บทที่ 201 ที่ดินของครอบครัว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 201 ที่ดินของครอบครัว

บทที่ 201 ที่ดินของครอบครัว

“ท่านพี่ สิ่งนี้คืออะไร สามารถกินได้หรือไม่?” กู้หนิงผิงเลียนแบบท่าทางของกู้เสี่ยวหวาน ยื่นมือออกไปแล้วออกแรงดึง

นี่คือสิ่งใดนุ่มนิ่มยิ่งนัก กู้หนิงผิงเด็ดมาสองสามอัน รู้สึกท้อแท้เล็กน้อย เจ้าสิ่งนี้พอจับมาอยู่ในมือมันก็เน่าเสียแล้ว แต่พอมองพี่สาวตัวเองต่อให้นางเด็ดกี่อันต่อกี่อันก็ไม่มีเสียหายเลยสักนิด

“กินได้…” กู้เสี่ยวหวานเลือกเก็บอันต่อไปอย่างระมัดระวังอยู่อีกด้านหนึ่ง พร้อมทั้งตอบน้องชายไปด้วย

กู้หนงผิงมองพี่สาวเก็บเห็ดตี้มู่ อันใหญ่ทั้งยังรวดเร็ว ไม่เหมือนกับตัวเองเลยที่แค่เก็บมันก็เน่าเสียแล้ว

กู้เสี่ยวหวานเห็นดังนั้นก็รีบสอนน้องสองคนว่าต้องเก็บอย่างไร ที่นี่มีเห็ดตี้มู่ขึ้นเยอะจริง ๆ นางคนเดียวคงเก็บไม่หมด

อีกอย่างกู้เสี่ยวหวานก็อยากจะรีบเก็บให้เสร็จไว ๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนผ่านมาเห็นแล้วพบตัวพวกเขาเข้า กลัวว่าต่อไปจะไม่สามารถมาที่นี่กับพวกเขาได้อีก

เห็ดตี้มู่นี้คุณค่าทางโภชนาการสูงมาก อีกทั้งยังหายาก

ที่บนคันนาก็มีเช่นกัน คันนาที่อื่นก็ย่อมต้องมีเช่นกัน กู้เสี่ยวหวานและน้องสองคนร่วมด้วยช่วยกันทั้งช่วงเช้า แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ซัก สุดท้ายก็สามารถเก็บได้หนึ่งตะกร้าเต็ม ๆ กู้หนิงผิงยกตะกร้าที่ถูกอัดแน่นจนเต็มขึ้นมา

อ๊า!

นั่งย่อง ๆ มาตลอดทั้งเช้า กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเหน็บกินขา หน้ามืดตาลาย แต่แค่เห็นในตะกร้าเต็มไปด้วยเห็ดตี้มู่ กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขแล้ว

แค่คิดว่าตอนบ่ายจะได้กินเห็ดตี้มู่ กู้เสี่ยวหวานก็กลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว

แม้ว่าเห็ดตี้มู่นี้จะอร่อย แต่มันล้างยากมาก ตรงรากของเห็ดตี้มู่มีทรายและโคลนอยู่ตามรอยหยัก ถ้าล้างไม่สะอาดก็เท่ากับกินดินทรายเข้าไปเต็ม ๆ ยากจะกลืนลง

กู้เสี่ยวหวานแบกตะกร้ามาริมแม่น้ำ นำเห็ดตี้มู่อันหนึ่งวางไว้บนก้อนหินใหญ่สะอาด จากนั้นก็ใช้น้ำในแม่น้ำล้างจนสะอาด ตะกร้าก็วางไว้อีกด้านหนึ่ง นั่งย่อง ๆ บนก้อนหิน แล้วค่อย ๆ เอาน้ำในแม่น้ำล้างเห็ดตี้มู่ให้สะอาด

กู้หนิงผิงที่อยู่อีกด้านนั้นก็ไม่ได้พักเช่นกัน เขาเอาเสื้อผ้าและเครื่องนอนมาซัก กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ได้ขัดให้พวกเขาหยุดทำ เด็ก ๆ ที่ครอบครัวยากจนเหล่านี้ ตอนอยู่ที่บ้าน งานหลายอย่างพวกนางก็แบ่งกันทำอยู่แล้ว

กู้เสี่ยวหวานก็ล้างเห็ดตี้มู่อย่างสบายใจแล้ว

เห็ดตี้มู่ในตะกร้านี้มีจำนวนเยอะมาก พอกินได้อีกนาน ถ้ากินไม่หมดก็ยังสามารถเอาไปตากแห้งเก็บรักษาให้นานขึ้นได้ สามารถเก็บกินได้เป็นปีเชียว

ของสิ่งนี้มีเพียงแค่ช่วงหน้าฝนเท่านั้น ทั้งยังแบ่งเป็นช่วงเวลาและสถานที่ อีกทั้งจำนวนก็ยังไม่เยอะ นับว่าเป็นของหายากก็ว่าได้

กู้เสี่ยวหวานวางแผนว่าจะใช้ช่วงเวลานี้ สำรวจหมู่บ้านกับบนภูเขาเพื่อหาเห็ดตี้มู่ เก็บไว้ในคลังกับข้าวในบ้าน ถือว่าเป็นอาหารอันโอชะอย่างหนึ่งเช่นกัน ถ้ามีเยอะมากก็ไม่แน่ว่านางอาจจะเอาไปขายในเมืองก็ได้ ทั้งยังขายได้ราคาดีอีกด้วย

