บทที่ 203 ขายเห็ดตี้มู่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 203 ขายเห็ดตี้มู่

บทที่ 203 ขายเห็ดตี้มู่

กู้เสี่ยวหวานดีใจอย่างมีความหวัง ดูเหมือนจะมีโอกาสหาเงินเพิ่มอีกทางหนึ่งแล้ว

“หนิงผิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดมีสองสิ่งเหล่านี้อีก”

“รู้ขอรับ ที่ไหนก็มีแล้วยังมีเยอะด้วย”

พอกู้เสี่ยวหวานได้ยินก็ตื่นเต้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะเติบโตได้เป็นอย่างดีเลย ถึงทำให้เห็ดตี้มู่มีอยู่ทั่วทุกที่แบบนี้

อีกทั้งเพราะเห็ดตี้มู่จะงอกเพียงหนึ่งครั้งต่อปี จึงทำให้มันมีราคาแพง ทั้งเอาไปขายในร้านอาหารของตัวเมืองได้ อีกทั้งสามารถปรุงอาหารตามฤดูกาลได้ด้วย เป็นเพราะมีจำนวนน้อย และเวลายังมีจำกัด ราคาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“ได้” กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจแล้ว “อย่างนั้นสองสามวันนี้พวกเรามาเก็บเห็ดตี้มู่นี้กัน”

กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้เชื่อฟังพี่สาวมาโดยตลอด เห็นพี่สาวพูดแบบนั้นก็รีบพยักหน้าตกลง

หลังจากกินข้าวเย็นพักผ่อนกันแล้ว วันต่อมาพี่น้องสามคนก็ออกทำงานแต่เช้ากลับทีเย็น ๆ ต่อเนื่องสองถึงสามวัน หากเก็บเห็ดตี้มู่ไม่ได้เต็มตะกร้าก็จะไม่กลับ หลังจากล้างเรียบร้อย ก็จะตากไว้บนโต๊ะไม้ให้แห้ง ส่วนอันที่ตากไว้ก่อนหน้าก็จะเก็บขึ้นมาให้เรียบร้อย

ไม่ทันไรเห็ดตี้มู่แห้งก็บรรจุไว้เต็มตะกร้าหนึ่งเต็ม ๆ

อากาศแจ่มใสมาหลายวันทำให้เพียงพริบตาเห็ดตี้มู่ก็แห้งแล้ว รอจนกระทั่งคิดว่าไม่มีเห็ดตี้มู่ให้เก็บได้แล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ไปเก็บอีก

กู้เสี่ยวหวานแบ่งเห็ดตี้มู่แห้งเป็นสามส่วน และเก็บไว้ให้กู้หนิงอันนำกลับไปกินเล็กน้อย ห่อใหญ่อีกหนึ่งห่อนางวางแผนว่าจะนำไปให้ฮูหยินสวีในเมืองวันพรุ่งนี้

ฮูหยินสวีผู้นี้ดูแลกู้หนิงอันดีมาก ๆ กู้เสี่ยวหวานคิดว่าตัวเองต้องแสดงความขอบคุณนางมาโดยตลอด ของสิ่งนี้แม้ว่าจะไม่ได้มีค่าอะไรนัก แต่เมื่ออยู่ในมือของนางแล้วล่ะก็ มันจะต้องมีได้แน่

ที่เหลือกู้เสี่ยวหวานใช้ผ้าห่อเก็บไว้อย่างดี วางไว้ในตะกร้า เก็บมาเยอะขนาดนั้นแน่นอนว่ายังมีเหลืออีกหนึ่งตะกร้าเต็ม ๆ กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมาก เห็ดตี้มู่เยอะขนาดนี้ คาดว่าต้องขายได้เงินไม่น้อยเลย ยังมีใบสั่งยาที่ใช้เห็ดตี้มู่นั่นอีก ก็น่าจะมีราคาแพงไม่ต่างกัน

ใครไม่ชอบกินของสดใหม่บ้าง กู้เสี่ยวหวานวางแผนจะใช้เห็ดตี้มู่หาเงินสักก้อนหนึ่งให้ได้เลย

