ตอนที่ 252 คมดาบและโล่ป้องกัน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 252 คมดาบและโล่ป้องกัน

ตอนที่ 252 คมดาบและโล่ป้องกัน

หลังจากที่ฟางจือและเฉียนหรงหรงออกไป เมิ่งเชียนและจวงหว่านก็ผลักประตูเข้าไป ส่งเอกสารปึกหนึ่งให้ซูเถาซึ่งมีความหนาค่อนข้างมาก

“เถ้าแก่ นี่คือข้อมูลของผู้เช่าใหม่ 96 รายในอาคารที่พัก ส่วนใหญ่เป็นพนักงานของเราเอง และมาจากศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก แต่ว่ามีคนบางส่วนอยากที่จะเพิ่มเงินเพื่อที่จะลงทะเบียนเข้าพักห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น แล้วก็ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น เพื่อที่จะได้ให้ครอบครัวมาอยู่ด้วย แต่ฉันยังไม่ได้ตอบตกลง เพราะจะมาถามคุณก่อน”

ซูเถาพยักหน้า “เอาแบบนั้นก็ได้”

เมิ่งเชียนยิ้มและพูดว่า “งั้นโอเคค่ะ เถ้าแก่ ในเดือนนี้เราเริ่มได้รับใบสมัครของคนจากฐานเหอคังหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก และจำนวนใบสมัครจากอู๋ไถก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน อีกทั้งมีคนจากฐานขนาดเล็กก็เริ่มส่งใบสมัครเข้ามาเหมือนกัน”

จวงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจ

“เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันแสดงให้เห็นว่าชื่อเสียงของเราโด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ และในทางกลับกันมันก็แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมทั่วไปแย่มาก ฐานชั้นสอง และชั้นสามอย่างอู๋ไถเริ่มมีคนหนีออกมา ฉะนั้นสถานการณ์ในฐานขนาดเล็กยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

เมิ่งเชียนพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้สถานการณ์ในตงหยางนั้นดีที่สุด เนื่องจากพื้นที่ที่ถูกบุกรุกสองหรือสามแห่งอยู่ในเขตที่ห่างไกล เมื่อไม่กี่วันก่อนซอมบี้โจมตีกลางดึก มันพยายามจะเข้าโจมตีศูนย์แม่และเด็ก แต่มันก็ค้นพบว่าไม่สามารถทำลายที่นี่ได้ ดังนั้นจำนวนซอมบี้ที่เข้ามาในคืนถัด ๆ ไปก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ฉันได้ยินมาว่าพวกมันทั้งหมดบุกไปโจมตีฐานอวิ๋นชางที่อยู่ถัดไป”

จวงหว่านผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ เธอจึงพูดด้วยความประหลาดใจ

“ซอมบี้มักรังแกคนที่อ่อนแอกว่า! ไม่แปลกใจเลยที่สัตว์ร้ายเหล่านี้มารอบ ๆ เถาหยางของเรา”

เมิ่งเชียนกล่าวว่า “ดังนั้นที่ตงหยางสามารถหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ได้ ต้องยกเครดิตให้โดมป้องกันของเถาหยาง”

มีคนไม่กี่คนที่มีความคิดแบบเธอ และผู้อำนวยการกัวก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เธอจึงพาซูเถาไปที่ศูนย์แม่และเด็กในตอนบ่าย และกล่าวอย่างยินดี

“เป็นเรื่องดีที่คุณเข้ามาช่วยเหลือพวกเราได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นไม่กี่วันก่อนคุณคงได้เห็นศูนย์แม่และเด็กที่อยู่ตรงประตูหมายเลข 4 เต็มไปด้วยศพที่กองเป็นภูเขาและพื้นที่นองไปด้วยเลือด พวกซอมบี้บุกเข้ามาถึงตรงนี้แล้ว อีกไม่นานมันก็คงบุกไปโจมตีใจกลางเมืองได้”

ซูเถาส่ายหัว “ไม่มีทาง แต่ถึงแม้ว่าเราจะไปถึงจุดนั้น พลตรีสือก็จะรีบกลับมา และถึงแม้ว่าเราไม่สามารถช่วยชีวิตทุกคนได้ แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่คนส่วนใหญ่จะอพยพออกไปอย่างปลอดภัย เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลตรีสือจะรีบกลับมาช่วยเราอย่างแน่นอน และถึงไม่มีเขา อย่างไรเสียรองเผยและอดีตผู้นำกองทัพก็จะช่วยวางแผนเพื่อช่วยเหลือผู้คนทั้งหมด”

ผู้อำนวยการกัวรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจของเธอ ดังนั้นรอยยิ้มที่เธอเผยออกมาทำให้เส้นที่มุมหางตาของเธอชัดเจนขึ้น

“เถ้าแก่ซูมักจะทำทุกอย่างเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่น่าแปลกใจที่อดีตผู้นำกองทัพชื่นชมคุณ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาให้ใจคุณและพลตรีสือ 100% ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเขามองคนไม่ผิดจริง ๆ หนึ่งในพวกคุณคือคมดาบ และอีกคนก็คือโล่ป้องกัน ตงหยางมีพวกคุณ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

