ตอนที่ 200 โดดเด่นมีเอกลักษณ์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 200 โดดเด่นมีเอกลักษณ์
ช่วงค่ำของวันต่อมา ท้องฟ้ายังไม่ทันมืดสนิทดี ร้านค้าในตลาดนัดของเมืองเหมิง ร้านต่างๆ แขวนโคมไฟไว้ที่หน้าร้านค้าของตัวเองจนสว่างไปทั่ว

ทั่วทั้งเมืองเหมิงเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากแสงไฟของโคมไฟ ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เสียงเด็กหัวเราะอย่างมีความสุข และเสียงตะโกนขายของของพ่อค้าแม่ค้าดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้คนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และครึกครื้นในเมืองแห่งนี้

เซียวหรงเหยี่ยนวางแผนว่าจะเดินทางไปยังเมืองหลวงของหนานเยี่ยนในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้ชายหนุ่มจึงออกมาเยี่ยมชมตลาดกลางคืนที่ครึกครื้นเป็นคืนสุดท้าย

คงเป็นเพราะวันแรกที่เซียวหรงเหยี่ยนมาเยือนที่นี่เขามาอย่างเอิกเกริก อีกทั้งใช้จ่ายไม่อั้น พ่อค้าแม่ค้าจึงจำชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี ต่างยกสินค้าของตัวเองมาให้ชายหนุ่มเลือกซื้อ

วันนั้นเซียวหรงเหยี่ยนถูกม้าขาวตัวนั้นดึงดูด เขาจึงพลาดเยี่ยมชมตลาดทาส วันนี้เขาจึงตั้งใจไปดูที่นั่นสักหน่อย

เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนพาองครักษ์สองสามคนเดินไปถึงตลาดค้าทาส พ่อค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดของตลาดแห่งนี้กำลังกระชากแขนของเด็กสาวที่ผมเผ้ารุงรังคนหนึ่งพลางตะโกนขายอยู่บนแท่นสูง

“อย่ารังเกียจว่าเด็กนี่ผมเผ้ากระเซิงนะขอรับ พวกท่านดูเสื้อผ้าที่เด็กนี่สวมใส่เสียก่อน นางต้องเป็นลูกหลานของคนมีตระกูลในแคว้นต้าจิ้นแน่นอน ผิวพรรณของนางนวลถึงเพียงนี้ ซื้อกลับไปอบรมสั่งสอนให้ดีๆ ท่านต้องมีแต่โชคดีเข้ามาไม่หยุดหย่อนแน่ขอรับ!”

สิ้นเสียงกังวานของพ่อค้าทาส ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังท่ามกลางฝูงชน

“สวมเสื้อผ้าแน่นหนาถึงเพียงนี้ พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าผิวนวลจริง ถอดเสื้อให้พวกเราได้เห็นสักหน่อย ลูบคลำสักนิด พวกเราจะได้รู้ว่าผิวพรรณนวลละเอียดจริงหรือไม่”

เหล่าสตรีที่ห้อมล้อมตลาดค้าทาสเพื่อดูเรื่องสนุกอยู่ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น ถลกแขนเสื้อเดินจากไปทันที

สาวน้อยที่ถูกพ่อค้าทาสจับแขนอยู่ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง นางกอดตัวเองแน่น สีหน้าซีดเผือด หากนางถูกเปลื้องผ้าต่อหน้าทุกคน แล้วถูกคนพวกนั้นลูบคลำจริงๆ นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว สาวน้อยขัดขืนในทันที

“ปล่อยข้านะ! ข้ายอมตายดีกว่าโดนดูถูกเช่นนี้! ข้าไม่ยอมถูกดูหมิ่นเช่นนี้แน่นอน!”

สาวน้อยผู้นั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้ว่ายอมตายดีกว่าโดนดูถูก อีกทั้งยังกล่าวภาษาของแคว้นต้าจิ้น คงเป็นลูกหลานคนมีตระกูลในแคว้นต้าจิ้นจริงๆ

สาวน้อยที่ยืนอยู่บนแท่นสูงดิ้นรนสะบัดหนีอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน ลูกค้าที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกคึกคะนองมากเข้าไปใหญ่

“ลูบคลำคงไม่ได้! แต่ให้พวกท่านดูผ่านสายตาพอจะได้ขอรับ!”

