ตอนที่ 124.1 ‘พรสวรรค์ลวงหลอก’ ในการฝึกฝนของหลานหลิงเอ๋อร์ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

“เอ๋? ข้าไม่ได้พบเจ้าแค่หนึ่งคืน เสี่ยวฉางโซ่ว เหตุใดเจ้าจึงดูซีดเซียวเช่นนี้ เจ้าแอบทำอะไรชั่วร้าย และรังแกหลิงเอ๋อร์น้อยของพวกเราหรือ”

ยามอรุณรุ่ง เวลานี้ การแข่งขันภายในสำนักรอบที่สองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้าแล้ว

ขณะนี้ จิ่วจิ่วถือคทาหนามแล้วลอยกลับไป เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยของหลี่ฉางโซ่วแล้ว นางจึงตัดสินใจถามด้วย ‘ความเป็นห่วง’

“ข้าเพียงเครียดเล็กน้อยขอรับ การต่อสู้เพื่อวัฏจักรสวรรค์ใกล้จะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้แล้ว” หลี่ฉางโซ่วตอบพร้อมรอยยิ้มพลางถอนหายใจในใจ

ง่ายไปหรือไม่!! เพื่อช่วยตัวข้าเอง ท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงไปที่ศาลสวรรค์เพื่อหลีกเลี่ยงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ…เมื่อวานนี้ ข้าจึงต้องฉวยโอกาสนี้เอาไว้และใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเง็กเซียนฮ่องเต้ หลังจากนั้น ข้าก็สรุปอย่างเอาเป็นเอาตายว่าคำแนะนำที่ข้าให้ไปนั้นเป็นอันตรายต่อสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินหรือไม่ และไม่รู้ว่า เหล่าจอมปราชญ์รวมถึงปรมาจารย์ทั้งหลายของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจะไม่พอใจข้าไหม…

เพียงครึ่งชั่วยามก่อนเท่านั้น หลี่ฉางโซ่วก็โน้มน้าวตัวเองให้มั่นใจได้

ไม่ต้องกังวล มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาในภายหลัง

ซึ่งนั่นทำให้เขาดูเหนื่อยและเซื่องซึมเล็กน้อย

ในเวลานี้ บรรดาเซียนเทียนและเซียนจินของสำนักตู้เซียนล้วนไม่รู้เลยว่า ศิษย์น้อยของพวกเขาได้แอบติดต่อกับศาลสวรรค์…

หลี่ฉางโซ่ว รู้จากก้นบึ้งของหัวใจว่าตราบใดที่เขาใช้ความคิดริเริ่มในการคำนวณบางอย่าง มันจะนำไปสู่สาเหตุและผลต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลี่ฉางโซ่วรู้อยู่ในใจว่าหากเขาลงมือวางแผนบางอย่าง เขาจะสร้างกรรมทุกประเภทขึ้นมาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งจะไม่มีวันจบสิ้น เว้นเสียแต่ว่า จะมีคนคิดจัดการกับมัน…

ยกตัวอย่างเช่น ตอนจบที่มีความสุขของการที่คนผู้หนึ่งยอมรับบุตรที่เกิดจากภรรยาของเขากับชายอื่น

ตูม ตูม ตูม ตูม ทันใดนั้น เสียงระฆังดังก้องกังวานขึ้น แล้วแท่นหยกก็ลอยออกมาจากโถงใหญ่อีกครั้ง และวันนี้ก็มีแขกมาเพิ่มขึ้นอีกหลายคน

เวลานี้ หลี่ฉางโซ่วยังคงใช้เวทวายุวัจน์และรอการแข่งขันภายในสำนักครั้งใหญ่ที่บรรดาศิษย์ จะแย่งชิงตำแหน่งในสามร้อยหกสิบอันดับแรก

ในขณะนั้นหมายเลขลำดับแผ่นหยกในมือของหลี่ฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์ล้วนคงเดิม แต่การนับจำนวนชัยชนะได้ถูกลบล้างและเปลี่ยนกลับไปเป็นศูนย์แล้ว

แน่นอนว่า โดยธรรมชาติแล้ว หลี่ฉางโซ่วไม่ได้กังวลกับการต่อสู้ในครั้งต่อไปที่กำลังจะมาถึงมากนัก

แต่หลิงเอ๋อร์รู้สึกกดดันเล็กน้อยเนื่องจากในคราวนี้ จากจำนวนศิษย์ทั้งหมดสามร้อยหกสิบคนจะมีศิษย์จำนวนถึงสองร้อยห้าสิบสองคนถูกคัดออกไป แล้วเหลือเพียงหนึ่งร้อยแปดอันดับแรกที่จะเข้าสู่รอบต่อไปได้

แม้จะมีความสามารถโดดเด่น แต่นางก็ยังคงได้รับความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ของนาง และยังมีสมบัติอมตะอีกสองสามชิ้นที่จะปกป้องนางได้ ในขณะที่ขอบเขตพลังการฝึกฝนของนางยังคงต่ำ

