บทที่ 199 สังสารวัฏหกวิถี

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 199 สังสารวัฏหกวิถี

ไป๋ลี่รู้แจ้งในสถานที่แห่งนั้น ขณะที่ไป๋ชิวหรานพาเจียงหลานเดินสำรวจไปโดยรอบยมโลกแห่งใหม่นี้สองสามครั้ง จากการบอกเล่าลักษณะภายในยมโลกโดยเชวียหลิง ไป๋ชิวหรานจึงได้สร้างพื้นที่ซ้อนกันอีกสิบแปดแห่งขึ้นมาในยมโลกแห่งนี้ เพื่อให้เป็นต้นแบบของนรกสิบแปดขุมในอนาคต

ทว่าเวลานี้ความคิดของเขายังว่างเปล่า ไม่มีแนวทางใด ๆ เลย

วิธีการพัฒนาและวางแผนสร้างขุมนรกทั้งสิบแปดชั้น… ไว้ให้ไป๋ชิวหรานมีความพร้อมค่อยกลับมาตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับดวงวิญญาณเหล่านี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานยังได้บอกเล่าให้เจียงหลานรับทราบเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานบางประการ ในเรื่องของสังสารวัฏหกวิถี และขุมนรกทั้งสิบแปดชั้น

เมื่อทั้งสองเดินย้อนกลับไป พวกเขาพบว่าไป๋ลี่ได้ตระหนักถึงวิธีการฝึกฝนของดวงวิญญาณในสองสามระดับแรกแล้ว เขากำลังนั่งอยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง รอบกายรายล้อมไปด้วยฝูงวิญญาณมนุษย์ ที่ฟังคำเทศนาจากเขา

วิธีการที่ไป๋ลี่บรรยาย คือสั่งสอนวิญญาณให้รวมร่างวิญญาณของตนเองให้ได้เสียก่อน วิญญาณไม่มีร่างกายหรือเลือดเนื้อ โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่อาจดูดซับพลังวิญญาณจากสวรรค์และโลกได้เฉกเช่นมนุษย์สามัญ ดังนั้นขั้นตอนแรกคือการรวบรวมร่างกายเพื่อที่จะสามารถฝึกตนได้

ไป๋ชิวหรานเองก็นิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงสรุปในใจอย่างเงียบ ๆ ว่าวิธีการฝึกตนนี้ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวอาจจะเหมือนกับตอนที่ลี่เริ่มฝึกฝนด้วยตัวเอง

เขาพยักหน้า สำหรับดวงวิญญาณฝูงแรก สิ่งเหล่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว

“เบื้องต้นคงมีเพียงเท่านี้”

เมื่อคำเทศนาของไป๋ลี่สิ้นสุดลง เขาจึงกล่าวกับเหล่าดวงวิญญาณต่อไป

“ไว้ข้าจะบอกถึงวิธีการที่เหลือเมื่อคิดออก ถึงอย่างนั้นพวกเจ้าสามารถครุ่นคิดไปพลางก่อนได้”

ฝูงดวงวิญญาณกระจัดกระจายออกไปทันทีหลังจากได้ยินคำกล่าวนั้น พวกเขาพบสถานที่อันเงียบสงบในดินแดนยมโลกแห่งนี้ จากนั้นจึงเริ่มฝึกฝนตามวิธีการที่ไป๋ลี่ชี้แนะ ขณะที่ไป๋ชิวหรานก้าวออกไปพร้อมกับเจียงหลาน

“เสร็จสิ้นกระบวนความแล้วรึ?”

“ท่านอาจารย์”

เมื่อเห็นไป๋ชิวหราน ไป๋ลี่ก็เผยท่าทีนอบน้อมกลายเป็นลูกศิษย์ที่ซื่อสัตย์ในทันที เขาทักทายไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวว่า

“สิ่งที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่มีส่วนมีผิดพลาดหรือไม่?”

