม้ มีเส้นสายใยเลือดบางๆ แทบมองไม่เห็นสองเส้น ค่อยๆ พันเข้าหากันกลางอากาศ ไม่นานก็คลายออก
“เป็นเขา” ฉินหลิวซีดึงสายตากลับมา “มีเพียงสายเลือดเดียวกัน สายใยเลือดจึงจะพันเข้าหากันเช่นนี้”
ซ่งเยี่ยทรุดลงกับพื้น กระบอกตาร้อนขึ้นมา น้ำตาร่วงหล่นลงมา กำมือแน่นก้มหน้าลงกับพื้น
เว่ยไฉโจว เขาโหดเหี้ยมนัก
“นี่เป็นบุตรชายแท้ๆ ของเขา ไยจึง ไยจึงทำเช่นนี้ได้” นำร่างของลูกห่อลวกๆ ทำเป็นของชั่วร้ายเอามาฝังไว้ใต้แผ่นป้ายสลักนามผู้ตาย มารดาของเขายังเป็นคนอยู่หรือไม่
ฉินหลิวซี “แม้จะเหี้ยมโหด แต่ท่านโชคดี คนที่เขาหามานั้นยังร่ำเรียนวิชาไม่ละเอียด เด็กทารกที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเกี่ยวพัน แม้จะฝังไว้ใต้แผ่นป้ายสลักนามผู้ตายเพื่อบ่มเพาะความชั่วร้าย แต่ต่างฝ่ายต่างมีเลือดเนื้อเชื้อไขสัมพันธ์กัน ระยะเวลาการบ่มเพาะนั้นเชื่องช้า อีกทั้งบรรพบุรุษของท่าน จริงสิ บรรพบุรุษทำอะไรหรือ”
ซ่งเยี่ยเช็ดน้ำตา เอ่ย “ฆ่าหมู”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “มิน่าเล่า ฆ่าหมูเดิมก็มีพลังชั่วร้าย ชั่วร้ายเจอกับชั่วร้าย สำคัญคือใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ ทั้งยังมีสัมพันธ์เลือดเนื้อเชื้อไข แม้พื้นที่สุสานบรรพบุรุษจะแปดเปื้อนความชั่วร้าย แต่ยังไม่ถึงขั้นเลวร้าย”
“พวกเราเกือบจะตายแล้ว นี่ยังไม่เลวร้ายอีกหรือ” ซังเยี่ยเบิกตาโต
ฉินหลิวซียิ้มเย็น “คนที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่มีทางใช้ศพทารกที่มีความเกี่ยวพันกับเลือดเนื้อเชื้อไข เช่นนี้จะต่างอะไรกับการฝังในสุสานบรรพบุรุษ หากเป็นข้า จะหาวันเดือนปีเกิดเวลาเกิดเป็นหยินกระทั่งของหยินที่เป็นพลังแห่งมนต์ดำ ฝังในตำแหน่งที่เหมาะสม ตอกตะปูโลงศพเจ็ดดอกเข้าที่ใจกลางของสุสาน ตำเครื่องรางเรียกหยินเรียกผีหลายชิ้น ยันต์หยินชั่วร้าย ไม่เกินสามเดือน ลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลนั้นจะตายสิ้นจนหมด”
ครื้นนน ครื้นนน
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น
ฉินหลิวซี “…” โนเวลพีดีเอฟ
นางเพียงเอ่ยเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่นางเพียงเอ่ยเท่านั้นกลับทำให้ซ่งเยี่ยและเหล่าทหารคนสนิทแข็งค้างเป็นท่อนไม้ มองอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัว
ท่าน ท่านคือสัตว์ร้ายภายใต้รูปลักษณ์พระโพธิสัตว์หรือไม่
