ตอนที่ 185 เช่นนั้นก็รออย่างใจเย็น
“คุณหนูยังจะยิ้มอีกนะเจ้าคะ ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ข้าเป็นห่วงมากเพียงใด เมื่อคืนก็นอนไม่หลับทั้งคืนเลย มัวแต่คิดว่าหากถึงเวลานั้นคุณหนูพ่ายแพ้ขึ้นมา ท่านอ๋องจะไล่พวกเราทั้งคู่ออกไปหรือไม่” เยว่ซินรู้สึกโกรธเคือง ทำท่าทางกระทืบเท้าตึงตังด้วยความหงุดหงิด
นางไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ท่านอ๋องอยากให้คุณหนูอยู่ในตำหนักอ๋อง แต่ก็ไม่ยอมมอบสถานะให้คุณหนู และไม่ได้อธิบายให้โลกภายนอกรู้ด้วย เช่นนี้ชื่อเสียงของคุณหนูย่อมเสื่อมเสีย สิ่งนี้ทำให้นางไม่เข้าใจ เป็นเช่นนี้แล้วพวกนางทั้งสองก็มิอาจยืนอยู่ภายในตำหนักอ๋องแห่งนี้ได้
เฮ้อ ทำให้นางต้องมีชีวิตเศร้าโศกเอาแต่นั่งคิดทุกวันว่าคุณหนูจะถูกท่านอ๋องไล่ออกจากตำหนักหลังจากนี้
อวี้ชิงลั่วจิบน้ำชาหนึ่งคำ ตอบกลับอย่างเกียจคร้าน “ไล่ออกไปก็ดีเหมือนกัน ไล่ออกไปแล้ว พวกเราก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นอิสระ”
“คุณหนู เหตุใดคุณหนูถึงไม่สนใจสักนิดเลยล่ะเจ้าคะ หากถูกทางตำหนักอ๋องไล่ตะเพิดออกไป หลังจากนี้คงต้องโดน…เอ๋ ไม่ถูกสิ หากถูกไล่ออกไป พวกเรายังไปที่จวนของเสนาบดีฝั่งขวาได้ คุณชายหลีไม่เพิกเฉยคุณหนูอย่างแน่นอน” จู่ ๆ เยว่ซินก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาจึงเป็นประกายแวววาวขึ้นมา นางรู้สึกได้ว่าเรื่องที่นางเป็นกังวลหลายวันมานี้ดูเหมือนจะเจอแหล่งที่มา แค่นี้ก็ราบรื่นแล้ว
“แค่ก…” อวี้ชิงลั่วเกือบพ่นน้ำลงบนโต๊ะ ช่างเถอะ ให้นาง…อยู่ในตำหนักอ๋องอย่างปลอดภัยต่อไปเถอะ
ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจแต่ขันทีร้อนใจจริง ๆ แม่สาวคนนี้คิดการณ์ไกลเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?
เยว่ซินครุ่นคิดอย่างมีความสุข ตอนนี้นางรู้สึกผ่อนคลายลงแล้ว จึงเดินมาช่วยทุบบ่าให้อวี้ชิงลั่วจากทางด้านหลัง “คุณหนู หากอ้างตามที่ข้าพูดไว้ คุณชายหลีดูค่อนข้างน่าเชื่อถือนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรพวกท่านก็รู้จักมาค่อนข้างนานแล้ว อีกทั้งคุณชายหลียังเป็นบุรุษที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกด้วย”
“เยว่ซิน ในห้องนี้มีหูมีตาของท่านอ๋องอยู่นะ” อวี้ชิงลั่วพูดแทรกนางด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงพูดข่มขู่ไปอีกหนึ่งประโยค “หากเจ้ายังพูดว่าท่านอ๋องสู้เสนาบดีฝั่งขวาไม่ได้ ท่านอ๋องคงได้รู้เรื่องนี้แน่”
“…” เยว่ซิถึงกับร่างแข็งทื่อ กวาดตามองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง ในที่สุดจึงยอมปิดปากอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้แม้แต่คำเดียว ทว่าบนใบหน้ากลับยังแสดงท่าทางน่าสงสาร “คุณ…คุณหนู เช่น…เช่นนั้นจะทำอย่างไรเจ้าคะ? คำพูดเหล่านั้นที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ ท่านอ๋องก็คงรู้หมดแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
อวี้ชิงลั่วก็แค่ไม่อยากให้นางพูดถึงเรื่องหลีจื่อฟานก็เท่านั้น ในห้องนี้มีคนแอบจับตามองพวกนางที่ไหนกัน แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะส่งคนมาติดตามอยู่ข้างกายนาง แต่เขาก็รู้จักความพอดี ไม่ถึงขั้นได้ยินหรือเห็นทุกอย่างที่นางทำอยู่ในห้องจริง ๆ
