หลังจากมาถึงพระราชวังลู่เฟิงก็ตรงไปที่ห้องนอนของฮวามู่หลาน
ในห้องของเธอมีสาวใช้มากมายทำความสะอาดห้องอยู่
“ถวายบังคมฝ่าบาท”ฮวามู่หลาน ได้โค้งคำนับและแสดงความเคารพ
ลู่เฟิง ไม่ปล่อยให้เธอทำตัวเช่นนี้เขาจึงยื่นมือออกไปพยุงตัวเธอขึ้น”หลานเอ๋อร์ เจ้ามีปัญหาด้านสุขภาพงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของ มู่หลานได้แดงระเรื่อ เธอเข้าใจสิ่งที่ลู่เฟิงถามโดยเป็นธรรมชาติ
“หม่อมฉันเพียงเหนื่อยล้าเล็กน้อยแต่ไม่เป็นไรแล้วเพคะ”เธอบอกเป็นนัย ๆ
ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา”เข้าใจแล้ว”
จากนั้นเขาก็มองไปที่นางกำนัลคนอื่น ๆ แล้วโบกมือ”พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อน”
“เพคะ”
นางกำนัลได้จากไปทั้งหมด
“ฝ่าบาทพระองค์…”
ใบหน้าของ มู่หลานแดงระเรื่อ เธอยังไม่ทันพูดจบ แต่ลู่เฟิงก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอคิดว่า ลู่เฟิงจะทำเหมือนกับเมื่อวานนี้
ลู่เฟิงได้ยิ้มออกมา”หลานเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ?”
“นี่…”
มู่หลาน ไม่กล้าพูด เธอไม่สามารถตัดสินได้ ลู่เฟิง เป็นถึงจักรพรรดิเธอจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้ยังไง?
ลู่เฟิงมองไปที่ดวงตาของเธอและยิ้มออกมา”วันนี้ข้ามาเพื่อพูดคุยเรื่องของเจ้า”
“เกี่ยวกับหม่อมฉัน?”
มู่หลาน รู้สึกสับสนเล็กน้อย”ฝ่าบาท ต้องการอะไรจากหม่อมฉันงั้นเหรอเพคะ?”
ลู่เฟิงกอดมู่หลาแน่นและดึงลงไปนั่งลงบนเก้าอี้”ข้าต้องการให้เจ้าเป็นราชินีของข้า!”
มู่หลานตัวสั่นเล็กน้อย แม้ว่า ลู่เฟิง จะพูดแบบนี้หลายครั้ง แต่เมื่อเธอได้ยินมันก็ยังคงรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เธอได้ยินคำพูดที่หนักแน่นจากปากของลู่เฟิง
ลู่เฟิง ไม่ได้พูดปลอบเพื่อให้เธอพอใจเฉย ๆ
มู่หลานได้คร่ำครวญเล็กน้อยและตอบกลับ”ฝ่าบาท หม่อมฉันไร้คุณสมบัติมีเพียงความสามารถอันน้อยนิดไม่เหมาะเป็นไทเฮาของพระองค์ หม่อมฉันเพียงหวังว่าในใจของพระองค์มีหม่อมฉันก็เพียงพอแล้ว”
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นไทเฮา แต่มู่หลาน ก็ยังคงรักลู่เฟิง และ เป็นนางสนมของเขาได้
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ได้อยู่กับลู่เฟิง
มู่หลาน ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้หรือได้รับอำนาจ ธรรมชาติแล้วเธอไม่ต้องการเป็นไทเฮา
แต่สำหรับ ลู่เฟิง เขามีเหตุผลของตัวเขาเอง
ฮวามู่หลาน เป็นคนที่มีบุคลิกดี ไม่ได้แก่งแย่งชิงอำนาจและยังเป็นคนที่เขาไว้ใจ
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ลู่เฟิง ถึงต้องการแต่งตั้งมู่หลานเป็นไทเฮา
เขาได้จับมือมู่หลานและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม”ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ราชินีของข้ายังไงก็ต้องเป็นเจ้า!”
