ตอนที่ 235 ทักษะการตลาด

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 235 ทักษะการตลาด

กว่าจะกลับไปถึงร้านอาหารก็ปิดแล้ว เหล่าพนักงานแยกย้ายกลับบ้านเรียบร้อย เหลือเพียงโจวฉายอวิ๋นที่ยังทำโน่นทำนี่อยู่

ยังไม่ทันที่เจ้าของร้านสาวจะถามเรื่องข้าวโพด โจวฉายอวิ๋นก็รีบบอกอย่างตื่นเต้น “ม่ายจื่อ เธอนี่ทายแม่นเหมือนตาเห็นจริง ๆ ข้าวโพดปิ้งโรยผงยี่หร่าขายดีมาก คนต่อแถวซื้อยาวเป็นสิบเมตรเลย”

หลินม่ายจิบน้ำบ๊วยเปรี้ยวเย็น ๆ ที่รับมาจากคนเป็นพี่ “นี่ไม่ได้พูดเกินไปใช่ไหมเนี่ย”

แม้ชาวเจียงเฉิงจะชอบกินข้าวโพดปิ้งยี่หร่าแค่ไหนก็คงไม่บ้ามารอคิวยาวเป็นสิบเมตรได้

โจวฉายอวิ๋นตอบอย่างซื่อตรง “ถามพนักงานหรือเพื่อนบ้านดูเลยก็ได้ว่าฉันไม่ได้เพ้อเจ้อ ข้าวโพดนั่นขายดีจนร้านอื่นออกมาดู แถมมาถามด้วยว่าไปได้ข้าวโพดมาจากไหน ราคาเท่าไร ต้องพากันมาศึกษาธุรกิจแน่ ๆ “

หลี่หมิงเฉิงเทน้ำบ๊วยเปรี้ยวออกมาดื่มบ้าง พอได้ยินแบบนั้นเลยถามขึ้นว่า “ถ้างั้นพี่บอกพวกเขาว่ายังไงล่ะ”

โจวฉายอวิ๋นกรอกตามาที่เขา “นายคิดว่าฉันซื่อบื้อเหมือนนายจนยอมบอกทุกอย่างหรือไง ฉันก็บอกปัด ๆ ไปแหละ”

หลี่หมิงเฉิงโดนเอ่ยแทงใจดำเข้าก็หน้าแดงขึ้นมา

หลินม่ายถามเรื่องที่สำคัญกว่านั้น “วันนี้ที่บอกว่าขายดีนี่ขายไปเยอะแค่ไหน”

“หมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว”

หลินม่ายเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าข้าวโพดปิ้งจะขายดีขนาดนี้ และเริ่มวางแผนอย่างมีความสุขว่า “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปรับข้าวโพดจากชนบทมาเพิ่มอีก”

ใช้เวลาเพียงสามคืน ข้าวโพดชุดที่สองก็ขายหมดเกลี้ยง

นับ ๆ ดูแล้วก็คือร้านของเธอสามารถขายข้าวโพดปิ้งได้ 300 ฝักในคืนเดียว

แม้ว่าข้าวโพดโรยผงยี่หร่าปิ้งจะมีราคาแค่ฝักละ 1 เหมา แต่ซื้อ 300 คนก็ขายได้ 30 หยวน ไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลย

นายช่างจางเองก็เร่งมือทำรถขายของปิ้งย่างให้เธอ หลังจากนั้นสองวันรถก็พร้อมใช้งานตามที่ต้องการ

รถสำหรับขายพร้อมแล้ว ข้าวโพดก็ขายดิบขายดีแม้แต่ตอนกลางวัน วันละสามร้อยฝักยังไงก็ไม่น่าจะพอขาย

หลินม่ายกลับไปที่บ้านในชนบทอีกครั้ง ขนข้าวโพดสามพันฝักกลับมาในคราวเดียว

เจ้าของร้านอาหารอื่น ๆ แถวนั้นต่างมองข้าวโพดจำนวนมหาศาลสีเหลืองอร่ามบนรถแทรกเตอร์ของเธอด้วยความอิจฉา

เพราะร้านของหลินม่ายขายข้าวโพดปิ้งโรยยี่หร่าดีมาก ร้านค้ารอบ ๆ จึงเริ่มจะอยากมาขายเมนูนี้กันบ้าง

ถึงจะไม่มีผงยี่หร่า แต่ก็เริ่มวางแผนขายข้าวโพดปิ้งแบบทั่วไปกันยกใหญ่

เพราะแบบนี้หลายคนเลยต้องไปหาซื้อข้าวโพดที่ตลาดมืด

แต่พอไปที่นั่นก็พบว่าแทบจะไม่มีใครเอาข้าวโพดมาขายเลย แถมร้านที่วางขายข้าวโพดอยู่ก็ใช่ว่าราคาจะถูก

