บทที่ 320 แหวนในแหวน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 320 แหวนในแหวน

บทที่ 320 แหวนในแหวน

ในภาพนิมิตนั้นทุกคนในนิกายกิเลนรวมถึงตัวเขาเองและคนอื่น ๆ ตายอย่างอนาถที่นี่ ทำให้ฉู่เหินขมวดคิ้วเป็นปมและรีบเกลี้ยกล่อมทุกคนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนหยุดเดิน!

แม้ทุกคนจะงงแต่ก็หยุดเดินหน้าต่อทันที ทุกคนให้ฉู่เหินเป็นผู้นำ เนื่องจากฉู่เหินทำหน้าที่ได้ดีมากในทุกด้าน และทุกคนก็รู้ว่าถ้าไม่มีฉู่เหินอยู่ตอนนี้พวกเขาคงจะตายไปแล้ว

“น้องฉู่ มีอะไรผิดปกติเหรอ?” เฉิงหมิงกู่ขมวดคิ้วถามฉู่เหิน เขาก้าวเดินอย่างระมัดระวัง

“มีคนซุ่มโจมตีอยู่ด้านนอก! มีกี่คนฉันก็ไม่รู้แต่แข็งแกร่งมาก ถ้าพวกเราออกไปต้องตายแน่!” พอได้ยินคำพูดของฉู่เหินทุกคนก็ขมวดคิ้ว พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ มันจะมีคนอื่นอยู่ในเขตนิกายของพวกเขาได้ยังไง?

แต่พอคิดถึงพวกที่บุกโจมตีอยู่บนยอดเขา พวกเขาก็เชื่อว่ามันอาจมีการวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มันอาจมีคนซุ่มโจมตีอยู่ข้างนอกจริง ๆ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่! สามกองกำลังหลักตอนนี้พวกเขาได้แต่เดาว่าพวกชายชุดดำเป็นกลุ่มไหน พวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อนพวกเขาเลยไม่รู้พวกชายชุดดำเป็นใครกันแน่

“น้องฉู่ นายบอกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากสินะ แล้วมันแกร่งขนาดไหน” เฉิงหมิงกู่ขมวดคิ้ว คนที่เกาะซาถัวนั้นแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ ยกเว้นแค่ราชาของพวกชาวพื้นเมืองบนเกาะซาถัว! ทว่า ราชาพวกนั้นก็ไม่เคยคิดจะเข้าร่วมกับกองกำลังไหนอยู่แล้ว ถ้าว่ากันตามตรงพวกนั้นไม่มีเหตุผลให้ออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้!

ยิ่งกว่านั้นเฉิงหมิงกู่ไม่คิดว่าสมบัติที่นิกายกิเลนได้มาจะน่าดึงดูดกับราชาท้องถิ่น! แต่นอกเหนือจากราชาท้องถิ่นแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีใครที่แข็งแกร่งขนาดนั้น

“ฉันไม่รู้ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ฉันมั่นใจว่าเกินขั้นทรราชดาราอย่างแน่นอน อาจเป็นขั้นราชันดาราเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลมันน้อยเกินไป ฉันสัมผัสอะไรไม่ได้เลย” หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหินทุกคนก็ขมวดคิ้ว หากเรื่องที่พูดมาเป็นเรื่องจริงถ้างั้นคนที่ซุ่มโจมตีก็น่าจะเป็นราชาท้องถิ่นน่ะสิ!

ต่อจากนั้นพี่น้องหลายคนก็เริ่มคิด พวกเขาอยากรู้ว่าทำไมราชาท้องถิ่นถึงเลือกมาที่นี่! แต่หลังจากคิดเรื่องนี้พวกเขาก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าราชาท้องถิ่นจะมาที่นี่ทำไม เพราะพวกเขากระจอกจนไม่น่าอยู่ในสายตาของพวกราชาท้องถิ่น!

ถ้าราชาท้องถิ่นเริ่มเคลื่อนไหวมันจะดึงดูดความสนใจจากประมุขนิกายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงตอนนั้นไม่ว่าพลังราชาท้องถิ่นจะสูงแค่ไหนก็จะไม่รอดจากความตายอยู่ดี

ฉู่เหินรู้ถึงความคิดของทุกคนอย่างชัดเจน เขาขมวดคิ้วและถามทุกคน “ถ้าพวกเราถูกฆ่าในวันนี้ จะไม่มีใครรู้ตัวฆาตกร ไม่สิ ถ้าพวกเราถูกฆ่าแล้วถูกโทษว่าเป็นฝีมือนิกายทั้งสาม มันจะเกิดอะไรขึ้น?”

ทันใดนั้น ทุกคนก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ทุกอย่างมีเหตุและผลของมัน!

หลังจากได้ยินคำถามของฉู่เหิน เฉิงหมิงกู่และหลิวจวิ้นซานก็ตกใจในที่สุดพวกเขาก็นึกถึงเรื่องนี้ ถ้าวันนี้ถ้าพวกเขาตายอย่างน่าเศร้า ใครคือผู้ต้องสงสัยที่เข้าข่ายที่สุด? ไม่ใช่กองกำลังท้องถิ่น แต่เป็นนิกายทั้งสามที่ร่วมมือกัน!