ฉินหลิวซีกระแอมไอ เอ่ย “อย่างไรเรื่องมาถึงตอนนี้ ท่านรู้สึกโชคดีสักหน่อยเถิด อย่างน้อยพวกท่านสองพี่น้องก็ยังมีชีวิตอยู่ รออาการไตพร่องของท่านเข้าที่สมดุลแล้ว อนาคตท่านก็จะให้กำเนิดตุ๊กตาตัวน้อยๆ หลายคนได้”
ไต ไตพร่องหรือ
ทหารคนสนิทมองไปยังท่านแม่ทัพของตน หันมองไปที่เอวของเขา ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยนะ
ซ่งเยี่ยเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าสุขภาพไม่ดีเพราะสุสานบรรพบุรุษไม่ดีต่างหาก”
ทหารคนสนิทเอ่ยตอบรับ ขอรับ พร้อมรอยยิ้มเย้า ช่วยก่นด่านักพรตชราผู้นั้นและเว่ยไฉโจวไม่กี่ประโยคว่าร้ายกาจยิ่งนัก
ซ่งเยี่ยกลับมานิ่งเงียบ มองไปยังกระดูกขาวเล็กๆ เช็ดน้ำตาอีกครั้ง
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับเขาเล่า”
ฉินหลิวซีเอ่ย “เดี๋ยวข้าจะช่วยสวดคาถาปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายพร้อมทั้งให้ไปผุดไปเกิด ท่านหาอะไรมาเก็บเถ้ากระดูกเถิด”
ซ่งเยี่ยรีบเอ่ยขอบคุณ
ฉินหลิวซีเป็นคนที่พูดได้ทำได้ หลังจากมื้ออาหารเย็นแล้วก็สวดคาถาล้างสิ่งชั่วร้ายพร้อมทั้งส่งไปเกิด จากนั้นค่อยไปพักผ่อน
กลางดึก นางได้ยินเสียงเกือกม้า ทั้งได้ยินเสียงเหี้ยมโหดของซ่งเยี่ยที่อยู่ห้องด้านข้าง “จับตาเอาไว้ อย่าให้หนีไปได้”
ฉินหลิวซีไม่ได้ลุกขึ้นมา ฟ้ายังไม่ทันสว่าง นางปฏิบัติตามความเคยชินในทุกๆ วัน นั่งขัดสมาธิหัวแม่มือจรดข้อนิ้วขณะสวดมนต์ เข้าสู่ความสงบเงียบ ผ่านไปไม่นาน ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
กลับมายังสุสานบรรพบุรุษตระกูลซ่งอีกครั้ง ฉินหลิวซีก็ไม่มากความ เตรียมเครื่องราง วางไปตามตำแหน่งที่เข็มทิศแสดงทีละชิ้น วางค่ายคาถากำจัดสิ่งชั่วร้าย
“อย่างน้อยต้องรักษาเอาไว้สามเดือน พลังชั่วร้ายนี้ก็จะหายไปแล้ว เป็นเครื่องรางนำโชคทั้งนั้น หล่อเลี้ยงพลังได้ หลังผ่านไปสามเดือนแล้วไม่จำเป็นต้องเอาลงมา” ฉินหลิวซีบอกกับซ่งเยี่ย
ซ่งเยี่ยรีบกล่าวตอบรับ
ฉินหลิวซีถือเข็มทิศ เดินไปทางทิศตะวันออกทิศตะวันตก ไกลจากสุสานเพียงยี่สิบจั้ง ยืนนิ่งแล้วเรียกซ่งเยี่ยมา
“ได้ยินว่าเด็กที่ตายก่อนวัยอันควรไม่อาจฝังในสุสานบรรพบุรุษได้ ตำแหน่งตรงนี้ก็ดี ไม่นับว่าเป็นสุสานของบรรพบุรุษตระกูลท่าน แต่ยังได้รับการปกป้องคุ้มครองบ้าง หลานทั้งสองของท่านนั้น ฝังเอาไว้ตรงนี้ได้”
ซ่งเยี่ยนึกว่าอีกฝ่ายจะมีคำสั่งอื่นใด แต่ไม่คิดว่าจะช่วยหาตำแหน่งให้เด็กน่าสงสารสองคนนั้น แสบจมูกขึ้นมาทันใด หันไปยกมือประสานขอบคุณ