บทที่ 227 พวกเขาทำอะไรอยู่ที่ห้องข้างๆ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

“ชิงเจ๋อ คุณประคองซีหยู่ขึ้นไปชั้นบนก่อนเถอะ!” สือมูเฉินเห็นเจียงซีหยู่ดูฝืนใจ จึงเอ่ยปากขึ้น

“ไม่เป็นไร ฉันยังไหว!” เจียงซีหยู่โบกๆมือแล้วพูดว่า : “วันนี้เป็นวันที่หาได้ยากที่จะได้มาสนุกกับทุกคน ฉันไม่อยากออกกลางคัน”

“เป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นจริงๆ!” หยานชิงเจ๋อจนปัญญา : “โอเค ถ้าไม่สบายต้องบอกฉันนะ!” พูดจบเขาก็โอบกอดเจียงซีหยู่ ให้เธอเขามาพิงหน้าอกของตนเอง

เวลานี้มือถือของฟู่สีเกอดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมาดู เป็นตู้ลี่ลี่โทรมา

เขาลังเลอยู่สักพัก จึงกดรับสาย แล้วพูดเรียบๆว่า : “คุณตู้”

“สีเกอ——” ตู้ลี่ลี่ลากเสียงสุดท้าย : “ทำอะไรอยู่ ทำไมเรียกฉันว่าคุณตู้ล่ะ เห็นเป็นคนนอกขนาดนี้เลยเหรอ?”

ฟู่สีเกอขี้เกียจที่จะคุยกับเธอมากเกินไป เขาจึงถามตรงๆว่า : “โทรหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”

ตู้ลี่ลี่พูดว่า : “ครั้งที่แล้วไม่ได้บอกเหรอว่า จะส่งตั๋วคอนเสิร์ตให้คุณสองใบ ให้คุณกับแฟนของคุณไปด้วยกัน พอดีว่าฉันอยู่ด้านนอกสตูดิโอของคุณ คุณอยู่ไหม?”

สายตาของฟู่สีเกออดไม่ได้ที่จะหันไปมองเฉียวโยวโยว รอยยิ้มของเขาก็จืดจางลง พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า : “คุณเข้าไปวางไว้ที่แผนกต้อนรับ ให้พวกเขาส่งให้ฉันก็ได้”

“โอเค ดูเหมือนจะยากจริงๆเลยที่จะได้เจอคุณ!” ตู้ลี่ลี่ยิ้มแล้วพูดว่า : “ถึงเวลานั้นอย่าลืมมาชมด้วยนะ!”

“อืม ฉันรู้แล้ว” ฟู่สีเกอพูดจบ ก็วางสายไป

เขาเก็บมือถือ แล้วมองไปทางหลานเสี่ยวถาง : “เสี่ยวถาง ชอบเพลงของตู้ลี่ลี่ไหม?” เขาจำได้ว่า ครั้งที่แล้วที่อยู่บ้านสือมูเฉิน หลานเสี่ยวถางเหมือนจะเคยร้องเพลงอยู่”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “อืม ชอบมากเลย เธอมีเทคนิคในการร้องเพลงและท่วงทำนองเสียงที่ดีมาก!”

“พอดีฉันมีบัตรผ่านประตูเข้าคอนเสิร์ตของเธอสองใบ เป็นที่นั่งวีไอพีด้านหน้าสุด” ฟู่สีเกอกล่าวว่า : “เดือนหน้าคุณกับอาเฉินไปฟังด้วยกันสิ!”

หลานเสี่ยวถางอดยิ้มไม่ได้ : “โอเค ฉันยังไม่เคยไปคอนเสิร์ตเลย!”

สือมูเฉินมองไปที่เธอ : “บอกฉันสิว่าคุณชอบใครอีก? ต่อไปนี้ฉันจะไปด้วยกันกับคุณทุกที่เลย”

“ถูกพี่เฉินกับพี่สะใภ้อวดความรักใส่โดยไม่ทันตั้งตัวเลยจริงๆ!” ซูสือจิ่นถอนหายใจ

เวลานี้สายตาของฟู่สีเกอชำเลืองไปมองเฉียวโยวโยวเล็กน้อย

บังเอิญได้ยินคำว่า ‘ตู้ลี่ลี่” สามคำ มันทำให้เฉียวโยวโยวจิตใจไม่สงบ

ท้ายที่สุดแล้ว ตู้ลี่ลี่ยังคงเป็นพยานรักที่รู้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่สีเกอเป็นเวลาหลายชั่วโมง และตั๋วสองใบนั้น เดิมทีเธอเตรียมจะให้พวกเขา

เธอหันไปมองฟู่สีเกอ เมื่อกำลังจะละสายตาออก ก็พบว่าเขามองมาที่เธอพอดี

หัวใจเธอเต้นเร็ว สีหน้าเขินอายเล็กน้อย แต่โชคดีที่แสงไฟนั้นค่อนข้างสลัว ดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นความผิดปกติของเธอ

“สีเกอ ตู้ลี่ลี่คงไม่ได้ชอบคุณใช่ไหม?” หยานชิงเจ๋อพูดหยอกล้ออยู่ข้างๆ

ฟู่สีเกอหัวเราะ : “ชอบฉันแล้วยังไง คุณเคยเห็นฉันให้ความสนใจเธอด้วยเหรอ?”