ถ้าเป็นแบนนั้นนิกายทั้งสามที่รู้เรื่องนี้ก็จะเป็นปฏิปักษ์กันแล้วเพราะคิดว่าต้องมีสักฝ่ายวางแผนหลอกพวกเขาแน่ ๆ ถ้าพวกเขาสู้กันเองอาจนำไปสู่การล่มสลายของนิกายทั้งสามได้เลย

หากนิกายทั้งสามต่อสู้กันพวกเขาย่อมต้องยืมมือพันธมิตรมาช่วยเหลือ ลองคิดดูสินี่อาจเป็นมหาสงครามเลยก็ได้ หากเป็นแบบนั้นก็จะมีการต่อสู้ทั่วมหาสมุทร แล้วใครจะมีเวลาให้ความสนใจกับเกาะซาถัว? ทรัพยากรของเกาะซาถัวทั้งหมดจะตกเป็นของราชาท้องถิ่น!

แม้จะมีราชาท้องถิ่นหลายคนก็ตาม แต่พวกเขาก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากในสงครามครั้งนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วเฉิงหมิงกู่และหลิวจวิ้นซานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

เมื่อพูดถึงขั้นราชันดาราพวกเขาก็ตัวสั่น ถึงตอนนี้พวกเขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่าคนที่ตัวอยู่ในเงามืดนั้นเป็นราชาท้องถิ่น ด้วยพลังของพวกเขาในตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้กับราชาท้องถิ่น หัวใจของทุกคนจมลงสู่ก้นบึ้ง! มองหน้ากันก็เห็นแต่ความสิ้นหวัง

เป็นไปไม่ได้เลยที่ขั้นผู้พิชิตดาราจะสู้กับขั้นราชันดารา ถ้าพวกเขาได้ติดต่อไปที่สาขาหลักมันก็คงไม่ยากที่จะจัดการแต่ต่อให้พวกเขาอยากจะติดต่อกับนิกายสาขาหลักมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจติดต่อได้ เพราะมีค่ายกลกระจายอยู่มากมายอยู่ทั่วทั้งเกาะ ปกติแล้วพวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อคิดถึงค่ายกลบนเกาะแห่งนี้ แต่ข้อเสียของมันคือมันขัดขวางการสื่อสารกับโลกภายนอก!

พวกเขาไม่รู้ว่าพวกราชาถ้องถิ่นซ่อนเจตนาร้ายเอาไว้ ตอนนี้พอพวกเขารู้มันก็สายเกินไป จู่ ๆ หลายคนก็บ้าเลือดขึ้นมา พวกเขาจะออกไปต่อสู้กับพวกคนด้านนอกนั่น ต่อให้พวกเขาตายพวกเขาก็จะตายอย่างกล้าหาญ แต่ความคิดนี้ถูกหยุดไว้โดยฉู่เหิน

ฉู่เหินคิดว่าถ้าเขาเห็นอนาคตมันก็น่าจะมีทางออกสิ เขาเกลี้ยกล่อมทุกคนให้ใจเย็น ๆ เมื่อลองคิดดูแล้วบางทีอาจจะมีแสงแห่งความหวังที่ริบหรี่ก็ได้ แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็มองไม่เห็นทางออกเลย!

ถึงอย่างนั้นฉู่เหินก็ไม่ได้นั่งเฉย ๆ เขาให้ทุกคนขุดไปด้านข้างของเชิงเขา ทำให้พื้นที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และทุกครั้งที่ขุดฉู่เหินจะวางค่ายกลที่เชื่อมต่อกันเอาไว้ ในระยะเวลาสั้น ๆ พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเพราะว่าแหวนมิติของฉู่เหินนั้นมีอาหารจำนวนมาก แต่ในระยะยาวก็เป็นเรื่องยากที่จะพูด

หลังจากที่ทุกคนนอนหลับพักผ่อน บางคนก็ยังคงขุดต่อ พวกเขาคิดจะขุดจากเชิงเขาไปที่ตั้งของโกดังเก็บของ โกดังแห่งนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยสมบัติที่หายาก แต่มันเต็มไปด้วยอาหาร!

แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวในโกดัง เนื่องจากมีการซุ่มโจมตีของพวกราชาอยู่ที่ด้านล่างของภูเขา หากไม่ระวังอีกฝ่ายจะใช้จิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบภูเขาทั้งหมด หากพวกเขากล้าเก็บอาหารไปทั้งหมดอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นแน่ ถึงตอนนั้นก็คงไม่ปลอดภัยแล้วที่จะซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลใต้ดินแห่งนี้

ฉู่เหินเป็นคนที่ออกไปเก็บอาหารกลับมา เขาก็ไม่แน่ใจว่าค่ายกลจะต่อต้านการโจมตีของขั้นราชันดาราได้หรือไม่ ดังนั้นทุกอย่างต้องทำอย่างระมัดระวัง!

ฉู่เหินจัดการเก็บอาหารอย่างระมัดระวัง! หลังจากเอาข้าวออกมาได้ 3 ถุงฉู่เหินก็พอใจ ทั้งยังเอาของอย่างอื่นที่จำเป็นมาด้วย ของพวกนี้จะทำให้พวกเขาอยู่ในค่ายกลใต้ดินได้เป็นเวลา 8-10 วัน เขาหวังว่าทั้งสองกลุ่มที่ดักอยู่ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาหรือตีนเขาหลังผ่านไป 10 คงถอยไป! ไม่งั้นพวกเขาคงได้แต่พยายามหาทางหลบหนีกันเอง

ความคิดนี้ถือว่าดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่อยู่บนหลักความจริงในเวลานี้ เพราะกำลังมีบางอย่างเกิดขึ้น!