“หม่อมฉัน…”
“อย่าเพิ่งพูดเลยฟังข้าก่อน”
ลู่เฟิงได้ยิ้มออกมา”เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะเห็นด้วยกับเรื่องบางเรื่องหรือไม่”
“ฝ่าบาทโปรดตรัสถามออกมาเถิดเพคะ”ฮวามู่หลานได้กล่าวถาม
ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะ”ไม่สิ เจ้าต้องยอมรับเรื่องนี้”
มู่หลาน รู้สึกสับสนเล็กน้อยและกล่าวถาม”ฝ่าบาทหมายถึงอะไรเพคะ?”
ลู่เฟิงได้ครุ่นคิดเล็กน้อย”ข้าต้องการให้เจ้าเป็นราชินีของข้า ข้าสามารถแต่งตั้งเจ้าเป็นราชินีของข้าได้ แต่เกรงว่าเหล่าขุนนางและคนอื่น ๆ จะไม่เห็นด้วยและนินทาว่าร้ายเจ้าลับหลัง”
“หม่อมฉัน…”
“ฟังก่อน”
ลู่เฟิง ได้ขัดจังหวะคำพูดของฮวามู่หลาน”สาเหตุที่คนเหล่านี้นินทาเจ้าเป็นเพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าสถานะของเจ้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งราชินีของข้า ดังนั้นข้าจึงต้องปรับปรุงสถานะของเจ้า ข้าต้องการให้แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อรับเจ้าเป็นธิดาบุญธรรม ด้วยสถานะนี้เหล่าขุนนางและคนอื่น ๆจะไม่กล้าพูดอะไรอย่างแน่นอน”
หากมีคนกล้านินทาว่าร้าย มู่หลานอีกล่ะก็ ไม่ว่าคนเหล่านี้จะอ้างเหตุผลอะไร ลู่เฟิงก็มีวิธีจัดการในแบบของเขา
หากพบมันผู้นั้นเขาจะลงโทษมันอย่างหนัก
เมื่อมู่หลานได้ยินคำพูดของ ลู่เฟิง เธอก็เข้าใจถึงความพยายามของเขาธรรมชาติเธอจะสามารถพูดอะไรได้”หม่อมฉันเข้าใจเจตนาของพระองค์แต่…”
“แต่อะไร?”
“แต่หม่อมฉันนั้นไร้คุณสมบัติที่ดีในการเป็นไทเฮาหวังว่าพระองค์จะไม่ตำหนิหม่อมฉัน!”
“ฮ่าฮ่า,ข้าจะไปโทษเจ้าได้อย่างไร!”
จากนั้น ลู่เฟิง ก็กอดมู่หลานและจูบลงไปบนใบหน้าของเธอ
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของ มู่หลานแดงขึ้นด้วยความอับอาย”ฝ่าบาท!”
“ฮ่าฮ่า!”
ลู่เฟิงหัวเราะออกมาและออกจากห้องนอนของมู่หลาน
ฮวามู่หลาน ไม่มีความเห็นใด ๆ ลู่เฟิง ได้เดินทางไปที่ตำหนักจงอี้ เพื่อต้องการ ใช้อาคมเคลื่อนย้ายไปที่เมืองเฉียนซาน
อาคมเคลื่อนย้ายจากเมืองหลวงไปยังเมืองเฉียนซานนั้นเสร็จสิ้นไปนานแล้ว
ลู่เฟิง ได้พาทาสดาบทั้งหก ติดตาม ไปจนพบกับ ซุนฮก และ กั๋วเจีย ที่ยืนรออยู่ข้างอนกพวกเขากล่าวพูดด้วยความเคารพ”ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ไม่ต้องพิธีรีตอง รีบไปกันเถอะ ตอนนี้เรามีเวลาเหลือ ห้าวันก่อนจะขึ้นปีใหม่ ข้าจะต้องจัดการธุระให้เสร็จสิ้นภายในห้าวันนี้”
“ขอรับ!”
