สวีอีเห็นเขามุ่งหน้าไปทางที่ทำการปกครอง จึงไล่ตามไปถามขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ยังไม่กลับจวนหรือ?”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “กลับจวนไปทำอะไร? ไปรอดูสิงโตคำรามหรือ? ไม่ ข้าขอเห็นภาพที่นางงดงามเพียงอย่างเดียวก็พอ”

ผู้หญิงเวลาดุขึ้นมา น่ากลัวมาก

สวีอีถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “พระชายาจะกล้าตีอ๋องฉีจริงๆหรือ?”

อ๋องฉีเป็นถึงโอรสของฮองเฮานะ พระชายาไม่กล้าแม้แต่จะล่วงเกินเสียนเฟยเหนียงเหนียง แล้วจะกล้าล่วงเกินฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือ?

หยู่เหวินเห้าเชื่อว่าไม่แน่นอน

ความรู้สึกที่หยวนชิงหลิงมีต่อเจ้าเจ็ดนั้นเป็นความโกรธความโมโห ซึ่งเก็บกดไว้อยู่ในใจนานมากแล้ว นางไม่เคยได้ระบายออกมา

วันนี้ตอนที่อยู่ในที่เกิดเหตุนอกเมือง เขาได้ยินหยวนชิงหลิงก่นด่าเจ้าเจ็ด หากไม่ใช่เพราะคนเยอะกับรีบจัดการบาดแผลให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ หยวนชิงหลิงก็คงลงมือแล้ว

หากคืนนี้เจ้าเจ็ดไปหานางเพื่อคุยเรื่องตกน้ำ เจ้าเพื่อนยาก นั่นก็จะกลายเป็นแค้นเก่าแค้นใหม่รวมกันแล้ว

หากหยวนชิงหลิงสามารถอดทนอดกลั้นไว้ได้ ถือว่าเขาแพ้

หยวนชิงหลิงไม่ใช่คนขี้โมโห แต่เป็นคนที่มีเหตุผลมาก หากนางเป็นคนผิด นางจะขอโทษ และจะขอโทษจากใจจริง

แต่หากนางไม่ผิด อีกฝ่ายบีบบังคับ นางก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้

คิดถึงตอนนั้น ไม่ว่ายังไงนางก็จะกัดให้ได้หนึ่งที กัดจนมือของเขามีเลือดไหลเลยทีเดียว

วันนี้อารมณ์ของนางหงุดหงิดอย่างมาก เพราะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเยอะ และที่จริงเรื่องนี้สามารถหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ได้

บีบบังคับให้นางกลับไปพักผ่อน ก็เป็นการทำให้นางไม่พอใจแล้ว ครั้งเจ้าเจ็ดยังจะไปซ้ำเติมอีก ไม่ได้รับผลที่ดีแน่

หยู่เหวินเห้าคิดถึงเช่นนี้ แล้วก็ควบม้าวิ่งมุ่งหน้าไปยังที่ทำการปกครอง เพื่อไปทำงานต่อ

วันนี้หยวนชิงหลิงโกรธมากจริงๆ

ตอนนั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บเยอะ มัวแต่สนใจช่วยเหลือคน ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องพวกนี้

แต่หลังจากกลับมาที่จวน ก็มีแม่นมสี่กับลู่หยาเฝ้าดูให้ตนนอน นางคิดถึงเรื่องนี้ที่ฉู่หมิงชุ่ย กระทำ แล้วก็ทำให้นางโกรธโมโหอย่างมาก

ความปลอดภัยของประชาชน ไม่ใช่สิ่งที่นางจะเอามาเพื่อแสดงเล่นๆ

นางเข้าใจจุดประสงค์ที่ฉู่หมิงชุ่ยกระทำในวันนี้อย่างที่สุด

เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เพื่อให้ได้ใจคน แล้วตนเองก็จะได้มีชื่อเสียง แต่ก็กลัวว่าคนที่อยู่เหนือกว่าไม่พอใจ จึงได้เชิญพระชายาอ๋องชินลุ่ยกับเหลียงฮูหยินของจวนเซียวเหยากงมาด้วย

จึงทำให้การแจกโจ๊กต้องรอแล้วรออีก

เพื่อเป็นการปกปิด นางจึงเอาเรื่องซาลาเปามาอ้าง

ภายในเมืองหลวงมีคนขายซาลาเปาเยอะมาก ซาลาเปาแค่นั้น แค่ซื้อก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องสั่งทำ