เจ้าของร้านหลายคนตระเวนไปที่หมู่บ้านรอบ ๆ เพื่อหาซื้อข้าวโพด แต่ชาวเจียงเฉิงไม่ค่อยกินธัญพืชกันนัก ทำให้แทบไม่มีใครปลูกข้าวโพดเลย พวกเขาหาซื้อมาได้เพียงไม่มากเท่านั้น

เจ้าของร้านเหล่านั้นไม่สามารถอดทนต่อความสงสัยได้อีกต่อไป จึงเข้ามาขวางรถแทรกเตอร์ของหลินม่าย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “เสี่ยวหลิน ไปหาข้าวโพดเยอะแยะขนาดนี้มาจากไหนกัน บ้านเกิดของเธอเหรอ”

“ใช่ค่ะ” หลินม่ายตอบยิ้ม ๆ “ขอทางหน่อยได้ไหมคะ ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”

อีกไม่นานจะถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสอบระดับมัธยมปลาย เธอต้องรีบทำงานแข่งกับเวลา เพื่อจะได้ไปอ่านหนังสือ

เจ้าของร้านคนนั้นยิ้มและยังไม่ยอมแพ้ “ฉันอยากจะถามเธอว่า เธอพอจะแบ่งขายข้าวโพดให้เราหน่อยได้ไหม”

ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น เจ้าของร้านทั้งหลายที่แอบฟังอยู่ต่างหูกระดิกขึ้นมาทันที

หลินม่ายส่ายหน้า “เอาไว้ครั้งหน้านะคะ”

เจ้าของร้านคนนั้นจำต้องถอยไปจากถนนอย่างไม่พอใจ

หลินม่ายขับรถแทรกเตอร์เข้าไปที่สวนหลังบ้านแล้วขอให้โจวฉายอวิ๋นช่วยหาคนเพิ่มสี่คนเพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะขายข้าวโพดปิ้งที่หน้าร้านในตอนกลางวัน รถคันหนึ่งขายข้าวโพดปิ้งธรรมดา ส่วนอีกคันเอาไว้ขายแบบโรยผงยี่หร่า

โจวฉายอวิ๋นไม่เข้าใจนัก “รถมีแค่สองคัน ทำไมต้องจ้างคนสี่คนด้วยล่ะ”

“บ้าน่า” หลินม่ายผงกศีรษะ “ขายของยาวตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสามทุ่มใครมันจะไปขายคนเดียวได้นานขนาดนั้น ก็ต้องมีคันละสองคนจะได้แบ่งกะกันไง จะจ้างแค่สองคนได้ยังไงล่ะ”

หลังจากนั้นโจวฉายอวิ๋นเลยเริ่มถามพนักงานในร้านว่ามีใครจะแนะนำคนมาช่วยงานอีก 4 คนได้บ้าง

พนักงานหลายคนแนะนำแม่ของพวกเขาเอง

ในวันเดียวกันนั้นโจวฉายอวิ๋นก็คัดเลือกพนักงานฝีมือดีมาสำหรับขายข้าวโพดได้ 4 คนครบตามที่หลินม่ายต้องการ

นับตั้งแต่วันที่เจอเด็กนิสัยเสียคนนั้น หลินม่ายก็ไม่อยากพาอาหวงไปขายเสื้อผ้าที่ถนนเจียงฮั่นด้วยอีก

คืนนี้หลินม่ายเลยจะออกไปขายของโดยให้อาหวงรออยู่ที่บ้าน

โจวฉายอวิ๋นเลยหันมากำชับกับหลี่หมิงเฉิง “ไม่มีอาหวงไปด้วยแล้ว นายต้องเป็นคนปกป้องหลินม่ายแล้วนะ”

หลี่หมิงเฉิงรีบตอบรับ แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดนั้นมันฟังดูแปลก ๆ ชอบกล

ทั้งสองมาถึงที่ประจำสำหรับตั้งร้านขายของก็พบว่าเสี่ยวม่านรออยู่เช่นเคย แต่คราวนี้หล่อนมีที่คาดผมสวย ๆ อันหนึ่งเตรียมมาให้หลินม่ายด้วย “ฉันเอานี่มาให้”

หลินม่ายประหลาดใจขึ้นมา “ทำไมอยู่ ๆ เอาของมาให้ล่ะ”

“ฉันเห็นว่าเธอชอบมีลูกผมมาปรกหน้ารบกวนตอนขายของ ก็เลยซื้อมาให้”

หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะรับมันมา “เธอห่วงฉันยิ่งกว่าแฟนฉันอีกเนี่ย”

“จริงเหรอ” เสี่ยวม่านเอามือแนบแก้มอย่างมีความสุข “ถ้างั้น แฟนของเธอต้องเป็นผู้ชายหล่อเหลาเอาการแน่ ๆ “

ช่วงนี้คุณหมอฟางงานรัดตัวมาก เขามีเคสผ่าตัดและยังต้องทำงานวิจัย เพราะงั้นเลยแทบไม่มีเวลามาเจอแฟนสาวเท่าไร ไม่เคยมาช่วยเธอตั้งร้านขายเสื้อผ้าเลย

