ตอนที่ 230 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 1

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 230 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 1

“ท่านต้องเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ให้ดี และอีกอย่างผมจัดการที่นั่นได้ครับ” โอคาซีเอื้อมมือโอบกอดรอบเอวของเธอ “ผมอาจจะได้ไปดูการแข่งขันของท่านในฐานะผู้ตัดสินที่ถูกรับเชิญ เพราะงั้นท่านต้องทำออกมาให้ดีนะครับ”

“ถ้าทำดีแล้วจะได้รางวัลไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นทำหน้ามุ่ย หักนิ้วมือ “มีเงินรางวัลไหม?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เงินรางวัลหรอกครับ ถ้าท่านเอาชนะการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ได้ และท่านจะได้อิสระในการไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของสหภาพจักรวรรดิ”

แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักคือชื่อเสียงของผู้ชนะจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สหภาพทั้งหมดจะกลายเป็นพันธมิตรของเธอ

โอคาซีก็เป็นผู้ชนะเลิศจากศึกการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่เช่นกัน ดังนั้นชื่อเสียงของชายหนุ่มจึงโด่งดังไปทั่วทั้งจักรวาล

เฉกเช่นเดียวกับองค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อต เขาถึงได้กลายเป็นที่โปรดปรานของหญิงสาวทั้งหลาย…

“นอกจากท่านจะสามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้แล้ว ยังสามารถขึ้นยานอวกาศและได้รับสิทธิ์อื่น ๆ ฟรีอีกด้วยครับ”

โอคาซีรู้ดีว่าสวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนขี้เหนียว แทนที่จะบอกว่ามีคนมากมายที่จะเคารพเธอ สู้บอกถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับเสียดีกว่า

แน่นอนว่าสวี่หลิงอวิ๋นเริ่มรู้สึกสนใจ

เธอเท้าคางและเริ่มนับนิ้ว

หากได้ไปท่องเที่ยวทุกปี ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งจะตกอยู่ที่หนึ่งแสนเหรียญดวงดาว หึหึ ถ้าเกิดได้ฟรีมาทุกขั้นตอนล่ะก็ อีกยี่สิบปีเธอจะเหลือเงินเก็บถึงสองล้านเหรียญดวงดาว!

ทว่าโอคาซีคิดผิด เขาคิดว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง แต่สวี่หลิงอวิ๋นกลับให้ความสนใจมันเช่นกัน!

หากดาวเคราะห์ทั้งหมดกลายเป็นพันธมิตรของเธอ พวกเขาเหล่านั้นจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของเธอเพื่อเอาใจเธอหรอกเหรอ? ฮ่า ๆๆๆๆ!

เธออดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เมื่อจินตนาการถึงภาพดังกล่าว!

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นมหาเศรษฐี แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ ไม่ต้องการเสียเงินเพียงสักเหรียญ

เมื่อสองวันก่อนเธอบริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้โรงเรียนสำหรับคนธรรมดา และตอนนี้เงินในกระเป๋าของเธอที่มีก็จำนวนลดลงกว่าครึ่ง โธ่เอ๊ย!

ยากจนยิ่งนัก!

คนธรรมดาเหล่านั้นมาจากครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นค่าเล่าเรียนของสวี่หลิงอวิ๋นจึงครอบคลุมทั้งหมด! และนั่นเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล!

ตัวอย่าง เช่น ค่าเล่าเรียนรายปีของแต่ละคนในสถาบันการศึกษาทางการทหารอยู่ที่หนึ่งแสนเหรียญดวงดาว! ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงค่าที่พัก ค่าเสื้อผ้า ค่าห้องฝึกซ้อม ค่าขับขี่เครื่องจักรกล…

ทว่าคนธรรมดาเหล่านี้ค่อนข้างยากจน ถึงรัฐบาลจะให้การสนับสนุนจำนวนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังต้องออกเงินกันเองถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าถึงห้าหมื่นเหรียญดวงดาว…

สวี่หลิงอวิ๋นจึงให้การสนับสนุนห้าหมื่นเหรียญ

คนธรรมดาที่สามารถเข้ามาในโรงเรียนได้จะต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมจากจำนวนหนึ่งในหมื่น หากพวกเขาต้องโดนตัดโอกาสเพียงเพราะค่าเล่าเรียน มันจะไม่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายแย่เหรอ?!