“ไม่มี เจ้ากล่าวได้ดีแล้ว”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้าก่อนกล่าวต่อไป

“บางครั้งสิ่งที่อาจารย์กล่าวอาจไม่ถูกต้องเสมอไป ในอนาคตบางสิ่งเจ้าอาจจะต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเอง… ไปกันเถอะ เรายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ”

เขาพาไป๋ลี่ เจ้าลิง และเจียงหลานไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของยมโลก ถนนของที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นหกเส้น ตรงสุดปลายของถนนแต่ละเส้นล้วนมีหลุมลึกไร้ก้นอยู่เบื้องล่าง

นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่เขาให้วิถีสวรรค์จงใจสร้างขึ้น

“จงสำรวจดูอย่างระมัดระวัง”

เขาปล่อยให้ไป๋ลี่และคนอื่น ๆ สำรวจดูอย่างระมัดระวัง ส่วนตัวเองก็ย่างเดินสองก้าวจนมาถึงทางแยกแล้วเริ่มร่ายเวทคาถา

ชายหนุ่มสร้างกงล้อสังสารวัฏหกวิถีสำเร็จ เมื่อทำการจำลองระบบสังสารวัฏในขั้นเซียนแล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยย้ำคิดย้ำทำของไป๋ชิวหราน ก็ได้พบว่ามีหลายแง่มุมของระบบนี้ที่สามารถปรับปรุงพัฒนาขึ้นได้

บนแผ่นหินกระดานชนวนที่บันทึกแผนที่ของอาณาจักรไว้ ชายหนุ่มได้ทำให้กงล้อสังสารวัฏหกวิถีสมบูรณ์แบบขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทว่าในสถานที่แห่งนี้ เขาจะสร้างเพียงสังสารวัฏหกวิถีพร้อมระบบกลไกขั้นพื้นฐานเท่านั้น

ด้วยขนาดของพื้นที่แห่งนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะจัดการจนแล้วเสร็จในระยะเวลาอันสั้น หลังจากเวลาผ่านไปหลายพันปี กงล้อสังสารวัฏหกวิถีของคนรุ่นหลังคงจะเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาแล้วในแต่ละขั้นตอน

ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ชิวหรานไม่เคยมีความคิดเพิกเฉยหรือต่อต้านความคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่น อีกไม่นานเผ่ามนุษย์อาจให้กำเนิดบุคคลที่มีความสามารถขึ้นมานับไม่ถ้วน ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาอาจดีพร้อมยิ่งกว่าชายหนุ่มก็เป็นได้

ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงหว่านเมล็ดพันธุ์ทิ้งไว้ที่นี่เท่านั้น ในส่วนของพลังแห่งการฝึกตน เขาจงใจปล่อยให้วิญญาณรุ่นหลังได้พัฒนาต่อไป

ในเวลานี้ เจตจำนงแห่งวิถีสวรรค์เริ่มสร้างกลุ่มเมฆฝนดำทะมึนอันน่าสะพรึงกลัว ที่รวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของไป๋ชิวหราน เปล่งประกายสำแดงพลังอำนาจแห่งท้องฟ้า ทำให้ดวงวิญญาณในยมโลกทั้งหลายต่างหวาดกลัว

เสียงฟ้าร้องรวมถึงอสนีบาตอันทรงพลังฟาดผ่าลงมาบนศีรษะของไป๋ชิวหราน ทว่าเขาไม่ตอบสนองแต่อย่างใด ยังคงยืนตรงจุดเดิมเพื่อร่ายเวทคาถา แล้วปล่อยให้อสนีบาตแห่งทัณฑ์สวรรค์กระทบหน้าผากตนเองต่อไปเช่นนั้น

ในความว่างเปล่า ระบบใหม่เอี่ยมค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้น กลายเป็นเส้นใยสีทองอร่ามจากการร่ายเวทคาถาลึกลับขึ้นกลางอากาศ ทำให้เจียงหลาน ไป๋ลี่ และเจ้าลิงหลงใหลไปกับสิ่งนั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง บางทีอาจเป็นเพราะมันเห็นรูปลักษณ์ที่ไม่เคลื่อนไหวตอบสนองใด ๆ ของไป๋ชิวหราน วิถีสวรรค์จึงถอนการใช้สายฟ้าจู่โจมเขาด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย ก่อนที่พายุฝนฟ้าคะนองจะสลายไป ชายหนุ่มสางผมตนเองก่อนจะเอื้อมมือออกไปและคว้าเอาอสนีบาตสองสามสายมาจากท้องฟ้า ก่อนปิดผนึกพวกมันเข้าไปยังพื้นที่ขนาดเล็กที่สร้างขึ้นกับมือ