เสี่ยวม่านไม่เคยเจอฟางจั๋วหราน และเพิ่งรู้เมื่อครู่เองว่าหลินม่ายมีแฟนแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องที่ว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร

หลินม่ายเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร แล้วเอาเสื้อผ้ามาแขวนที่ราวอย่างเงียบ ๆ

เจ้าของร้านสาวเหลือบมองไปเห็นแผงถุงเท้าของเสี่ยวม่านก็นึกขึ้นได้ว่าเคยรับปากจะสอนเรื่องการตลาดให้หล่อน แต่กลับลืมไปเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานทุกวัน

ไม่แปลกใจเลยที่หล่อนจะยื่นที่คาดผมมาให้ เป็นการเตือนความจำสินะ

หลินม่ายเลยไปถามเสี่ยวม่านเรื่องราคาถุงเท้า ทั้งกำไรและต้นทุนต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับร้านของอีกฝ่าย

เสี่ยวม่านบอกเธอทั้งหมดโดยที่ไม่ได้ปิดบังอะไร

หลินม่ายยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “บอกหมดขนาดนี้ไม่กลัวว่าฉันจะแอบแทงข้างหลังลอกเลียนธุรกิจของเธอหรือไง”

เสี่ยวม่านตอบกลับด้วยสายตาพาซื่อ “จะบ้าเหรอ เธอจะมาขายถุงเท้าแข่งกับฉันไปทำไม เสื้อผ้าพวกนี้ขายดีกว่าตั้งเยอะ”

หลินม่ายเริ่มชี้แนะ “ถุงเท้านี่คู่ละ 2 เหมา ลองเอามาขาย 3 คู่ 1 หยวนดูสิ”

เสี่ยวม่ายตกตะลึง “หา ยังไงนะ ถ้าจะขายของที่นี่เพื่อทำกำไร ก็ต้องตั้งราคาขายให้มากเป็นสองเท่าไม่ใช่เหรอ ขายของถูกขนาดนั้น ฉันจะยังได้อะไรล่ะแบบนี้”

หลินม่ายกลับพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “น้องสาว ฟังฉันก่อน รับรองว่าเธอจะหาเงินได้เยอะไม่แพ้ฉันแน่นอน เธอไม่เห็นเหรอว่าเสื้อผ้าของฉันก็ซื้อ 2 ตัวในราคา 50 หยวน มันช่วยให้ขายหมดเร็วมาก”

เสี่ยวม่านตั้งคำถามต่อ “แล้วเธอได้กำไรไหมถ้าขาย 2 ตัว 50 หยวน?”

หลินม่ายชี้ไปที่ถุงเท้าอย่างดีที่วางอยู่แล้วอธิบายต่อ “เธอขายถุงเท้าธรรมดาในราคาถูก แต่มันก็จะช่วยให้ขายถุงเท้าอย่างดีพวกนี้ได้ในราคามากเป็นสองเท่า กำไรก็จะกลับมาเอง”

เสี่ยวม่านกังวลขึ้นมา “ราคาแพงขนาดนี้จะมีคนซื้อไหม”

หลินม่ายยิ้มแล้วตอบว่า “ลองดูสิ”

เสี่ยวม่านเลยลองขายตามแบบที่หลินม่ายบอก ปรากฏว่าได้ผลดีมาก

คนอื่นขายถุงเท้าเกรดต่ำในราคา 5 เหมา ในขณะที่เสี่ยวม่านขายราคา 3 คู่หนึ่งหยวน ราคาดีขนาดนี้คนก็เลยสนใจเข้ามาดูกันมาก

บรรดาลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาพอเห็นคนอื่นซื้อก็เริ่มซื้อตาม ๆ กัน

คนอื่น ๆ ขายถุงเท้าคุณภาพดีในราคาหนึ่งหรือสองหยวน แต่เสี่ยวม่านขายมันในราคาสองถึงสามหยวน ซึ่งแพงกว่า

แต่เพราะพวกเขาถูกดึงดูดมาด้วยของถูกและดีอย่างถุงเท้าทั่วไปแล้ว ก็รู้สึกว่าสินค้าร้านนี้จะเป็นแบบเดียวกันหมดคือราคาดีและเป็นของมีคุณภาพ

ถึงจะเห็นว่าถุงเท้าคุณภาพดีของร้านนี้แพงกว่าร้านอื่น แต่พวกเขาก็จะยังอยากซื้อเพราะรู้สึกว่าน่าจะได้ของคุณภาพดีกว่า และแทบไม่มีใครต่อราคาเลย

เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวม่านขายถุงเท้านำเข้าที่เตรียมมาได้ทั้งหมด หล่อนหน้าบานด้วยความปิติยินดี ซื้อไอศกรีมมาเลี้ยงหลินม่ายและหลี่หมิงเฉิงอย่างเบิกบาน แถมยังกล่าวชมหลินม่ายไม่ขาดปาก

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ดูทักษะการค้าของม่ายจื่อไว้นะคะ ขายดีเทน้ำเทท่าแน่นอน

ไหหม่า(海馬)