โอคาซีลูบผมและจูบริมฝีปากบางของเธอ

จักรพรรดิยังคงรอผลการตรวจสอบอยู่จักรวรรดิ รอคอยเป็นเวลายาวนานจนรู้สึกกระวนกระวายใจ

นักวิจัยทั้งหลายยังคงพยายามค้นหาสาเหตุ พวกเขาเตร็ดเตร่ไปทั่วดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ แต่ก็ยังไม่พบอะไร

นักวิจัยฝึกหัดนำสิ่งของทั้งหลายที่นักวิจัยรวบรวมมาทดสอบในห้องปฏิบัติการ แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรอีกเช่นเคย

เมื่อไม่มีอะไรให้ทดลอง เขาจึงเหลือบเห็นขวดที่บรรจุของเหลวของเอเลี่ยนตั๊กแตน ช่างเถอะ มาทดสอบกันดีกว่า!

ส่งเสียงฮัมเพลง เอาของเหลวใส่ไปเครื่องตรวจจับ และนั่งอ่านข้อมูลอื่น ๆ

แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงกลับปรากฏขึ้น นั่นคือค่าตัวเลขบนเครื่องตรวจจับที่สอดคล้องกับสสารลึกลับในแหล่งน้ำ!

ทันทีที่นักวิจัยทั้งหลายลากสังขารที่เหนื่อยล้าของพวกเขากลับมายังห้องทดลอง และเห็นว่านักวิจัยฝึกหัดกำลังฮัมเพลงและดูภาพยนตร์ ขณะที่แสงไฟของเครื่องตรวจจับยังคงเปิดอยู่ ผู้อำนวยการวิจัยก็รู้สึกโกรธจัดทันที!

“เสี่ยวเถา ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้ว! อย่าเอาแต่ทำตัวขี้เกียจ นายต้องทดสอบสสารทั้งหมดให้เสร็จ แล้วจากนั้นจะไปเล่นอะไรก็ไป!”

ผู้อำนวยการฮาดาร์ชี้เรียวนิ้วไปที่ศีรษะของเขา สั่งสอนโดยหวังให้เขาได้ดี “นายไม่อยากอยู่ในห้องทดลองแบบนี้ต่อไปหรือไง?!”

เสี่ยวเถารับอธิบาย “ผู้อำนวยการ ไม่ใช่อย่างงั้นครับ ผมทดสอบทุกอย่างเสร็จแล้ว! แต่ไม่มีอะไรสอดคล้องกันเลย!”

“ไม่มีอะไรสอดคล้อง? ถ้าไม่มีอะไรสอดคล้องก็ปิดเครื่องตรวจจับซะสิ คุณรู้ไหมว่าเปิดเครื่องตรวจจับทิ้งไว้แบบนี้มันสิ้นเปลืองอายุการใช้งาน?! รู้ไหมว่าเครื่องตรวจจับพวกนี้มีราคาเท่าไหร่?!” ผู้อำนวยการพร่ำบ่นและชี้นิ้วไปที่เสี่ยวเถา

นักวิจัยสองสามคนที่อยู่บริเวณนั้นหัวเราะและกำลังเดินไปปิดเครื่องตรวจจับ

“ฮะ?!” ดวงตาของนักวิจัยเบิกกว้าง!

“ผู้อำนวยการครับ!” นักวิจัยจ้องเขม็งไปที่ค่าตัวเลขของของเหลวบนเครื่องตรวจจับ และแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง!

ผู้อำนวยการฮาดาร์พ่นล้มหายใจออกมาอย่างเย็นชา และจ้องมองไปที่เสี่ยวเถา “ดูสิ เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องตรวจจับ? ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเครื่องตรวจจับ คุณก็เตรียมขนย้ายข้าวของออกไปจากห้องทดลองได้เลย!”

นักวิจัยยังคงตะโกนเรียก!