ฉู่หมิงชุ่ยทำไปอย่างเกินเหตุจริงๆ

คิดถึงวันนี้ตอนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ อ๋องฉียังไม่หยุดที่จะพูดถึงเรื่องตกน้ำ เป็นถึงท่านอ๋องคนหนึ่ง ไม่พิการแขนขาอะไร เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นปกป้องพระชายาของตนที่ความปลอดภัย แต่ไม่ไปช่วยคนตกน้ำ เรื่องนี้ทำให้น่าโมโหยิ่งกว่าฉู่หมิงชุ่ย

อย่างน้อยฉู่หมิงชุ่ยก็มีเป้าหมาย ส่วนเขาเป็นการกระทำที่โง่เง่าอย่างแท้จริง

“พระชายา จะรอท่านอ๋องกลับมาก่อนไหม แล้วค่อยทานข้าว?”ลู่หยาเข้ามาถามขึ้น

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ไม่ต้อง เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาคงไม่กลับมาเร็วขนาดนั้น เหลือไว้ให้เขาบ้าง เราทานกันก่อน”

“เพคะ”ลู่หยาออกไปจัดการ

หยวนชิงหลิงกับหยวนชิงผิงกำลังทานข้าวเสร็จ แล้วก็พาตอเป่าเดินเล่นอยู่ในลาน

ตอเป่าหลบอยู่ในกอหญ้าเพื่อขับถ่าย หยวนชิงผิงมองดูอย่างจนใจพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เรื่องแบบนี้ให้พวกคนใช้ไปทำก็ได้ สกปรกมากเลย”

หยวนชิงหลิงนั่งลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครทำก็ต้องทำเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเสียหน่อย”

“เจ้าเป็นพระชายา”หยวนชิงผิงพูดย้ำสถานะของนางอีกครั้ง

“พระชายาไม่ต้องทานข้าว? พระชายาไม่ต้องใส่เสื้อผ้า? พระชายาไม่มีแขนขาหรือ?”นางมองเมินน้องสาวตนเอง

หยวนชิงผิงนั่งอยู่ด้านข้างนาง ไม่ถกเถียงนางกับคำถามนี้ พี่ใหญ่เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พูดไม่ชนะแน่

“พี่ใหญ่ ตกลงพี่รู้เรื่องฝีมือทางการแพทย์ได้อย่างไร?”หยวนชิงผิงเงยหน้าถามขึ้น อย่างแปลกใจ

“เรียนไง”

“เรียนกับใครหรือ?”หยวนชิงผิงไม่เคยได้ยินว่านางเรียนหมอ และยังเป็นการรักษาที่แปลกประหลาด

หยวนชิงหลิงยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไร

“มีลับลมคมใน”หยวนชิงผิงรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้ความอะไร จึงเบื่อที่จะถามแล้ว

ตอเป่าวิ่งอยู่สักพัก แล้วก็กลับมาหมอบอยู่ด้านข้างเท้าหยวนชิงหลิง พร้อมหายใจอย่างหอบเหนื่อย

หยวนชิงผิงเงียบอยู่เนิ่นนาน พร้อมพูดขึ้นว่า “วันนี้ข้าได้ยินอ๋องฉีพูดว่า ฉู่หมิงชุ่ยตั้งครรภ์แล้ว”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ท้องก็ท้องสิ”

“เจ้าไม่เป็นกังวลหรือ?”หยวนชิงผิงหันหน้าไปมองดูนาง

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ข้าจะเป็นกังวลเรื่องอะไร? ข้าไม่ใช่พ่อของเด็กเสียหน่อย”

“อ๋องฉีเป็นโอรสสายเลือดตรงของฮ่องเต้ หากฉู่หมิงชุ่ยตั้งครรภ์ งั้นอ๋องฉีก็จะต้องถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทแน่ พี่เขยดูเหมือนจะได้ความดีความชอบแล้ว น่าเสียดาย”หยวนชิงผิงพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจ

“ตอนนี้การได้เป็นองค์ชายรัชทายาทใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี จะเป็นเพียงเป้าเท่านั้น”

“ใครจะกล้าแตะต้องอ๋องฉี? เบื้องหลังอ๋องฉี มีตระกูลฉู่สนับสนุน”หยวนชิงผิงไม่เข้าใจเรื่องภายในราชสำนัก แต่ความร้ายกาจของตระกูลฉู่ นางก็พอรู้อยู่

หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ ต่อให้ยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์ แต่ก็จะมีคนอยากที่จะปีนขึ้นไปถึงที่สูงสุด”

“พี่ใหญ่ เจ้าไม่อยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาทหรือ? เป็นพระชายาองค์ชายรัชทายาท ต่อไปก็จะได้เป็นฮองเฮา” หยวนชิงผิงพูดขึ้น

ฮองเฮาหรือ แปดชั่วอายุคนของตระกูลหยวน ยังไม่กล้าที่จะมีความคิดเช่นนี้

การวางแผนให้พี่ใหญ่อภิเษกกับอ๋องฉู่ ถือเป็นการใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มีของท่านพ่อจนหมดสิ้นแล้ว

ตอนที่เพิ่งประสบความสำเร็จนั้น ท่านพ่อร้องฮัมเพลงทุกวัน ดีใจอย่างที่สุด

หากพี่ใหญ่ได้เป็นพระชายาองค์ชายรัชทายาทจริง คิดว่าท่านพ่อคงจะดีใจจนเป็นบ้า

ลู่หยารีบเดินมาพูดว่า “พระชายา อ๋องฉีมา”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างไม่เงยหน้าขึ้นว่า “เจ้าไปบอกเขา ท่านอ๋องยังไม่กลับมา ให้เขามาใหม่วันหลัง”

“อ๋องฉีบอกว่ามาหาพระชายา”ลู่หยาพูดขึ้น

หยวนชิงหลิงลูบตอเป่าครู่หนึ่ง พร้อมพูดว่า “ไปเลย”

ตอเป่าส่ายหางเดินไปแล้ว

หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืน พร้อมพูดว่า “อืม ข้ารู้แล้ว”

หยวนชิงผิงไม่สะดวกที่จะตามไปด้วย แต่ในใจก็กระสับกระส่ายไม่เป็นสุข จึงพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เจ้าอย่าล่วงเกินอ๋องฉี รับมืออย่างพอควรก็พอ อย่าหาเรื่องใส่ตัวเอง”

หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดว่า “อืม ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน”

นางพาลู่หยาไปยังลานด้านหน้า พร้อมถามว่า “รออยู่ที่ไหน?”

“ห้องโถงใหญ่”ลู่หยาพูดขึ้น

“ใต้เท้าทังอยู่ไหม?”

ลู่หยาเดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “อยู่ค่ะ ตอนนี้กำลังตอบรับอ๋องฉีอยู่ค่ะ”

หยวนชิงหลิงมาถึงห้องโถงใหญ่ เห็นอ๋องฉีกำลังพูดกับทังหยางว่า “เจ้าไปตามท่านพี่ห้ากลับมาเถอะ เผื่อเดี๋ยวเกิดเรื่องอะไรกระทบกระทั่ง ข้าจะลำบากใจ ต้องทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินได้”

ทังหยางยิ้มพูดว่า “ท่านอ๋องจะพูดเช่นนี้ไม่ได้ ยังไงพระชายาก็เป็นพี่สะใภ้ของท่าน อีกอย่างท่านอ๋องก็เป็นชายสุภาพบุรุษ จะถือสาผู้หญิงได้อย่างไร?”

“ข้าไม่ได้ถือสา ข้าแค่มาถามหาเหตุผล ทังหยางทำไมคืนนี้เจ้าพูดมากจังเลย? ใช้เจ้าไปเจ้าก็ไปสิ วันนี้ข้าไม่มีความอดทน”อ๋องฉีค่อนข้างหงุดหงิด

ทังหยางจึงต้องหันตัว กำลังจะสั่งพวกบ่าวใช้ไปตามท่านอ๋องมา กลับเห็นพระชายา ไม่รู้ว่ามายืนหน้าบึ้งเงียบๆอยู่ตรงหน้าประตูแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่

“โย้ พระชายา ท่านมาแล้วหรือ”ทังหยางรีบพูดขึ้น

“อืม ข้ามาต้อนรับอ๋องฉี ใต้เท้าทังไปทำงานของตนก่อนเถอะ” หยวนชิงหลิงก้าวเท้าเดินเข้าไป มองดูอ๋องฉี พร้อมพูดว่า “มาหาข้าดึกขนาดนี้ มีธุระอะไรหรือ?”

“มีธุระอยู่แล้ว”อ๋องฉีลุกขึ้นยืน สูงกว่าหยวนชิงหลิงไปกว่าครึ่งหัว ความสูงกว่าข่มไว้ได้อย่างสมบูรณ์