“เย่อหยิ่งขนาดนี้เลย?” หยานชิงเจ๋อกล่าวว่า : “จะว่าไปฉันก็อยากรู้อยากเห็นมากเลยนะ ว่าแฟนคนต่อไปของคุณจะเป็นใคร? วาระการดำรงตำแหน่งจะเกินสามเดือนไหมนะ?”

เวลานี้ซูสือจิ่นที่อยู่ข้างๆก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างประหลาดใจ : “พี่สีเย็น ความสัมพันธ์ที่สั้นที่สุดของคุณคือเท่าไหร่? หนึ่งอาทิตย์เหรอ?”

ฟู่สีเกอได้ยินคำพูดนี้ของเธอ สีหน้าก็แข็งทื่อเล็กน้อย ชั่วขณะก็พูดขึ้นว่า : “ห้าชั่วโมง”

“ห๊ะ?” เห็นได้ชัดว่าซูสือจิ่นถูกคำตอบนี้ทำให้ตกใจ เธอมองไปที่ฟู่สีเกออย่างดูถูก : ” คุณไปทำร้ายสาวคนไหนมาอีกแล้วล่ะ? เพิ่งจะทุ่มเทความรักให้ ก็ทิ้งเธอทันทีเลยเหรอ?”

ฟู่สีเกอส่ายหัว ที่มุมปากมีความเย้ยหยันถากถางตนเอง : “ที่ไหนล่ะ? ครั้งนั้นเป็นฉันที่ถูกทิ้งต่างหาก”

เฉียวโยวโยวได้ฟังประโยคนี้ มือที่ถือแก้วเหล้าอยู่ก็บีบแน่นขึ้น

“พระเจ้า คุณยังมีบันทึกสถิติถูกทิ้งภายในไม่กี่ชั่วโมงด้วยเหรอ?” หยานชิงเจ๋อครึกครื้นขึ้นมา : “เป็นคนสวยท่านไหนกัน ฉันเลื่อมใสเธอมากเลย!”

ฟู่สีเกอยักไหล่ : “นี่ฉันอกหักอยู่นะ อย่ามาสะกิดรอยแผลเป็นของฉันสิ!”

“ชิ——” ซูสือจิ่นเบะปาก : “คุณเสแสร้งอยู่ใช่ไหม! ยกเว้นในตอนนั้น……” เธอหยุดไปชั่วขณะ พอรู้ตัวว่ากำลังจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดก็เลยเปลี่ยนเรื่องทันที : “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เคยเห็นคุณเศร้าเพราะอกหักซะที่ไหนกัน?”

เฉียวโยวโยวได้ฟังคำพูดนี้ จู่ๆหัวใจก็สับสนวุ่นวายเล็กน้อย

ใช่สิ วันนั้นเธอบอกแล้วว่าจะเลือกเอง ฟู่สีเกอก็ได้แต่ยิ้มแล้วอวยพรให้เท่านั้น

ฉะนั้นบางทีเธออาจจะมีค่าไม่พอที่เขาจะเอ่ยถึง ความอาลัยอาวรณ์ในตอนนั้น สูญเสียไปแล้ว บางทีก็จืดจางลงไปแล้ว

นึกถึงตรงนี้แล้ว จู่ๆเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกปล่อยวางลง

ในเมื่อเขาไม่สนใจ แล้วอย่างนั้น ทำไมเธอถึงได้อึดอัดใจราวกับว่าทำให้เขาผิดหวังเลยล่ะ?

บางทีเธอควรจะเรียนรู้ที่จะสง่าผ่าเผยกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนทั่วไปหรือว่าคนแปลกหน้า เธอก็ไม่ควรจะเข้าไปพัวพันอีก

ทุกคนยังคงเล่นกันต่อไปอีกหลายรอบ เพราะว่าเจียงซีหยู่เมาเล็กน้อย ดังนั้นในทุกๆรอบจึงให้เธอเป็นผู้ตัดสิน จนท้ายที่สุดแล้ว ทุกๆคนก็ต่างเมามาย

เห็นว่าดึกแล้ว แกะย่างก็เกือบจะหมดแล้ว สือมูเฉินจึงพูดว่า : “เอาละ วันนี้พอแค่นี้ ทุกๆคนขึ้นชั้นบนไปพักผ่อนกันเถอะ!”

