ตอนที่ 254 สัญญาณขอความช่วยเหลือจากเหอคัง

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 254 สัญญาณขอความช่วยเหลือจากเหอคัง

ตอนที่ 254 สัญญาณขอความช่วยเหลือจากเหอคัง

เมื่อเห็นประกาศคนหายบนบรรจุภัณฑ์ ซูเถาก็ฟื้นคืนสติทันที เธอยิ้มและตอบว่า “กิน”

หลินฟางจือผู้เตรียมขนมปังและนมสองชุดในครัว มองไปด้วยความไม่พอใจ

ซูเถาเลยลากทั้งสองคนให้นั่งลงและทานอาหารด้วยกัน

เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง เธอจึงกินอาหารเช้าทั้งหมดที่พวกเขาสองคนนำมาให้จนหมดเกลี้ยง

เมื่อหลินฟางจือเห็นว่าเธอกินเสร็จแล้ว สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พร้อมที่จะไปทำงานด้วยความสบายใจ

หลังจากเคลียร์โต๊ะอาหารและกำลังจะออกไป ทันใดนั้นเครื่องสื่อสารก็ดังขึ้น เดิมทีเขาคิดว่าอาจเป็นลูกค้าที่โทรมา แต่เมื่อกดเชื่อมต่อ เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยและน่ากลัวจากฝั่งตรงข้าม “ซู…”

สองคำสุดท้ายถูกกลืนหายไปและแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง

และสายก็ตัดไป

หลินฟางจือตกตะลึงและมองลงไปที่หมายเลขผู้โทร แต่เป็นหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้

แต่เสียงนั้นดูเหมือนจะเป็นคุณจี้จากฐานเหอคัง?

ซูเถาเดินตามเสียงนั้นไปและมองดูแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ? นายเรียกหาฉันทำไม”

เธอดูเหมือนจะได้ยินคำว่าซู

หลินฟางจือขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าคุณจี้จะเจอเรื่องไม่ดี”

ซูเถายืนนิ่งและถามอย่างเป็นกังวล “นายแน่ใจเหรอ”

หลินฟางจือพยักหน้า

ซูเถาไม่เสียเวลา เธอรีบสวมรองเท้าและออกไปหากานหงอวี้ทันที เพื่อขอให้เขาลองหาตำแหน่งของหมายเลขโทรศัพท์ของจี้ป๋อต๋า

แต่ใครจะรู้ว่ากานหงอี้พยายามอยู่หลายครั้ง การแสดงออกของเขาก็ยิ่งเต็มไปความตึงเครียดมากขึ้นเท่านั้น

“คุณจี้อยู่ที่เหอคัง เหอคังมีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าเครือข่ายน่าจะล่ม…”

เขาลังเลและไม่กล้าพูดสิ่งที่คาดเดาอยู่ในใจออกมา

หัวใจของซูเถาจมดิ่ง “คุณพูดมาเถอะค่ะ”

กานหงอวี้เงียบไปสองวินาที

“บางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง ตอนนี้ที่เหอคังเหมือนเมืองที่หยุดนิ่งไปแล้ว ตอนนี้เครือข่ายทั้งหมดไม่ได้รับการดูแล และพื้นที่หลายแห่งถูกตัดการเชื่อมต่อ”

ซูเถาขอให้หลินฟางจือเล่าสิ่งที่จี้ป๋อต๋าพูดอีกครั้ง

“ซู…”

“อ๊าา…” มีเสียงกรีดร้องและเสียงความเจ็บปวดดังขั้นอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เข้าใจได้ว่าจี้ป๋อต๋าอาจประสบเรื่องร้ายในเหอคัง และกะทันหันจนเขาไม่มีเวลาโทรหาคนช่วย

ขนาดการติดต่อทางโทรศัพท์ เขาก็ไม่สามารถแสดงความยากลำบากออกมาได้

แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างฉับพลันกันแน่ที่ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานได้?

ซอมบี้ธรรมดาโจมตีเมืองเหรอ?

ไม่สิ การปิดล้อมเมืองต้องใช้เวลา อีกอย่างฐานเหอคังก็เป็นฐานระดับสองหรือสาม ถือว่าเป็นหนึ่งในฐานที่ดีที่สุด ไม่ว่าฝูงซอมบี้จะใหญ่ขนาดไหน พวกเขาก็มักจะต้านทานได้เสมอ

หรือจะเป็นการโจมตีของเคียวโลหิตหรือการโจมตีของสัตว์เลื้อยคลาน?