สถานที่ที่สามารถขายได้ คาดว่าจะมีแต่ร้านจิ่นฝูแล้ว

ไม่รู้ว่าเถ้าแก่หลี่กับเสี่ยวเซิ่งจื่อจะถึงร้านจิ่นฝูหรือยัง ตั้งแต่ที่ได้ยินสวีเฉิงเจ๋อพูดเรื่องหน่อไม้ขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานก็พอจะเดาได้แล้วว่า เรื่องนี้น่าจะแผนการของเหมียวเอ้อร์

เพราะเหมียวเอ้อร์มีอคติกับนาง ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่ทำให้นางทุกข์ใจได้นางก็จะทำทุกวิถีทาง แต่กู้เสี่วหวานก็ไม่กลัว ถือเสียว่าเป็นแค่ของที่ขายออกไปแล้ว หรือถ้ามันไหวจริง ๆ นางก็สามารถไปในเมืองใหญ่ ๆ เองได้ ของดีขนาดนี้ต่อให้ขายไม่ออกก็ยังมีร้านอื่นที่รับซื้อ อีกทั้งเห็ดตี้มู่พวกนี้นางทำให้มันแห้งแล้ว เก็บไว้ครึ่งปีก็ไม่ใช่ปัญหา นางไม่เชื่อหรอก ว่าจะหาที่ขายไม่ได้

หลังจากนอนหลับไป เช้าวันต่อมากู้เสี่ยวหวานก็แบกตะกร้าขึ้นหลังเข้าไปในเมืองแล้ว ก่อนไปนางยังกำชับกับกู้หนิงผิงสองสามคำ หลังจากนั้นถึงได้รีบออกเดินทางเข้าเมือง

หนึ่งชั่วยามกว่า กู้เสี่ยวหวานก็มาถึงเมืองหลิวเจีย

ด้วยความเคยชินเส้นทางทำให้นางมาถึงร้านจิ่วฝูอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เดินดุ่ม ๆ เข้าร้านไปในทันที นางยืนอยู่ด้านนอกมองสำรวจอย่างละเอียดก่อนสักพักหนึ่ง หากแต่ว่ายังมองไม่เห็นเงาร่างของเสี่ยวเซิ่งจื่อเลย

หรือว่าวันนี้เสี่ยวเซิ่งจื่อจะไม่อยู่

กู้เสี่ยวหวานเม้มริมฝีปาก ครุ่นคิดแล้วก็ยังคงตัดสินใจจะเข้าไปในร้าน

เพราะเวลานี้ยังเช้าอยู่ ยังไม่มีลูกค้ามาทานข้าว ร้านจิ่นฝูจึงเงียบสงบ กู้เสี่ยวหวานมองรอบ ๆ ก็เห็นลูกจ้างในร้านกำลังก้มหัวมองดูอะไรสักอย่างอยู่ มือยังคงเช็ดโต๊ะอยู่เป็นช่วง ๆ ในมือยังคงถืออุปกรณ์ทำความสะอาด น่าจะกำลังดูว่าเช็ดสะอาดดีแล้วหรือไม่ จึงค่อยเริ่มเช็ดใหม่อีกครั้ง

“พี่ชาย” กู้เสี่ยวหวานมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียดก็เห็นว่าเป็นลูกจ้างในร้านครั้งก่อนที่ต้อนรับนางอย่างกระตือรือร้นคนนั้น จึงเอ่ยเรียกเขาเสียงหวาน

ลูกจ้างในร้านที่กำลังเช็ดโต๊ะได้ยินคนเรียกก็รีบเงยขึ้นขึ้น พอเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวานเขาก็ตะลึงไปสักพักหนึ่ง จากนั้นจึงมองซ้ายขวาอย่างลนลาน และรีบดึงกู้เสี่ยวหวานไปอีกด้านหนึ่ง “แม่นาง เจ้ามาได้อย่างไร”

“เถ้าแก่หลี่อยู่หรือไม่” กู้เสี่ยวหวานมองท่าทางลนลานของเสี่ยวเอ้อก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหมียวเอ้อร์กระมั่ง

“เถ้าแก่ร้านไม่อยู่ แต่เขาน่ะอยู่” ลูกจ้างในร้านจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ชี้นิ้วไปข้างใน หลังจากนั้นก็รีบพูดเตือนนางเสียงเบาว่า “แม่นาง เจ้ารีบกลับไปเถอะ เจ้าเอาสิ่งใดมาเขาก็ไม่รับหรอก หลีกเลี่ยงปัญหาไปเสียเถอะ”