หลานเสี่ยวถางจัดสรรห้องให้ทุกคน หลังจากนั้นก็กลับห้องของตนเองไปกับสือมูเฉิน

ห้องจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก แบ่งเป็นสือมูเฉิน เฉียวโยวโยว ฟู่สีเกอ ซูสือจิ่น และหยานชิงเจ๋อ

เดิมทีหลานเสี่ยวถางก็เคยถามหยานชิงเจ๋อแล้วว่า ต้องการจัดห้องพักส่วนตัวให้เจียงซีหยู่หรือไม่ แต่หยานชิงเจ๋อเห็นว่าเจียงซีหยู่แทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า: “ซีหยู่นอนห้องเดียวกับฉันเถอะ จะได้ดูแลคุณได้สะดวก!”

ซูสือจิ่นได้ฟังประโยคนี้ มือถือที่อยู่ในมือก็ลื่นตกลงพื้น หน้าจอแตกละเอียด

เธอหยิบมือถือขึ้นมาอย่างช้าๆ มองหยานชิงเจ๋อโอบเจียงซีหยู่เดินเข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆเธอ

จนกระทั่ง ห้องข้างๆมีเสียงปิดประตูดังเข้ามา เธอจึงดึงสายตากลับ

ฟู่สีเกอที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเธอ เห็นซูสือจิ่นยื่นตกตะลึงอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้าไป ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามว่า: “ยายผัดผัก คุณก็เมาเหรอ?”

ซูสือจิ่นหันมาชำเลืองมองเขา ไม่พูดจา เข้าห้องแล้วปิดประตูไปโดยตรง

ฟู่สีเกอส่ายหน้า แล้วก็ไม่สนใจ เขาหันตัวกลับ กำลังจะกลับห้อง ก็เห็นเฉียวโยวโยว

เมื่อเธอชำเลืองมาเห็นเขา ก็ดึงสายตากลับอย่างรวดเร็ว จากนั้น รีบก้าวเท้าจะเดินไปอย่างรวดเร็ว

แต่ด้วยความที่เธอเดินค่อนข้างเร็ว บัตรใบหนึ่งของเธอที่อยู่ในกระเป๋าจึงตกลงบนพื้น

ฟู่สีเกอเดินเข้าไป หยิบบัตรขึ้นมา ขณะที่เฉียวโยวโยวกำลังจะปิดประตู เขาก็ดึงประตูของเธอเอาไว้

เธอหายใจติดขัด มองเขาอย่างสับสนงุนงง

เขานำบัตรส่งให้เธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า: “บัตรของคุณหล่นแล้ว”

“อ้อ” เฉียวโยวโยวรับไปแล้ว ก็รู้สึกว่าบรรยากาศบางเบาลง เธอยิ้มๆให้เขาอย่างเกรงใจ: “ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ฟู่สีเกอพูดจบ ก็หันเดินจากไป

เห็นเงาของเขาที่เดินจากไป เฉียวโยวโยวก็ปิดประตู กลับมาในห้องของตนเอง นั่งลงบนเตียงนุ่มๆ

เธอยื่นมือไปลูบที่ผมของตนเอง มองผมเผ้าที่ดูยุ่งเหยิง ก็รู้สึกว่า ความคิดที่สับสนวุ่นวายภายในใจมีช่องว่างให้ได้ระบายออก เหมือนกับว่าจะผ่อนคลายลงไปอย่างมาก

และเวลานี้ หยานชิงเจ๋อนำเจียงซีหยู่วางบนเตียงแล้ว ช่วยเธอถอดรองเท้า เอ่ยปากกล่าวว่า: “ซีหยู่ ลุกขึ้นมาอาบน้ำไหวไหม?”

เจียงซีหยู่พยายามลุกขึ้นนั่ง พยักหน้าเล็กน้อย: “อืม ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นปิ้งย่าง ฉันจะไปอาบน้ำสักหน่อย!”

“โอเค ฉันจะประคองคุณไปนะ” หยานชิงเจ๋อพูดพลาง หยิบรองเท้าแตะมาช่วยสวมให้เธอ แล้วประคองเธอไปยังห้องน้ำ

เขาทดสอบว่าน้ำอุ่นแล้ว จึงกล่าวกับเธอว่า: “ซีหยู่ ให้ฉันช่วยคุณไหม?”

เจียงซีหยู่ยิ้มเล็กน้อย: “จะใช้อุบายกับฉันเหรอ?”