แม้หลี่ฉางโซ่วจะบอกไม่ให้นางเป็นกังวลว่าจะชนะหรือแพ้ ทว่าก่อนหน้านี้เขาเคยตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้นางมาก่อน หลิงเอ๋อร์จึงหมกมุ่นอยู่กับมันเล็กน้อยและตั้งใจจะทำมันให้สำเร็จ

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น หลิงเอ๋อร์ยังลังเลใจในขณะที่อาจารย์อาน้อยกำลังถือคทาหนามออกลาดตระเวนไปทั่วภูเขา

จากนั้น หลิงเอ๋อร์จึงกระซิบกับศิษย์พี่ของนางว่า “ศิษย์พี่ ข้าจะ…ได้จิตอริยะและทะลวงฝ่าด่านไปได้หรือไม่เจ้าคะ”

สิ่งที่นางหมายถึงคือการใช้ประโยชน์จากจิตอริยะเพื่อจะแสดงทักษะการฝึกฝนที่แท้จริงของนางเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อย

ทว่าจิตอริยะที่เกิดขึ้นฉับพลันเช่นนี้จะเป็นสิ่งที่ได้มาโดยบังเอิญเท่านั้น

แม้จะมีเผ่าพันธุ์อื่นที่สามารถพบจิตอริยะได้โดยบังเอิญ แต่มันไม่มีข้อมูลอ้างอิงทั่วไป

จนถึงตอนนี้ หลิงเอ๋อร์มีเพียงสามจิตอริยะ และทั้งหมดที่ได้รับมานั้นล้วนอยู่ภายใต้การแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “แต่เจ้าต้องใส่ใจในรายละเอียด หากอยากจะทำมันให้ดี”

ทันใดนั้นหลิงเอ๋อร์ก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วเริ่มครุ่นคิดถึงรายละเอียดของจิตอริยะของนาง

จากนั้นนางก็หลับตาและตั้งสมาธิจดจ่อก่อนจะแสร้งทำเป็นเข้าสู่เฉิงเต๋าและแอบปรับคาถาสงบลมปราณเต่าฉบับปรับปรุงครั้งที่สอง เพื่อสร้างภาพว่าลมปราณของนางไม่เสถียร

บัดนี้ ที่ด้านบนเหนือพวกเขา รองเจ้าสำนักเริ่มเริ่มกล่าวสุนทรพจน์สำคัญแล้ว

เขาให้กำลังใจบรรดาศิษย์ที่ถูกคัดออก รวมถึงผู้ที่จะต่อสู้ให้ต่อสู้อย่างหนักในรอบต่อไป เขาอยากให้ทุกคนต่อสู้เพื่อความรุ่งโรจน์และปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีของมันตามธรรมชาติ ส่วนรางวัลต่างๆ ของสำนักนั้นอยู่ในการดำเนินการแล้ว

หลังจากที่รองเจ้าสำนักกล่าวจบ ผู้อาวุโสเก่อ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาใหญ่ของสำนักตู้เซียนก็ก้าวไปข้างหน้าและประกาศการเริ่มต้นการแข่งขันรอบที่สอง แล้วทันใดนั้น แผ่นหยกของศิษย์สองคนก็วาบสว่างขึ้นทันที…

หลี่ฉางโซ่วคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าการจับฉลากนั้น แท้จริงแล้ว จะเป็นท่านอาวุโสแอบชี้ไปที่แผ่นหยกสองแผ่นใช่หรือไม่

เขาแอบสังเกตอยู่ไม่นาน แล้วจึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ…

ความจริงแล้ว จะมีผู้อาวุโสใหญ่สองคนขยับนิ้วเล็กน้อยทุกครั้ง แล้วแผ่นหยกในมือของศิษย์ก็จะสว่างวาบขึ้นมาจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วพลันกระตุกมุมปากเล็กน้อย เขาคิดว่าแผ่นหยกนั้นเป็นอาวุธเวททั้งชุด ซึ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ…

และเป็นไปตามคาด นั่นคือ สิ่งของบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีระดับสูง ทว่าแท้จริงแล้ว อาจมีหลักการที่ง่ายมาก

หลี่ฉางโซ่วปรากฏตัวก่อนหน้านี้ในวันนี้ และในที่สุด ก็มีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างเขาและศิษย์พี่หญิงของเขาในการต่อสู้ครั้งที่สิบหก

กระบวนการทั้งหมดของการต่อสู้เป็นไปอย่างราบรื่นมาก คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายล้วนมีประสบการณ์ที่ดี ในขณะที่ไม่มีคทาหนามแห่งยอดเขาหยกน้อยปรากฏขึ้นตามที่ศิษย์พี่หญิงคาดคิดไว้

และในท้ายที่สุด ค่ายกลยันต์ของหลี่ฉางโซ่วก็ชนะในการโจมตีครั้งสุดท้าย ซึ่งในระหว่างนี้ เขาได้ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อหลบหนีการโจมตีของคู่ต่อสู้เท่านั้น ซึ่งเขาก็รีบออกมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่ทำอะไรที่ต่ำช้าเฉกเช่นการใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อดูใต้กระโปรงของนาง…