จากนั้นเขาจัดการสร้างระบบกลไกต่อไป ท้องฟ้าพลันปรากฏเกลียวเส้นใยสีทองเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นตาข่าย ซึ่งปลายด้านหนึ่งจมอยู่ในความว่างเปล่า ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับหลุมลึกขนาดใหญ่ทั้งหกบนพื้นดิน

หลังจากที่แสงสีทองสาดส่องลงมา ลักษณะของหลุมลึกขนาดใหญ่เหล่านี้จึงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป จากภูมิทัศน์ของธรรมชาติอันเรียบง่าย สู่ ‘ทางผ่าน’ ที่นำไปสู่สถานที่อีกแห่งหนึ่ง

แสงสีทองเริ่มจมหายลงไปในความว่างเปล่า การควบคุมของไป๋ชิวหรานใกล้สิ้นสุดลงเต็มที ในเวลานี้ ตามผลลัพธ์ที่เจรจาไว้ก่อนหน้า วิถีสวรรค์ยังนำขีดจำกัดของอายุขัยและความตายของทุกสรรพสิ่งในโลกมาสู่โลกแห่งนี้ด้วย

เจตจำนงของมันเชื่อมโยงกัน ประหนึ่งจะบอกกล่าวให้ชายหนุ่มน้อมรับกฎเกณฑ์ของมันเสีย

ไป๋ชิวหรานเตรียมพร้อมแล้ว เขาหยิบสมุดเล่มใหญ่ที่มีหน้าปกสีน้ำเงินออกมาจากถุงเก็บสมบัติของตนทันที

วิถีสวรรค์ทำการรวบรวมกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไว้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในไม่ช้าอายุขัยและความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด รวมไปถึงวิธีการตายของพวกเขาจะถูกแสดงไว้ในสมุดเล่มหนาเล่มนี้

ไป๋ชิวหรานพลิกเปิดสมุดไปมา และพบว่าหน้าแรกที่อยู่ถัดจากหมวดหมู่เผ่ามนุษย์เป็นชื่อของเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอายุขัยของตนควรอยู่ที่สองพันเก้าร้อยปี… นั่นเป็นช่วงอายุที่มีชีวิตอยู่ก่อนที่จะสิ้นอายุขัย

ไม่น่าแปลกใจนักที่วิถีสวรรค์จะล่วงรู้อายุขัยปัจจุบันของเขา สำหรับเจตจำนงแห่งวิถีสวรรค์แล้ว กระแสห้วงเวลาอันยาวนานทั้งหมดอาจเปรียบเสมือนการย้อนเวลา ไป๋ชิวหรานจึงไม่นึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายมองเห็นแม้กระทั่งช่วงเวลาที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นในอนาคต

เพียงแต่สถานที่ที่ไป๋ชิวหรานปรากฏตัว วิถีสวรรค์ยังไม่สามารถสังเกตเห็น แต่อย่างน้อยคงจะคำนวณอายุขัยของเขาตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้น แล้วคำนวณอายุขัยหลังจากนั้นจากระดับขั้นทั้งหมดที่พยายามฝึกตนในขั้นกลั่นลมปราณ สิ่งเหล่านี้ไม่นับว่าเกินความสามารถของวิถีสวรรค์ ทว่าวิธีการตายของชายหนุ่ม… มันกลับเว้นว่างไว้เสียอย่างนั้น

ดูเหมือนว่าวิถีสวรรค์ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะตายอย่างไร

“คงเคืองแค้นข้าน่าดูสินะ”

ไป๋ชิวหรานโคลงศีรษะ พลิกเปิดหน้ากระดาษถัดไปโดยไม่ลังเล และตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วปิดสมุดลง

ชายหนุ่มเขียนอักขระสามตัวลงบนปกสมุดแห่งชีวิตกับความตาย แล้วพาทุกคนย้อนกลับไปหาเหล่าดวงวิญญาณ และเรียกวิญญาณทั้งหมดให้มารวมตัว

“สหายร่วมเผ่าพันธุ์ของข้า”

เขาประกาศก้องให้เหล่าวิญญาณได้ยินทั่วกัน

“พวกเจ้าสามารถเลือกไปเกิดใหม่หรือเกิดเป็นมนุษย์ได้ในสังสารวัฏหกวิถี ทว่าต้องแลกเปลี่ยนกับการที่ต้องสูญเสียความทรงจำในช่วงชีวิตที่ผ่านมาไป มีผู้ใดต้องการไปเกิดใหม่หรือไม่?”

