บทที่ 237 เรื่องราวเป็นมายังไง
บทที่ 237 เรื่องราวเป็นมายังไง
ซูโย่วอี๋ยังคงต้องการที่จะโต้เถียงด้วยเหตุผล แต่ลู่เฉินก็ครอบครองริมฝีปากของเธออย่างเร่าร้อนและรุนแรง เขาก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกจากร่างกายจนหมดโดยไม่ทันได้รู้ตัว
จากนั้นก็กดเธอลงบนโซฟา
มือของซูโย่วอี๋โอบรอบคอของเขาไว้และส่งเสียงหอบกระเส่าใกล้ใบหูของเขาเป็นระยะ
เสียงทุ้มต่ำของลู่เฉินดูติดขัดและเร้าอารมณ์
มันน่าฟังสำหรับซูโย่วอี๋มาก
วันต่อมา ลู่เฉินตื่นแต่เช้าลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นโน้มตัวไปขโมยจูบซูโย่วอี๋ที่เพิ่งตื่น “เจ้าแมวน้อยจอมขี้เกียจ ผมไปทำงานก่อนนะ”
ซูโย่วอี๋พยายามลืมตาขึ้นและมองไปที่เขา “อื้ม”
เธอยังรู้สึกอ่อนเพลีย
ลู่เฉินลูบผมของเธออย่างรักใคร่ก่อนจะออกไป
ซูโย่วอี๋เพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำละคร ช่วงนี้สุ่ยเวยเลยยังไม่ได้รับงานใหม่ให้เธอ เธอจึงมีความสุขที่ได้พักผ่อนเป็นเวลาสองวัน
ซูหยินกลับมาในตอนบ่าย เมื่อเธอเปิดประตูก็พบว่าซูโย่วอี๋อยู่ที่นี่ เลยรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ “ที่รัก ฉันคิดว่าเธออยู่ชั้นล่างซะอีก”
ซูโย่วอี๋ยกยิ้ม
เพราะเมื่อคืนบรรยากาศพาไปจนไม่มีเวลาจัดการสนามรบ โชคดีที่เธอถอดผ้าคลุมโซฟาออกไปซักหมดแล้วหลังตื่นนอน
ซูหยินเลิกคิ้ว “เมื่อคืนเธอคงมีความสุขสินะ”
ห้องนั่งเล่น
ซูโย่วอี๋ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกอายจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เธอจะทำยังไงกับเรื่องของเธอกับรองประธานกู่”
“ยังไงน่ะเหรอ อืม ฉันคิดว่าความรักของศิลปินจะส่งผลกระทบต่ออาชีพการงาน ฉันต้องการให้บริษัทออกแถลงการณ์ ไม่สำคัญว่าแฟน ๆ จะเชื่อหรือไม่ ขอแค่แก้สถานการณ์เบื้องต้นไปก่อน”
ถ้าไม่ยอมรับซะอย่างก็คงไม่มีใครเอามีดมาจี้คอเพื่อบังคับให้พูด
“หรือไม่ก็แค่สู้รบกับพวกนักข่าวนิดหน่อย สบายอยู่แล้ว”
ซูโย่วอี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “รองประธานกู่ว่ายังไงบ้าง”
ซูหยินผายมืออย่างช่วยไม่ได้ “เขาเป็นคนโง่ เขาบอกว่าต้องให้เกียรติฉัน เพราะเวลาพวกเราอยู่ด้วยกัน ถ้าถูกนักข่าวจับภาพได้ก็ปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว สู้เปิดเผยไปเลยดีกว่าว่าพวกเรากำลังคบกัน”
“เขาจะจัดงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ และบอกพวกนักข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา”
ซูหยินบอกว่าตัวเองต้องการปกปิดเรื่องความรักของทั้งสอง แต่พอเธอพูดถึงกู่อวี๋เฉิงที่ไม่คิดอย่างนั้น ดวงตาของเธอกลับเป็นประกายและยิ้มไม่หุบ
อาจเป็นไปได้ว่าตอนที่เธออยู่กับฮัวจิง เธอไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีเลย เขากลัวสายตาคนภายนอกและไม่เคยให้เกียรติเธอ ไม่เคยให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยกับเธอ
ความกังวลสุดท้ายของซูโย่วอี๋หายไป เธอยกนิ้วให้ “รองประธานกู่นี่แมนจริง ๆ”
ซูหยินเอนตัวไป “แล้วประธานลู่ไม่แมนเหรอ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
ซูโย่วอี๋เมินใส่เธอ “เราเปิดอกคุยกันหน่อยดีกว่า”
เรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง
“ก่อนหน้านี้เธอบอกว่ากังวลมากไม่ใช่เหรอ?”
ซูหยินดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “ไม่รู้สิ จู่ ๆ ฉันก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย”
“ฤดูใบไม้ร่วงในปักกิ่งมักจะมีฝนตกบ่อย ๆ ฉันเกลียดถนนเปียกมากที่สุด และฉันรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเมื่อมองดูมัน”
“วันนั้นฉันเลิกงานดึกมาก มีฝนตกหนัก แต่ฉันก็เห็นกู่อวี๋เฉิงเดินมาพร้อมกับร่มสีดำคันใหญ่ ถึงเห็นเขาไม่ชัด แต่ฉันก็จำได้ทันทีว่าเป็นเขา”
“พวกผู้หญิงที่หลบฝนต่างสงสัยว่าผู้ชายคนนี้คือใคร ส่วนฉันก็มองเขาอยู่อย่างนั้นและคิดว่ามันคงจะดีถ้ามีแฟนแบบนี้”
อย่างน้อยก็ทำให้คนอิจฉา
ซูหยินรีบวิ่งไปใต้ร่มของกู่อวี๋เฉิง และทั้งสองก็เดินไปที่รถโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับเขาว่า ‘พวกเราคบกันเถอะ’
กู่อวี๋เฉิงตะลึงไป 2 วินาที ในดวงตาฉายแววสับสน จากนั้นเขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ตกลง’
ซูหยินหัวเราะออกมา
เรื่องที่ควรพูดก็ไม่พูด บางครั้งกู่อวี๋เฉิงก็เป็นคนไม่กล้าแสดงออก
ซูโย่วอี๋รู้สึกขบขัน “รองประธานกู่เป็นคนซื่อ ๆ เธออย่ารังแกเขาล่ะ”
ดวงตาคู่สวยของซูหยินสั่นไหว เขาซื่อเกินไป
หลังจากออกเดตมาหลายวัน เขาก็สุภาพกับเธอมาก ไม่จูบ ไม่สัมผัส หรือแม้กระทั่งจับมือ ซูหยินต้องเป็นคนเริ่มตลอด
และทุกครั้งที่เธอทำอย่างนั้น อีกฝ่ายก็อายจนหูแดง
ซูโย่วอี๋คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่ติดธุระอะไร เธอจะไปงานแถลงข่าวด้วย
เพื่อไปชมช่วงเวลาแห่งความสุขของซูหยินด้วยตาตัวเอง
“งานแถลงข่าวจัดที่ไหน”
“โรงแรมลี่เซิง ตอนสิบโมง”
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว ซูโย่วอี๋ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นและกลับไปที่ชั้นที่ 16
บรรยากาศการแถลงข่าวเป็นไปอย่างคึกคัก
เหมยเหมยกับซูโย่วอี๋นั่งแถวหลัง พวกเธอคิดว่าคนรอบ ๆ คงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร เธอสวมทั้งหมวก แว่นกันแดด และหน้ากาก แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายอยู่ดี
นักข่าวบันเทิงบางคนเริ่มคาดเดาว่าซูโย่วอี๋สนิทกับกู่อวี๋เฉิงหรือเปล่า เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังจะประกาศต่อสาธารณชนเรื่องแฟนสาว ก็เลยจะมาก่อความวุ่นวาย
ไม่งั้นจะพรางตัวเต็มยศทำไม
เหมยเหมยกระอักกระอ่วนเมื่อได้ยินเรื่องซุบซิบเหล่านี้ตอนที่เธอกำลังซื้อน้ำ
ผู้คนสามารถจินตนาการไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?