รอจนกระทั่งเสร็จงานทั้งหมดแล้ว พวกของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเวียนหัวตาลายเพราะความหิว จึงรีบพากันกลับบ้านต้มเห็ดตี้มู่ชามใหญ่ สำหรับครั้งแรกกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตระหนี่ที่จะใส่เห็ดตี้มู่ นางกำเห็ดตี้มู่สองกำทำเป็นแป้งกวนออกมา เด็ก ๆ ต่างพากันกินกันอย่างชื่นมื่น

“ท่านพี่ เจ้าสิ่งนี้สดมากเลย!” นี้เป็นครั้งแรกที่กู้หนิงผิงได้กินเจ้าสิ่งนี้ น้ำแกงที่ใส่เห็ดตี้มู่ช่างมีกลิ่นหอมเย้ายวนยิ่งนัก

“อร่อยก็กินเสียเยอะ ๆ สองสามวันนี้พวกเราเดินสำรวจดูว่ามีเจ้านี่ขึ้นที่ใดบ้าง” กู้เสี่ยวหวานกินโดยที่ยังคงไม่หยุดพูดไปด้วย

“ขอรับ…” กู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ตอบรับพร้อมกัน ของที่อร่อยขนาดนี้ต้องเก็บกลับบ้านเยอะหน่อยแล้ว

ทานข้าวเสร็จกู้เสี่ยวหวานก็นำเห็ดตี้มู่ที่ล้างดีแล้วไปตากที่ที่ลมโกรก ตากในบ้านแบบนี้ทั้งไม่มีคนเห็นและไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาถามแล้ว

เดิมทีพอทานข้าวเสร็จกู้เสี่ยวหวานก็คิดจะให้น้องสองคนพักกันก่อน แต่กู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอม จะสะพายตะกร้าออกไปข้างนอกอย่างเดียว

กู้เสี่ยวหวานเห็นเด็กสองคนคึกคักกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้ก็ยากจะปฏิเสธ ล็อกประตูบ้านแล้วพาเด็กสองคนออกมา

วันนี้ช่วงเช้าเก็บแถวคันนา กู้เสี่ยวหวานยังมีบางที่ที่ยังไม่ได้สำรวจดู ตอนนี้พวกนางจึงพากันตรงไปที่นั่นทันที

กู้เสี่ยวหวานคิดในใจว่ามีคนเยอะขนาดนี้ ตอนเก็บเห็ดตี้มู่ตัวเองจะถูกคนเหล่านี้มองเห็นแล้วจะทำอย่างไร

ช่วงบ่ายนั้นมีชาวนาบางส่วนที่อาจจะเห็นว่าอากาศดีแล้วออกมาทำนากัน บ้างก็ขุดหน้าดิน บ้างก็กำลังหว่านเมล็ด

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ก็ถึงเวลาสำหรับการเพาะปลูกแล้วเช่นกัน มีชาวบ้านบางส่วนรีบมาทำไร่ทำนาเร็วหน่อย

กู้เสี่ยวหวานพาพวกเด็ก ๆ กู้หนิงผิงเดินไปที่คันนาอย่างระมัดระวัง

“โอ้ เสี่ยวหวาน พวกเจ้ามาทำอะไรกันล่ะ…”

กู้เสี่ยวหวานที่กำลังครุ่นคิด กลับเห็นชายกางเกงพับขึ้นเหนือขาของชายวัยประมาณสามสิบกว่า

เสื้อผ้าของเขามีแต่รอยประชุนเต็มไปหมดตัวหนึ่ง เนื่องจากสีมันเก่ามาก จึงทำให้มองไม่ออกว่ามีดินโคลนติดอยู่บนเสื้อ ขากางเกงถูกม้วนพับไว้เหนือเข่า ขากางเกงเต็มไปด้วยโคลน เพราะว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิคนคนนี้เลยใส่ชุดค่อนข้างบาง ดูเหมือนว่าจะทำงานจนร้อนเกินไปกระมังเขาถึงถอดเสื้อตัวนอกออก

กู้เสี่ยวหวานย่อมต้องรู้จักคนคนนี้ เขาก็คือสามีของเหลียงเหยาซื่อ เหลียงมู่จิ่น

ตอนที่กู้เสี่ยวอี้หายตัวไป คนคนนี้ยังช่วยนางหาน้องสาวหนึ่งวันเต็ม ได้ยินป้าจางบอกว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์คนหนึ่ง นิสัยส่วนตัวถือว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

เหลียงเหยาชื่อแต่งเข้าตระกูลเหลียงหลายปีขนาดนั้น ก็ยังไม่สามารถคลอดบุตรชายหรือบุตรสาวได้สักคน เหลียงมู่จิ่นก็ยังไม่หย่ากับนาง จากจุดนี้ก็สามารถมองออกว่า เหลียงมู่จิ่นเป็นคนซื่อสัตย์น่าคบหาด้วยผู้หนึ่ง

แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานซาบซึ้งน้ำใจของเขา ยิ้มนิด ๆ “ท่านอาเหลียง…” ทว่านางเพียงเอ่ยทักเขาเท่านั้นไม่ได้ตอบออกมาตรง ๆ ว่าพวกเขามาทำอะไรนั้น เหลียงมู่จิ่นก็ไม่ได้ถามพวกเขาอีกรอบเช่นกัน

เหลียงมู่จิ่นเช็ดเหงื่อบนหัว เขาชี้นิ้วไปที่นาไกล ๆ “ฤดูใบไม้ผลิแล้ว บ้านของพวกเจ้าปลูกอะไรกันหรือไม่”

ที่ดินของครอบครัวนางอย่างนั้นหรือ กู้เสี่ยวหวานถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ทำไมนางถึงลืมที่นาสองสามผืนของครอบครัวนางไปได้กันนะ

กู้เสี่ยวหวานมองตามนิ้วที่เหลีงมู่จิ่นชี้