กล่าวจบ พ่อค้าทาสเตรียมกระชากเสื้อผ้าของสาวน้อยผู้นั้น

ทว่า พ่อค้าทาสผู้นั้นยังไม่ทันได้ลงมือกระชากเสื้อผ้าของสาวน้อยออก มือของพ่อค้าทาสเหมือนถูกสิ่งใดลอยมากระทบจนต้องรีบชักมือกลับทันที เขาเบิกตาโพลงราวกับเห็นผี พริบตานั้นเอง สาวน้อยที่ร้องไห้ และพยายามดิ้นรนสะบัดตัวออกจากการจับกุมของเขาได้โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว นางเกือบวิ่งเอาศีรษะกระแทกเสา โชคดีที่ลูกน้องสองคนของพ่อค้าทาสจับตัวนางไว้ได้เสียก่อน

พ่อค้าทาสก้มมองมือที่บวมแดงของตนเอง ผีหรืออย่างไรนะ!

“เฮ้ย สรุปจะให้พวกเราดูหรือไม่” ชายฉกรรจ์ด้านล่างเวทีตะโกนโหวกเหวกขึ้น

“นายท่านผู้นี้ดูแล้วจะซื้อหรือไม่ขอรับ” พ่อค้าทาสเอ่ยถามยิ้มๆ

ชายฉกรรจ์ที่ถูกถามถลกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น ใบหูแดงก่ำ ย่อกายหลบซ่อนอยู่ในฝูงชน เขาแค่อยากดูโดยไม่เสียเงินเท่านั้น หากเขามีเงินเหลือเฟือจนมาซื้อทาสได้ เขาเอาเงินไปเสพสำราญที่หอนางโลมไม่ดีกว่าหรืออย่างไร

สาวน้อยที่ถูกลูกน้องของพ่อค้าทาสจับตัวไว้ได้ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น ขอร้องให้พ่อค้าทาสฆ่านางให้ตายเสียดีกว่า!

พวกคนรวยที่เดิมทีสนใจในตัวสาวน้อยที่พูดภาษาทางการของแคว้นต้าจิ้นได้ เมื่อเห็นว่าสาวน้อยมีความคิดอยากฆ่าตัวตายต่างก็เลิกสนใจในตัวนางทันที มิเช่นนั้นหากซื้อกลับไปแล้วนางเกิดฆ่าตัวตายขึ้นมา พวกเขาก็เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์น่ะสิ!

เซียวหรงเหยี่ยนยืนมองจากที่ไกลๆ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เวทีสูงที่ทำจากไม้ เห็นก้อนหินก้อนหนึ่งตกอยู่ไม่ห่างจากปลายเท้าของพ่อค้าทาสสักเท่าใด สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนมองผ่านพ่อค้าทาสไปยังกรงทาสที่อยู่ด้านหลังเขา

เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้ามอมแมมคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมมืดของกรง เด็กหนุ่มผู้นั้นอายุยังน้อย…น่าจะราวๆ สิบห้าสิบหกเท่านั้น ทว่า กลับนั่งอยู่อย่างสงบนิ่ง ท่าทีราวกับคุณชายสูงศักดิ์ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง

เหมือนสัมผัสได้ว่ามีสายตากำลังจ้องมาที่ตน เด็กหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าขึ้น…

เซียวหรงเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างดูคุ้นเคยนัก ดวงตาล้ำลึกและสงบนิ่ง ในเมื่อสามารถใช้ก้อนหินจัดการกับพ่อค้าทาสผู้นั้นได้ แสดงว่าเขาพอมีฝีมืออยู่บ้าง เหตุใดจึงถูกจับอยู่ในนี้กันนะ

หรือว่า…ที่บ้านยากจนจึงถูกนำมาขาย

เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่ในกรงด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ได้หลบสายตาของเซียวหรงเหยี่ยนแม้แต่น้อย เขาเหมือนเด็กที่มาจากตระกูลยากจนที่ใดกัน ที่สำคัญเด็กอายุสิบห้าสิบหกกำลังอยู่ในช่วงใช้แรงงาน ไม่ใช่เด็กสามสี่ขวบที่เอาแต่กินนอนทำประโยชน์อันใดไม่ได้เสียหน่อย

เซียวหรงเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปสั่งหวังจิ่วโจวที่ยืนอยู่ข้างกาย หวังจิ่วโจวพยักหน้า เดินอ้อมผู้คนเข้าไปหาพ่อค้าทาสจากทางด้านหลัง ชี้ไปที่เด็กหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในกรงสื่อว่าเขาต้องการซื้อตัว

พ่อค้าทาสรีบยิ้มประจบพลางเอ่ยขึ้น “ท่านตาแหลมยิ่งนักขอรับ! นั่นคือทหารต้าจิ้นที่ข้าช่วยชีวิตเอาไว้ระหว่างทาง ร่างกายกำยำแข็งแรง ซื้อกลับไปสั่งให้เขาทำสิ่งใดก็ได้ทั้งสิ้นขอรับ! เพียงแต่อาจแพงสักหน่อยขอรับ!”