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางระมัดระวังของเยว่ซิน นางกลับรู้สึกว่าการได้แกล้งสาวน้อยคนนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน ช่วยไม่ได้ หนานหนานไม่ได้อยู่ข้าง ๆ นาง อุปนิสัยแย่ ๆ ของนางจึงกลับมาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างไรเมื่อครู่เจ้าก็ไม่ได้พูดจาให้ร้ายท่านอ๋องจริง ๆ สักหน่อย ไม่เป็นไร อย่าได้กังวลใจ” อวี้ชิงลั่วยิ้มตาหยีขณะปลอบใจอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่ไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่น้อย เยว่ซินได้ยินก็ถึงกับหัวใจบีบรัดยิ่งขึ้น
ในเวลานี้ จู่ ๆ ประตูห้องก็มีเสียงเคาะประตู ‘ก๊อก ๆๆ’ ดังขึ้น เยว่ซินตกใจจนสะดุ้งโหยง ขาทั้งสองข้างอ่อนปวกเปียกในทันที
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก ยื่นมือออกไปดึงร่างของเยว่ซินที่กำลังไหลลงพื้น “ดูทำตัวเข้าสิ พ่อบ้านมาแล้ว เจ้าไปเปิดประตูเถอะ เขาคงมีเรื่องอยากคุยกับข้า”
เยว่ซินยกมือปาดเหงื่อ ขานตอบด้วยท่าทางเหม่อลอยก่อนจะเดินไปเปิดประตูด้วยขาที่กำลังสั่นพั่บ ๆ
ครั้นประตูถูกเปิดออกก็พบพ่อบ้านหยางที่ไม่ว่าจะเมื่อใดหรือสถานที่ใดก็มีใบหน้ายิ้มแย้มราวกับใบหน้าของพระสังกัจจายน์ ตอนที่เห็นสีหน้าขาวซีดของเยว่ซิน พ่อบ้านหยางก็อดตกใจไม่ได้ เอ่ยถามนางว่า “เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นรึ?”
เยว่ซินส่ายหน้า รีบเบี่ยงตัวไปข้าง ๆ เชิญให้เขาเข้าไปด้านใน
อวี้ชิงลั่ววางแก้วในมือ หัวเราะพรืดหนึ่งเสียง “ไม่ต้องสนใจนางหรอก สาวน้อยคนนี้คิดมากจนทำให้ตนเองหวาดกลัวไปเอง พ่อบ้านหยาง เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”
“อ๋อ แม่นางอวี้” พ่อบ้านหยางรีบดึงสายตากลับมา ก่อนจะกลับแย้มยิ้มเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง เขาเดินผ่านเยว่ซินพร้อมกับยื่นจดหมายลงบนมือของนาง “แม่นางอวี้ รัชทายาทและไท่จื่อเฟยมาแล้วขอรับ”
รัชทายาท…ไท่จื่อเฟย?
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าท่านอ๋องไม่อยู่?” ช่วงนี้เย่ซิวตู๋ยุ่งมาก ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรกันแน่ วัน ๆ จึงไม่ได้อยู่ในจวน ทว่าเมื่อคืนก็กลับมาได้ทันเวลาพอดี ไม่เพียงแค่นี้ นางเองก็ยังต้องรีบทำเวลากลับมาเพื่อร่วมรับประทานอาหารค่ำกับเขาด้วย
“เรื่องนี้…” พ่อบ้านยิ้มด้วยท่าทางลำบากใจ “ข้าน้อยบอกไปแล้วขอรับ แต่รัชทายาทมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ยืนกรานว่าจะเข้ามาให้ได้ บอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ เช่นนั้นเขาก็จะรออยู่ในตำหนัก ข้าน้อยเองก็ห้ามไม่ได้”
โอ้โห รัชทายาทมีความกล้าหาญขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ได้ยินมาว่าเป็นคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไรมิใช่หรือ? ตอนนี้กลับกล้าบุกมาถึงตำหนักอ๋องซิวเลยหรือ? แม้แต่ท่านอ๋องเป่าและคนอื่น ๆ ก็ยังไม่มีใครกล้าหาญถึงขั้นฝ่าผู้คุ้มกันตำหนักอ๋องโดยไม่สนใจอะไรเช่นนี้ เพียงพวกเขาเหล่านั้นได้ยินว่าท่านอ๋องไม่ต้อนรับแขก มากสุดก็แค่ทิ้งจดหมายไว้และยอมกลับไป
หรือคนโง่เขลาย่อมไม่มีความหวาดหวั่นจะเป็นเรื่องจริง?