เหล่าวิญญาณได้ยินกันทั่วแล้ว ในเวลานั้นเองวิญญาณจำนวนนับสิบล่องลอยออกมาตรงหน้า แม้ว่าจะกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว แต่ความอิสระที่ได้รับทำให้รู้สึกดียิ่งนัก ทว่าสุดท้ายต้องสูญเสียร่างกายที่มีเลือดเนื้อไป ไม่สามารถเพลิดเพลินกับหลายสิ่งที่เคยกระทำ เช่นการกินดื่ม หรือการใช้ชีวิต

ไป๋ชิวหรานรอคอยให้วิญญาณหลายสิบตนที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปเกิดใหม่รวมตัวกัน ก่อนจะหันไปกำชับกับดวงวิญญาณที่เหลือ

“ในเมื่อตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ ในอนาคตโลกนี้คงต้องให้พวกเจ้าคอยจัดการดูแล”

ไป๋ชิวหรานกล่าวกับพวกเขา

“ยมโลกแห่งนี้ที่เห็น คือโลกที่เป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณของคนตายทั้งหมดในโลกก่อนหน้าที่เคยมีชีวิตอยู่ หากอยากอยู่ที่นี่… เช่นนั้นจะต้องรับผิดชอบในการจัดการกงล้อสังสารวัฏหกวิถีให้มีแบบแผน ดังนั้นเวลานี้ข้าจะชี้แนะให้ทราบถึงสิ่งอันเป็นพื้นฐานบางประการ”

เขาอธิบายโดยคร่าวเกี่ยวกับการจัดการกงล้อสังสารวัฏหกวิถี และในดินแดนยมโลกอันพึงกระทำ จากนั้นมอบคู่มือที่ตระเตรียมไว้แต่แรกให้กับเหล่าวิญญาณ… ซึ่งในส่วนนี้ภรรยาของไป๋ลี่อาสาเป็นผู้รับผิดชอบ

จากนั้นเขาได้ขัดเกลาชุดยุทธ์ภัณฑ์เวทพื้นฐานสำหรับวิญญาณเหล่านี้ ตามหลักมาตรฐานที่กำหนดไว้สำหรับวิญญาณ ซึ่งเชวียหลิงเคยใช้มันให้เห็นอยู่บ่อยครั้งจนเกิดความประทับใจ

ไม่ว่าจะเป็นบังจื่อ*[1] โคมไฟกระดาษ ตะขอวิญญาณ รวมถึงโซ่วิญญาณ เนื่องจากความสัมพันธ์ระยะยาวอันแน่นแฟ้นระหว่างเขากับยมโลก ชายหนุ่มจึงเข้าใจลักษณะยุทธภัณฑ์เวทของพวกเขาดีกว่าวิญญาณหลายตนในที่นี้

ท้ายที่สุด ไป๋ชิวหรานยังเป็นคนที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ร่างกายและจิตวิญญาณของตนเองเพื่อต้านทานการโจมตีด้วยยุทธภัณฑ์เวทเหล่านี้

หลังจากสร้างเครื่องมือเหล่านี้เสร็จสรรพแล้ว ไป๋ชิวหรานได้มอบยุทธภัณฑ์เวทเหล่านี้ รวมทั้งสมุดแห่งชีวิตกับความตายให้กับวิญญาณในยุคบุกเบิก ทั้งยังขอให้พวกเขาจัดการและปกป้องกงล้อสังสารวัฏหกวิถีแห่งนี้ให้ดี

[1] บังจื่อ คือ เครื่องกำเนิดเสียงอย่างหนึ่ง เป็นบล็อกไม้ขนาดเล็ก ให้เสียงสูง