เมื่อหลี่ฉางโซ่วกลับมายังตำแหน่งของเขาบนก้อนเมฆ เขาก็เห็นหลิงเอ๋อร์หลับตาลงและมีสมาธิขณะที่มีอักขระเต๋าลอยวนอยู่รอบๆ กายนาง…

เมื่อเร็วๆ นี้ ทักษะการแสดงของศิษย์น้องหญิงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลี่ฉางโซ่วรู้สึกพอใจอยู่ลึกๆ และหากนางไม่บอกเขาก่อนหน้านี้ เขาก็คงถูกศิษย์น้องหญิงแสร้งหลอกเขาแล้ว

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้สนใจมันมากนัก เขานั่งบนเบาะนั่งสมาธิและย้ายไปยังพื้นที่ว่างทางด้านหลังของเขาเงียบๆ

ศิษย์น้องหญิงเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ…

ในเวลานั้น การต่อสู้ที่ด้านล่างยังคงดำเนินต่อไป บรรดาศิษย์สามร้อยหกสิบคนต้องต่อสู้กันเก้ารอบ ซึ่งทำให้การจัดอันดับสะดวกง่ายดายขึ้น

และในเวลาสามอึดใจต่อมา แผ่นหยกที่วางในแนวนอนบนชุดกระโปรงของหลิงเอ๋อร์ก็สั่นเล็กน้อย และเรืองแสงสว่างวาบขึ้น

หลิงเอ๋อร์ยังไม่แน่ใจเต็มที่ ในขณะนั้น มีอักขระเต๋าล้อมรอบร่างของนาง นางทำมือเป็นรูปกล้วยไม้ขณะที่วางมันลงบนเข่าของนาง และบัดนั้น ใบหน้าสะคราญของนางก็เปล่งประกายงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

หลี่ฉางโซ่วแอบหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนั้น…

สีหน้าท่าทางของศิษย์น้องหญิงน้อยดูกังวลมากเกินไปเล็กน้อย

ทว่าหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันขมวดคิ้วและตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงสร้างม่านพลังขึ้นรอบๆ กายของหลิงเอ๋อร์ทันที

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำการเคลื่อนไหวอะไรต่อไป จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของกระแทกดังกุบกับๆ ขึ้นมาจากแผ่นหยก

“หือ?”

ไม่นานหลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาของนางดูว่างเปล่าราวกับท้องฟ้าที่แจ่มใสกระจ่างที่สุด ดุจดารดาษไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงสว่างไสวโดยไร้ดวงจันทร์

ทว่ายังมีความสับสนอยู่บ้างท่ามกลางความว่างเปล่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลิงเอ๋อร์ฝ่าทะลวงเข้าไปจริงๆ นางถูกขัดจังหวะรบกวนในช่วงเวลาวิกฤติ ยังดีที่นางยังคงความสงบได้ไม่หวั่นไหวใดๆ…

อย่างไรก็ตาม การทะลวงขอบเขตพลังให้ก้าวหน้าขึ้นไปในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเช่นนี้ ย่อมไม่ปลอดภัยมากนัก

จากนั้น เขาก็ได้ยินผู้บริหารร้องตะโกนว่า “ซินหนึ่งสองหนึ่ง! ซินหนึ่งสองหนึ่ง! ถึงเวลาที่เจ้าต้องเข้าสู่การต่อสู้แล้ว!” “เจ้าค่ะ!” หลิงเอ๋อร์รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วพลางยืนขึ้นในขณะที่ถือแผ่นหยกเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางลุกยืนขึ้น ลมปราณรอบกายของนางก็พลุ่งพล่านขึ้นราวกับกระแสคลื่นยักษ์ ขณะที่นางเพิ่งทะลวงผ่านด่านพลังเสร็จสิ้น อักขระเต๋าลึกลับเหล่านั้นก็แผ่กระจายออกไปด้านนอก!

แล้วจู่ๆ พลังสัมผัสเซียนรับรู้และพลังปราณสัมผัสรับรู้ต่างๆ หลากหลายสายได้เข้าทำการสำรวจบริเวณโดยรอบของแท่นหยกในทันที

และฉับพลันนั้น ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดก่อนที่จะตระหนักได้ถึงปัญหา

บัดนี้ คาถาสงบลมปราณเต่าของนางสูญเสียประสิทธิภาพไปชั่วครู่หนึ่งจากการทะลวงผ่านด่านและก้าวหน้าขึ้นไปของนาง!

และทำให้ขอบเขตพลังการฝึกฝนที่แท้จริงในขอบเขตคืนกลับอนัตตาของนางถูกเปิดเผยออกมาแล้ว!

อันใดกันนี่…แล้วข้าควรทำอย่างไรดี

ทันใดนั้น ลำคอขาวและเรียวบางของหลิงเอ๋อร์พลันแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อยขณะที่หันไปมองศิษย์พี่ของนางอย่างอ่อนแรง แล้วเห็นว่าเขากำลังมองดูนางด้วยความชื่นชม…

และสีหน้าท่าทางของเขาก็ดูเหมือนกับคนอื่นๆ รอบกายนาง!

นี่คือ…

โอ…ข้าจบสิ้นแล้ว…