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจว่าเสี่ยวเอ้อหมายถึงอะไร จึงเพียงยิ้มอย่างทุกข์ใจพูดอย่างอดไม่อยู่ว่า “เสี่ยวเซิ่งจื่ออยู่หรือไม่”

“เขาก็ไม่อยู่เหมือนกัน เถ้าแก่พวกข้าน่ะตั้งแต่เจ้ามาคราวก่อนเขาก็ไม่กลับมาเลย เจ้าเสี่ยวเซิ่งจื่อเดี๋ยวก็อยู่เดี๋ยวก็มาไม่ร้าน” เสี่ยวเอ้อคนนั้นอธิบาย ยังคงพูดเตือนนางอีกว่า “แม่นางน้อยเจ้ารีบไปเถอะ ถ้าเขาออกมาเห็นเจ้า เขาต้องทำให้เจ้าอับอายเป็นแน่”

กู้เสี่ยวหวานพูดไม่ได้ยิ้มไม่ออก อยู่บ้านเขาจำต้องก้มหัวให้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ นางจึงเพียงแค่เอ่ยขอบคุณ “ขอบใจท่านมาก อยา่งนั้นข้าไปก่อนล่ะ”

“อืม รีบไปเถอะ ครั้งหน้าหากเถ้าแก่กลับมาแล้ว ข้าจะให้เสี่ยวเซิ่งจื่อไปบอกเจ้าเอง ถึงตอนนั้นมีของสิ่งใดก็ส่งมาได้เลย เขาไม่อาจปฏิเสธเถ้าแก่ได้หรอก ต้องรับหมดแน่” เสี่ยวเอ้อพูดปลอบใจนางสองสามคำ จู่ ๆ เขาก็คล้ายจะนึกบางอย่างออก “จริงสิ แม่นางน้อย ถ้าเจ้าสะดวกล่ะก็ เจ้าสามารถเข้าไปในเมืองได้ ที่นั่นมีร้านจิ่นฝูอยู่เป็นกิจการของเถ้าแก่ข้าด้วยเหมือนกัน เพิ่งเปิดเมื่อสองสามวันมานี้เอง เจ้าลองไปดูสิ เขาน่าจะรับของ ๆ เจ้า”

เสี่ยวเอ้อได้ยินเสี่ยวเซิ่งจื่อพูดถึงบ่อย ๆ ว่าถ้าแม่นางน้อยส่งอะไรให้ต้องรับไว้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าวันนี้มีเหมียวเอ้อร์อยู่เฝ้าร้าน หากเขาบอกไม่รับใครจะกล้าขัดเขาได้

พอกู้เสี่ยวหวานได้ยินก็รีบเอ่ยขอบคุณ “ขอบใจคุณพี่ชาย ข้าเข้าใจแล้ว”

เพื่อไม่ต้องมองหน้าของเหมียวเอ้อร์นั่น กู้เสี่ยวหวานจึงรีบออกจากร้านจิ่นฝูทันที เดิมทีขายร้านจิ่นฝูไม่ได้ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้วางแผนจะขายร้านอื่นแล้วกัน

ดูเหมือนว่าวันนี้จะขายไม่ออกแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ร้านของชำอื่นกู้เสี่ยวหวานไม่คิดจะไปแล้ว หากเอาของพวกนี้ไปขายร้านแบบนั้นราคาย่อมไม่สูงอะไร มีแค่ร้านอาหารชั้นสูงแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถขายในราคาสูงได้

อย่างไรเสียเห็ดตี้มู่ของนางก็แห้งอยู่แล้ว วันนี้ขายไม่ได้ก็แล้วไป นางไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจครั้งต่อไปมาเร็วสักหน่อยแล้วเข้าไปในเมืองดู ร้านอาหารใหญ่ในเมืองคนกินเยอะ ยิ่งแพงยิ่งหายากก็ยิ่งราคาสูง อย่างไรก็ขายได้ราคาสูง

กู้เสี่ยวหวานวางแผนในใจเช่นนั้นก็ไม่ต้องรีบแล้ว จึงแบกตะกร้าไปหอหนังสืออวี้

ตอนนี้มีแค่ฮูหยินสวีที่อยู่ในหอหนังสืออวี้ กำลังเช็ดฝุ่นบนปกหนังสืออยู่