โชคดีที่งานแถลงข่าวเริ่มเร็ว ผู้คนเลยหันไปสนใจพระเอกและนางเอกของงานวันนี้มากกว่า ไม่มีเวลาสนใจซูโย่วอี๋ที่นั่งอยู่ในมุมอับสายตา
กู่อวี๋เฉิงสวมเสื้อเชิ้ตลายทางกับกางเกงขายาวสีดำดูไม่เป็นทางการมาก ใบหน้าของเขาเรียบเฉยตามปกติแต่ดูอ่อนโยน ดวงตาที่เขาหันไปมองซูหยินเป็นครั้งคราวเต็มไปด้วยความรักโดยไม่คิดปิดบัง
เขาไม่ได้พูดอะไรยืดเยื้อไร้สาระและประกาศโดยตรงว่าทั้งสองกำลังคบกันอย่างเป็นทางการ
“ซูหยินและผมเป็นแค่คนธรรมดาที่มีความรัก ผมหวังว่าทุกคนจะไม่ให้ความสนใจมากเกินไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยื่นมือออกไปจับมือซูหยินและประสานนิ้วของเขาเข้ากับเธอ
สื่อมวลชนต่างพากันเก็บภาพอย่างบ้าคลั่ง ซูโย่วอี๋นั่งลงและรู้สึกเจ็บตาจากแสงแฟลช ในขณะนี้กู่อวี๋เฉิงและซูหยินไม่แม้แต่จะกระพริบตา
พวกเขายืนข้างกันอย่างหนักแน่น
นักข่าวหญิงคนหนึ่งยืนขึ้น “รองประธานกู่คะ ขอถามหน่อยค่ะ คุณชอบคุณซูตรงไหนเหรอคะ? หรือไม่ก็คุณใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกคนรัก”
“เกณฑ์ในการเลือกคนรักเหรอครับ?” กู่อวี๋เฉิงดูเหมือนจะคิดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจ แต่น่าจะเป็นคนประเภทที่มีการศึกษา มีเหตุผล ผมดำยาว มีตาโต”
“แล้วคุณซูเป็นประเภทที่คุณตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบหรือเปล่าคะ?”
ซูหยินปัดผมของเธอและขยิบตาให้กู่อวี๋เฉิง
“คุณสมบัติไม่สำคัญ คุณจะรู้เองเมื่อเจอคนที่ใช่”
นักข่าวหญิงหลายคนที่ได้ยินอย่างนี้ต่างก็พากันประหลาดใจ
ช่างเป็นความรักที่หอมหวานเสียจริง
ผู้บริหารของเทียนฉีต่างก็มีความรัก?
ทั้งประธานลู่ รวมไปถึงรองประธานกู่
นักข่าวก็ตั้งหน้าตั้งตาถามไปเรื่อย
“ถ้าจำไม่ผิด คุณซูเป็นศิลปินของเทียนฉีมาหลายปีแล้ว ทำไมคุณทั้งสองคนเพิ่งมาคบหากันตอนนี้ล่ะคะ”
คำถามนี้ดูจะลึกไปหน่อย เพราะทุกคนในวงการรู้ดีว่าซูหยินคบกับฮัวจิงมา 2-3 ปี เหมือนกับว่าพวกเขากำลังถามเกี่ยวกับเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันช้าไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้วพวกเขากำลังถามความคิดเห็นของกู่อวี๋เฉิงเกี่ยวกับอดีตของซูหยิน
แม้ว่าซูหยินจะยังคงยิ้มอย่างสดใส แต่ดวงตาของเธอก็ไม่มีประกายความสุข
ซึ่งซูโย่วอี๋สังเกตเห็นในทันที เธอหันศีรษะไปมองนักข่าวที่ถามคำถาม แต่จากหางตาของเธอ เธอเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงช่องว่างของประตูด้านข้าง
เพราะประตูปิดไม่แน่น ทำให้มีช่องว่างประมาณฝ่ามือ แต่มันก็เพียงพอที่ซูโย่วอี๋จะมองเห็นชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน
ฮัวจิง!
ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?
เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ?
ฮัวจิงจ้องตรงไปที่เวทีแถลงข่าว โดยที่เขาไม่ได้สังเกตว่าซูโย่วอี๋เห็นเขาแล้ว
ถ้าแค่ผ่านมาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตั้งใจ…
ที่นี่มีนักข่าวมากมาย ถ้าพวกเขาจับภาพได้ ไม่ว่าหนึ่งหรือสองรูป มันก็เพียงพอแล้วสำหรับนักข่าวบันเทิงเหล่านี้ที่จะเขียนข่าวอะไรลงไป