ก็ไม่น่าจะใช่ ซอมบี้ทั้งสองชนิดนี้เมื่อเจอมนุษย์มันจะฆ่าทิ้งทันที เป็นไปไม่ได้ว่าคนของฐานเหอคังที่เสียชีวิตจะไม่ได้เตรียมตัว และถึงแม้ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากแค่ไหน เจอซอมบี้มากมายขนาดไหน เขาก็ต้องมีเวลามาขอความช่วยเหลือ

ฉะนั้นความเป็นไปได้มีแค่สองทางเท่านั้น

หนึ่งคือภัยธรรมชาติ เพราะนับตั้งแต่วันสิ้นโลกเมือ 20 ปีที่แล้ว ภัยธรรมชาติก็มีมาไม่เคยหยุดเลย สภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงถือว่าเบาที่สุด ซึ่งไม่รุนแรงเท่าแผ่นดินไหวหรือสึนามิ

แต่ถ้าเป็นกรณีนี้มันจะไม่มีข่าวออกมาได้ยังไง

ดังนั้นความเป็นไปได้ข้อสุดท้ายคือโบนวิงส์ได้มาถึงทางใต้แล้ว และเหอคังเป็นฐานแรกที่เจอเคราะห์ร้าย

สำนักงานที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศอยู่พักหนึ่งก็เย็นลงและทุกคนรู้สึกหนาวในหัวใจ

ซูเถาตัดสินใจทันที คือหนึ่งให้หลินฟางจือตรวจสอบว่าลูกค้าคนใดมีความเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับฐานเหอคัง และช่วยถามพวกเขาว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเหอคังหรือไม่

ประการที่สองคือการรายงานสถานการณ์ต่อตงหยาง

ตอนที่ฐานเหอคังเกิดเรื่อง และไม่มีใครรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

แม้ว่าหลินฟางจือจะเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่เขาก็จริงจังกับงานมาก เนื่องจากเขาทำงานด้านการซื้อขายที่เถาหยาง เขาจะเป็นคนลงทะเบียนข้อมูลอย่างชัดเจนเสมอ

ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที เขาก็พบว่าลูกค้าของฐานเล็กสองฐานอยู่ใกล้กับเหอคังมาก และสามารถเห็นเหอคังได้จากระยะไกลเวลาอยู่ในที่สูง

หลินฟางจือเลยโทรไป

อีกฝ่ายเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วและพวกเขายังคงกระตือรือร้นมาก ทันทีที่พวกเขาถามถึงเหอคัง พวกเขาก็เริ่มพูดคุยปรึกษากันทันที

“ผิดปกติเหรอ? ในสองวันที่ผ่านมามีสัตว์ประหลาดที่สามารถปีนกำแพงและโจมตีพวกเขาได้ แต่ฐานเล็ก ๆ ของเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มันเป็นสิ่งที่มืดไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน มันออกมาจากพื้นดินและสามารถกัดผู้คนถึงตายได้ โดยที่ปากของมันสามารถเปิดกว้างพอที่จะกลืนคนทั้งคนได้!”

“ทั้งการเคลื่อนไหวของมันก็มีความรวดเร็วมาก”

ทุกคนในเถาหยางคิดว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมาคือจุดสำคัญของมันแล้ว แต่ในวินาทีต่อมาพวกเขาก็ได้ยินเสียงปลายสายพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ

“สัตว์ประหลาดที่คลานได้ดูเหมือนจะมีใบหน้าเหมือนมนุษย์! มันน่ากลัว! อาจจะเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ประเภทอื่นก็ได้!”

ทุกคนในเถาหยางรู้ว่าพวกเขาเคยเห็นมันตอนสวีฉีแสดงภาพเหตุการณ์ให้ดู

ซูเถาขัดจังหวะเขาและถามว่า “สัตว์ประหลาดที่คลานได้ตัวนี้สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับพวกคุณหรือเปล่า”

อีกฝ่ายหยุดและพูดว่า “ยังไม่ถึงจุดนั้น เนื่องจากจำนวนของสัตว์ประหลาดเหล่านี้มีน้อย สามารถเห็นได้มากสุดสองหรือสามตัวในคืนเดียว เมื่อพวกมันอิ่ม พวกมันก็หายตัวไป”

ดังนั้นเหอคังไม่น่าจะถูกสัตว์เลื้อยคลานนี้โจมตี

“มีความผิดปกติอื่นหรือเปล่า” ซูเถาถาม

ฝ่ายตรงข้ามระดมสมองของพวกเขาและหลังจากนั้นก็พูดออกมาอย่างลังเล “ได้ยินว่ามีฆาตกรต่อเนื่องปรากฏตัวในเมืองของพวกเขาเมื่อเร็ว ๆ นี้ นับรวมด้วยไหม”

ซูเถาต้องตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง “นับ เรื่องราวมันเป็นยังไงคะ”

อีกฝ่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างระมัดระวัง “ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเหอคังเริ่มมีคนตายสองสามคน และการเสียชีวิตทั้งหมดน่าสังเวช หน้าอกดูเหมือนจะถูกแทงด้วยอาวุธมีคมบางอย่าง และอวัยวะภายในหายไป”