พวกเขาได้ใช้อาคมเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าไปยังเมืองเฉียนซาน
โชคดีที่ ลู่เฟิง ได้รับหินวิญญาณจำนวนมากจากคลังสมบัติลับของอาณาจักรซีหยาง ไม่งั้นเขาคงไม่มีหินวิญญาณมากพอจะเปิดการใช้งานอาคมเคลื่อนย้าย
ในไม่ช้ากลุ่มของพวกเขาก็เดินทางไปถึง
อาคมเคลื่อนย้ายในเมืองเฉียนซานนั้นตั้งอยู่ในคฤหาสน์เจ้าเมือง
เหลียนป๋อ รับรู้ถึงความสำคัญของอาคมเคลื่อนย้ายดังนั้นเขาจึงจัดเวรยามทหารองค์รักษ์หลายคน
ทหารองค์รักษ์เหล่านี้ได้รับคำสั่งว่าหากอาคมเคลื่อนย้ายทำงานและมีคนออกมาจากข้างในที่ไม่ใช่คนของพวกเขาให้ทำการฆ่าทิ้งทันที
แต่เมื่อพวกเขาเห็น ลู่เฟิง และ เหล่าขุนนาง เดินทางมา ทั้งหมดได้คุกเข่าลงกับพื้นทันที”ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”
“ลุกขึ้น!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
คนเหล่านี้ได้ลุกขึ้นยืนอย่างเคารพ
ลู่เฟิงมองไปที่พวกเขาและกล่าวถาม”แม่ทัพเหลียนป๋ออยู่ไหน?”
“ท่านแม่ทัพนำกองทหารไปลาดตระเวนชายแดนเมื่อสองสามวันก่อนเขาน่าจะกลับมาในวันนี้”
“เอาล่ะ พาข้าไปรอที่ห้องศึกษา หลังจากแม่ทัพเหลียนป๋อกลับมา ให้มาหาข้าทันที”
“ขอรับ!”
คนเหล่านี้ได้พาลู่เฟิงไปที่ห้องศึกษาเพื่อรอเหลียนป๋อ
ห้องศึกษาภายในนี้ไม่มีการประดิษฐ์ตัวอักษรหรือภาพวาดอะไรมากนัก มีหนังสือบนโต๊ะอยู่หลายเล่มก็จริงแต่ทว่าล้วนเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเดินทัพและการต่อสู้
“ดูเหมือนว่า เรื่องที่แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อมากประสบการณ์จะเป็นเรื่องจริง”กั๋วเจีย มองดูแล้วถอนหายใจออกมา
“นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน!”ซุนฮก ได้ยิ้มออกมา”ดังนั้นข้าคิดว่าแม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อเป็นคนที่ไว้ใจได้”
“หืม?”
ลู่เฟิง ยิ้มและ มองไปที่ ซุนฮก เพื่อกล่าวถาม”เหวินยื่อ ที่เจ้าพูดหมายความว่าในบรรดาคนที่รับใช้ข้ามีใครบางคนที่มีปัญหาเช่นนั้นหรือ?”
ซุนฮก ได้พยักหน้า”ฝ่าบาท ข้าน้อยที่ได้อ่านรายงานของ จินยี่เหว่ย หลายครั้ง แน่นอนว่ามีปัญหาเกี่ยวกับขุนนางหรือคนอื่น ๆ อยู่ไม่มากก็น้อย แต่ทว่า มันก็หาได้สลักสำคัญมากนัก ท้ายที่สุดข้าน้อยจึงไม่ได้เลือกที่จะพูด”
เมื่อ ลู่เฟิง ได้ยินดังนั้นเขาก็ตอบกลับ”หากเรื่องเหล่านั้นไม่มีผลกระทบต่อบ้านเมืองก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้าหากมันมีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแม้แต่น้อยนิด ข้าอนุญาติให้เจ้าจัดการตามความเหมาะสมและส่งรายงานมาให้ข้า”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”ซุนฮก ได้ตอบกลับทันที
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
กั๋วเจีย ได้มองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความชื่นชมใจมากขึ้น จักรพรรดิ ได้ค้นพบปัญหาที่เกิดขึ้นและพิจารณาตามความเหมาะสม
ทั้งยังมอบความไว้วางใจเรื่องสำคัญให้ ซุนฮก จัดการ เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นห่วงความภักดีและเรื่องบ้านเมืองอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่้องเล็กน้อยเพียงใด หากเป็นเรื่องสำคัญที่ได้รับการมอบหมายจากฝ่าบาทนั่นหมายความว่าพวกเขาได้รับความชื่นชมและความไว้วางใจจากฝ่าบาทให้รับหน้าที่จัดการดูแล