หวังจิ่วโจวล้วงถุงเงินจากแขนเสื้อส่งให้พ่อค้าทาสยิ้มๆ กล่าวขึ้น “เงินนี่ซื้อทหารต้าจิ้นและสาวน้อยต้าจิ้นคนนั้นเพียงพอหรือไม่”

พ่อค้าทาสเปิดถุงเงินออกดู ยิ้มอย่างดีใจจนตาหยี ท่าทีนอบน้อมกว่าเมื่อครู่ยิ่งนัก

“พอขอรับ! พออยู่แล้ว มากไปเสียไม่ว่าขอรับ ข้ารับเงินของท่านมากเช่นนี้ข้าก็รู้สึกไม่ค่อยดี ท่านเลือกไปอีกสักสองคนสิขอรับ…”

พ่อค้าทาสเตรียมแนะนำทาสของตัวเองให้หวังจิ่วโจวได้รู้จัก หวังจิ่วโจวกล่าวยิ้มๆ

“ไม่ต้องแล้ว แค่สองคนนี้พอ! เจ้านายของข้ากำลังรออยู่ ข้าไม่กล้าเสียเวลา ไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการด้วย”

พ่อค้าทาสจึงพยักหน้า สั่งให้คนนำตัวสาวน้อยคนเมื่อครู่และเด็กหนุ่มที่อยู่ในกรงออกมาให้หวังจิ่วโจวพากลับไป

ก่อนจากไป เด็กหนุ่มผู้นั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าพ่อค้าทาสพลางโค้งกายคำนับขอบคุณที่พ่อค้าทาสช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ไม่ว่าพ่อค้าทาสจะมีจุดประสงค์ใดก็ตาม ทว่า หากพ่อค้าทาสไม่ช่วยเขาขึ้นมาจากแม่น้ำจิงที่หนาวเหน็บราวกับน้ำแข็งนั่น…เขาคงแข็งตายไปนานแล้ว

พ่อค้าทาสเพิ่งเคยเห็นทาสที่ถูกขายออกไปขอบคุณเขาเป็นครั้งแรก เขาตะลึงงัน ยังไม่ทันได้สติ เด็กหนุ่มผู้นั้นก็เดินจากไปไกลพร้อมกับพ่อบ้านแล้ว

หวังจิ่วโจวพาคนทั้งสองที่ซื้อมากลับไปยังที่พักของเซียวหรงเหยี่ยน

สั่งให้คนนำน้ำมาให้ทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หวังจิ่วโจวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ คาดเดาจุดประสงค์ที่เจ้านายซื้อตัวชายหญิงสองคนนี้กลับมา

ไม่นาน เด็กหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จจึงเดินออกมา หวังจิ่วโจวที่เคยพบเห็นผู้คนมานับไม่ถ้วนยังอดตะลึงไม่ได้

เด็กหนุ่มในชุดคลุมยาว ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น…แววตาซ่อนคม ท่าทีดูไม่เหมือนเด็กชาวบ้านทั่วไปสักนิด ถือได้ว่าเป็นคนโดดเด่นมีเอกลักษณ์ผู้หนึ่งเลยทีเดียว

บุคคลเช่นนี้ตกอยู่ในกำมือของพ่อค้าทาสได้อย่างไรกัน

นอกเหนือจากความสงสัย หวังจิ่วโจวยิ่งรู้สึกว่าสายตาของเจ้านายเขาช่างแหลมคมนัก ในกรงทาสที่มีแต่ทาสที่มอมแมมเหล่านั้น เจ้านายของเขายังสัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดา

คงเป็นเพราะเด็กหนุ่มดูสุขุม และสูงศักดิ์ หวังจิ่วโจวที่เป็นบ่าวรับใช้มานานจึงกล่าวกับเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงเกรงใจเป็นอย่างมาก เขาเชิญให้เด็กหนุ่มไปพบเจ้านายพร้อมกับเขา