อวี้ชิงลั่ววางจดหมายฉบับนั้นไว้บนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม เหลือบมองพ่อบ้านพลางกล่าวว่า “ในเมื่อรัชทายาทเข้ามาแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะมาหาข้าทำไม? ในจวนก็ยังมีเผิงอิงและเหวินเทียนอยู่มิใช่หรือ?”
พ่อบ้านหยางยิ้มตาหยีจนดวงตาเป็นเส้นตรง “ท่านอ๋องบอกไว้ว่าแม่นางอวี้คือนายหญิงในตำหนักแห่งนี้ ในตำหนักมีเรื่องอะไรให้มารายงานกับแม่นางอวี้ เพื่อให้แม่นางอวี้ตัดสินใจขอรับ”
“…” อวี้ชิงลั่วขบฟันแน่น นี่มันอะไรกัน? เย่ซิวตู๋คิดจะยืนยันสถานะของนางจริง ๆ หลังจากนี้ก็หนีไปจากที่นี่ไม่ได้แล้วงั้นสิ?
นางแค่นเสียงเบา ๆ ก่อนจะนำจดหมายขึ้นมาตบลงบนอกของพ่อบ้านหยาง “ในเมื่อองค์รัชทายาทคิดจะรอท่านอ๋องอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขารอ ยกน้ำชาธรรมดาไปให้พวกเขาค่อยๆ จิบรอเวลาก็สิ้นเรื่องแล้ว”
พ่อบ้านหยางรีบตอบ “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ครั้นกล่าวจบก็ถอยออกไป
ใครจะไปคิด จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็ขมวดคิ้วและรั้งเขาไว้อีกครั้ง “ช้าก่อน”
“แม่นางอวี้มีอะไรให้รับใช้ขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด จู่ ๆ ก็ถามไปว่า “เย่หลานเฉิงคือบุตรชายของรัชทายาทใช่หรือไม่?”
“ขอรับ เฉิงซื่อจื่อคือทายาทสายตรงของรัชทายาท”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เริ่มเกิดแผนการขึ้นภายในใจ นางรู้สึกชอบเด็กเย่หลานเฉิงคนนั้นมาก ตั้งแต่ปรี่ตัวออกมาปกป้องหนานหนานในตอนนั้น นางก็รู้สึกได้ว่าเด็กคนนั้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างดี
นางยื่นมือยกกระโปรง ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ไปเถอะ ข้าจะไปพบรัชทายาทที่ห้องโถงด้านหน้า”
พ่อบ้านหยางชะงัก แม่นางอวี้จะไปเข้าพบรัชทายาท? แม้ว่าเขาจะมารายงานเรื่องที่รัชทายาทมาถึงที่นี่ให้แม่นางอวี้ทราบ แต่เขาก็คิดว่าแม่นางอวี้คงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ใครจะไปคิดว่าแม่นางจะไปพบรัชทายาท
พ่อบ้านหยางเกิดความร้อนใจอยู่ภายในใจ เกรงว่าแม่นางอวี้อาจเสียเปรียบเมื่ออยู่ต่อหน้ารัชทายาท ถึงอย่างไรแม่นางอวี้ก็ยังไม่มีสถานะภายในตำหนักอ๋องแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้หลังจากออกจากห้อง เขาจึงสั่งให้คนไปเรียกท่านเผิงและท่านเหวิน ส่วนตนเองรีบเดินตามหลังอวี้ชิงลั่ว ทว่ายังไม่ทันไปถึงห้องโถงด้านหน้า ก็ได้ยินเสียงตวาดด้วยความโกรธเคืองดังออกมาจากด้านใน “นี่มันน้ำชาอะไรกัน ยกมาให้รัชทายาทอย่างเราดื่มงั้นรึ?”
เท้าของอวี้ชิงลั่วชะงักไปเล็กน้อย พ่อบ้านหยางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เยว่ซินอย่าเพิ่งห่วงคุณหนูเลย ห่วงตัวเองก่อน
เอาแล้ว ชิงลั่วจะไฝว้กับรัชทายาทกลางตำหนักอ๋องซิวหรือเปล่าเนี่ย
ไหหม่า(海馬)