เธอโบกไม้โบกมือ: “ฉันอาบเองได้ คุณรอฉันอยู่ข้างนอกก็พอ ถ้าฉันเป็นอะไร จะได้เรียกคุณ”

หยานชิงเจ๋อทำได้เพียงประนีประนอม: “โอเค” พูดพลางออกจากห้องน้ำ แล้วช่วยปิดประตูให้เจียงซีหยู่

เขาพิงอยู่หน้าประตู ฟังเสียงน้ำจากด้านใน แล้วกล่าวกับเจียงซีหยู่ว่า: “ฉันยังคิดว่า ถ้าคุณเต็มใจจะพักห้องเดียวกันกับฉัน ก็คือตัดสินใจที่จะก้าวไปขั้นสุดท้ายแล้วซะอีก…..”

ในห้องน้ำ เสียงอันนุ่มนวลของเจียงซีหยู่ที่แฝงได้ด้วยความมึนเมากล่าวว่า: “ผู้ชายอย่างพวกคุณคิดถึงขั้นสุดท้ายเหมือนกันหมดเลยใช่ไหม?”

หยานชิงเจ๋อยิ้มอย่างไม่ปฏิเสธ: “ถึงฉันคิด แต่ก็ต้องให้เกียรติคุณ ซีหยู่ ฉันจริงจังกับคุณนะ”

เจียงซีหยู่อาบน้ำเสร็จ ใช้ผ้าเช็ดตัวพันตัวเอาไว้ แล้วเดินโซซัดโซเซมายังหน้าประตู

หยานชิงเจ๋อได้ยินการเคลื่อนไหว ก็หันตัวกลับมา แล้วช่วยเธอเปิดประตู

เมื่อเห็นร่างกายของเจียงซีหยู่ที่แดงไปทั่วเพราะความร้อน หยานชิงเจ๋อก็กลืนน้ำลาย กล่าวด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า: “ซีหยู่ คุณกำลังทดสอบจิตใจของฉันอยู่ใช่ไหม”

เขาพูดพลางประคองเธอมานอนลงบนเตียง จากนั้น ตนเองก็เข้าไปอาบน้ำ

ที่ห้องข้างๆ ตั้งแต่ซูสือจิ่นเข้ามาในห้อง ก็นั่งอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน

มือของเธอสัมผัสไปที่เตียงที่นุ่มนวล รู้สึกถึงสัมผัสที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนของผ้าห่ม แต่หัวใจกลับอึดอัดจนแทบจะขาดใจ

อีกด้านหนึ่งของกำแพง เวลานี้ หยานชิงเจ๋อและเจียงซีหยู่คงกำลังจู๋จี๋กันอยู่ใช่ไหม?

คนหนึ่งก็เมา อีกคนเดิมทีก็ชอบเธออยู่แล้ว ดังนั้น พวกเขาสองคนก็คงจะเหมือนฟืนกับไฟที่ลุกโหมกระหน่ำใช่ไหม?

ถึงจะรู้ดีว่า เจียงซีหยู่และหยานชิงเจ๋อคุยกันมานานแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจจะเคยทำอะไรแบบนั้นมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เวลานี้ ซูสือจิ่นกลับรู้สึกเป็นทุกข์แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ราวกับว่าฟูกด้านล่างมีเข็มแทงอยู่ ซูสือจิ่นลุกขึ้นยืน เดินไปเดินกลับอยู่ภายในห้อง

ทันใดเธอก็รู้สึกกระวนกระวาย การหายใจติดขัด ในสมองเต็มไปด้วยภาพที่หยานชิงเจ๋อทะนุถนอมเจียงซีหยู่

เธอกุมศีรษะอย่างทุกข์ใจ กระทั่งผมถูกดึงจนเจ็บ จึงค่อยๆปล่อยมือออก

เธอคิดว่าขืนตนเองเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องเป็นบ้าแน่นอน ความคิดที่คลุ้มคลั่งเอ่อล้นขึ้นมา เธออยากที่จะไปขัดจังหวะพวกเขา!

เธอไม่อยากต้องเจ็บเจียนตายอยู่ภายในห้องคนเดียว!

ซูสือจิ่นเดินไปหน้าประตู ยื่นมือไปหมุนลูกบิดประตู แล้วเดินออกไป

ห้องของหยานชิงเจ๋ออยู่ข้างๆ ซูสือจิ่นเดินไปถึงหน้าประตู ฟังอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายกับไม่ได้ยินการเคลื่อนไหว

เธอยกมือขึ้นจะเคาะประตูแล้วก็วางลง แล้วก็ยกขึ้นอีกอย่างไม่ยินยอม

สุดท้าย เมื่อเธอได้สติกลับมา คาดไม่ถึงว่าจะพบว่าตนเองได้เคาะประตูไปแล้ว!

เวลานั้น เธอมีความต้องการที่จะวิ่งหนี แต่ขาทั้งคู่คล้ายกับถูกตะปูตอกเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อน ดื้อดึงที่อยากจะดู อยากจะรอช่วงเวลานั้น เวลาที่โทษประหารมาถึง