ซูเถานึกถึงภาพของสือจื่อจิ้นที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการ ‘ทำนาย’ ของเธอก็ต้องลอบถอนหายใจ

เธออยากจะเก็บคมดาบอันคมกริบนี้เข้าฝัก เพราะกลัวว่าถ้าเห็นมันอีกครั้ง มันจะหักและถูกโยนเข้าไปในซากปรักหักพัง

“เถ้าแก่ซู คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” เสียงของหลิวพ่านพ่านดังขึ้นจากด้านข้าง

ซูเถาหันไปตามเสียงและเห็นว่าเธอกำลังอุ้มเด็กชายตัวเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขน และอีกคนหนึ่งเธอก็จูงไว้ในมือ รอยยิ้มที่มีความสุขและพึงพอใจบนใบหน้าของเธอ สีหน้าของเธอดูสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

ผู้อำนวยการกัวยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นเธอ “คุณครูเสี่ยวพ่าน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณ ดูสิหยางหยางอายุเท่าไหร่แล้ว ยังให้คุณครูอุ้มอยู่อีก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กน้อยในอ้อมแขนของหลิวพ่านพ่านไม่เพียงแต่ไม่ยอมลงจากอ้อมแขน แต่ยังกอดคอของหลิวพ่านพ่านแน่นยิ่งขึ้นอีก และซุกใบหน้าเล็ก ๆ ไปที่หลิวพ่านพ่าน

หลิวพ่านพ่านผู้มีหัวใจที่อ่อนโยน ในขณะที่เธอลูบหลังของหยางหยาง เธอก็พูดกับผู้อำนวยการกัว

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เขายังเด็กอยู่”

ผู้อำนวยการกัวเห็นว่าเธอมีความสุขมาก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กลัวที่จะเห็นปีกสีแดงคู่หนึ่งเข้ามาใกล้อาณาเขตของเธอ

เธอคิดว่าหลิวพ่านพ่านเพียงแค่อุ้มเด็กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เธอไม่คาดคิดว่าในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำ เธอก็จะป้อนอาหารเด็ก ๆ เกลี้ยกล่อมเด็กด้วยถ้อยคำต่าง ๆ ความรักของคนเป็นแม่ในดวงตาแทบจะล้นออกมา

แม้แต่อาจารย์ใหญ่เหมียวก็เอ่ยปากออกมา

“เสี่ยวพ่าน คุณกินก่อนเถอะค่ะ ปล่อยให้พวกเขากินเอง ฉันเคยสอนพวกเขาใช้ตะเกียบ”

หลังจากถูกบอกกล่าวถึงสองครั้ง หลิวพ่านพ่านก็อุ้มหยางหยางลงจากตักอย่างไม่เต็มใจ

แต่ทันทีที่หยาหยางยืนบนพื้น เขาก็น้ำตาไหลเหมือนระเบิด กอดหลิวพ่านพ่านพร้อมเรียกหาแม่ของเขา

หลิวพ่านพ่านเห็นว่าน้ำตาของเขาร่วงหล่นลงมา เธอก็รีบอุ้มเขาขึ้นมาอีกครั้งทันที และจ้องมองทุกคนอย่างขอโทษ ราวกับว่าลูกของเธอเองไปรบกวนคนอื่นจริง ๆ

ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดของงานเลี้ยง ซูเถาสังเกตเห็นหลิวพ่านพ่านขณะรับเครื่องดื่มจากพนักงานของศูนย์แม่และเด็ก และฟังพวกเขากล่าวคำขอบคุณ

ระหว่างทาง อาจารย์ใหญ่เหมียวได้นำเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อมอบ ‘ของขวัญ’ ให้กับซูเถา ซึ่งเป็นภาพที่เด็ก ๆ วาด เป็นภาพเหมือนของเธอที่ถูกวาดด้วยดินสอสีที่มีสีสันสดใส เป็นภาพเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีปีกอยู่ด้านหลัง

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นอายุ 5-6 ขวบ เธอเงยหน้าขึ้นและพูดเสียงดังว่า “เรากำลังวาดพี่สาวนางฟ้า คุณแม่เหมียวบอกว่าภาพวาดของหนูดีที่สุด”

เด็กคนอื่น ๆ ก็เริ่มไม่มั่นใจเล็กน้อยและโต้เถียงกันในเรื่องไร้สาระ จนลืมตัวละครเอกอย่างซูเถาที่อยู่ในภาพวาด

ซูเถาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก และหยิบของขวัญที่เธอนำมาให้เป็นการตอบแทน นั่นก็คือขนมชิ้นเล็ก ๆ หลากหลายรสชาติ

เด็กทุกคนในศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้รับการแจกจ่ายอย่างทั่วถึง แต่หลังจากแจกจ่ายไปแล้วก็มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ซูเถาที่สุดแกะมันออก ดมกลิ่นเล็กน้อย และยัดเข้าปากทันที

ซูเถาตกใจกลัวว่าเธอจะสำลัก จึงรีบประคองศีรษะของเธอเพื่อหยิบขนมออกจากปากทันที ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเธอ ซูเถาจึงค่อย ๆ ปลอบโยนและหักขนมเป็นชิ้นเล็กให้เด็กน้อยกิน