“ผู้อำนวยการมานี่! ดูผลการทดสอบนี่สิครับ!” นักวิจัยทั้งหลายตรวจจับข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเปรียบเทียบสารข้างต้นกับสสารลึกลับในน้ำ

ประสานกันอย่างแม่นยำ!

ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น! เพราะพวกเขาตรวจสอบสสารแทบจะทุกสายพันธุ์หลังจากค้นหามานานหลายวัน จนเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง และในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบมัน!

ผู้อำนวยการยังคงพูดไปด่าไป รวมทั้งยังรู้สึกกดดันในขณะเดียวกัน เนื่องจากเขาถูกสั่งให้เป็นผู้รับผิดชอบงานชิ้นนี้ หากเขาไม่สามารถหาสาเหตุได้ ทีมวิจัยของเขาจะไม่เพียงเสียหน้าเท่านั้น แต่เงินสนับสนุนในปีนี้ก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน

ทุกวันนี้มีใครบ้างที่ไม่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว และถ้าหากพวกเขาอยากจะอาศัยอย่างสงบสุขอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องมีรายได้มากพอสมควร นอกจากอาชีพทหารแล้ว ก็มีเพียงอาชีพนักวิจัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถเทียบกับนักธุรกิจได้…

ทว่านักธุรกิจล้วนใหญ่กลับไม่ได้รับความน่าเคารพนับถือเท่ากับพวกเขา

หน้าผากของผู้อำนวยการเปล่งประกายด้วยแรงเจิดจรัสเล็กน้อย และสามารถสะท้อนแสงได้ดีแม้ว่าจะอยู่ในเวลากลางคืนก็ตาม

ท่าทีของเสี่ยวเถาเปลี่ยนไปอย่างมาก เกรงกลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเครื่องตรวจจับ เขาจึงเริ่มเข้าหาผู้อำนวยการฮาดาร์อย่างระมัดระวัง “ผู้อำนวยการครับ ผมขอโทษ ทีหลังผมจะระวังให้มากกว่านี้!”

อันที่จริงผู้อำนวยการฮาดาร์เป็นคนดี เด็กฝึกงานอย่างเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะตามผู้อำนวยการมาด้วยซ้ำ ทว่าผู้อำนวยการกลับบอกให้เขามาเปิดหูเปิดตาและพาเขามาที่นี่

แม้ว่าวันธรรมดาทั่วไปจะรู้สึกผ่อนคลาย

แต่ทำไมตอนนี้รู้ได้อารมณ์ร้อนมากนัก? ใช่แล้ว เมื่อสองวันก่อนมีสายเรียกเข้ามายังสถาบันการวิจัย เห็นได้ชัดว่าเบื้องบนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากพวกเขายังไม่สามารถหาสาเหตุได้ มันก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกกลุ่มอื่นแทนที่โดยไม่บอกกล่าว

ผู้อำนวยการฮาดาร์ยื่นมือออกไปตบหัวของเสี่ยวเถาเบา ๆ “ครั้งหน้าก็เชื่อฟังฉันให้มากกว่านี้หน่อย”

เขาก้าวเข้าไปหานักวิจัยสองสามคนที่กำลังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด และทุกย่างก้าวของเขาล้วนหนักหน่วง “เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องตรวจจับ? ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าเครื่องตรวจจับมือสองที่ส่งต่อมาให้พวกเราจะต้องไร้ประโยชน์ ฮึ่ม! เอาไว้กลับไปแล้วฉันจะรายงานเรื่องนี้ มีเครื่องยนต์ตรงไหนแตกหักเหรอ มีปัญหาบ่อยครั้งนัก!”

เสี่ยวเถาปาดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา

อันที่จริงแล้ว เครื่องตรวจจับชิ้นนี้ไม่ใช่ของมือสอง แต่มันแค่ถูกจัดส่งให้ทีมวิจัยอื่นเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนหน้า

ในตอนนั้น ผู้อำนวยการมีความสุขมาก เพราะเครื่องตรวจจับมีราคาแพง และทีมวิจัยทั่วไปไม่สามารถหาซื้อมันได้!