บทที่ 226 ไม่มีทั้งคำเตือนและข้อบ่งชี้ใด ๆ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 226 : ไม่มีทั้งคำเตือนและข้อบ่งชี้ใด ๆ

“แน่ใจนะว่าเป็นร้านหนังสือนี่?” ฟรานซิสพูดพลางมองหน้าร้านหนังสือที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

ร้านหนังสือนั้นเป็นไปตามรายงานเป๊ะ ไม่มีป้าย การตกแต่งหรืออะไรที่ดูพิเศษ

ไม่ว่าใครผ่านมาเห็นก็บรรยายมันได้แค่ว่า ‘ธรรมดาและน่าเวทนา’

ทว่าคาเฟ่หนังสือด้านข้างที่ยังไม่เปิดทำการนั้นดูสดชื่นสะดุดตา ต่อให้เป็นที่เขตกลางมันก็ยังถือได้ว่าเป็นสถานที่ ‘ตลาดบน’

ความตรงข้ามกันยิ่งเด่นชัดเมื่อทั้งสองร้านแนบติดกันอยู่

แม้ว่าฟรานซิสจะไม่มีหัวด้านธุรกิจ แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าคาเฟ่หนังสือจงใจเลือกทำเลมาตั้งข้าง ๆ ร้านหนังสือแบบนี้เพื่อเรียกลูกค้าชัด ๆ

เมื่อเขาคิดแบบนี้แล้ว บางทีการกระทำของเขาในวันนี้อาจทำให้คาเฟ่หนังสือขาดจุดเด่นด้านการแข่งขันของมันไปบ้าง

อ่า…ขอโทษด้วยแล้วกันนะ

มุมปากของฟรานซิสยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย

อัศวินร่างบึกบึนคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เขาถามด้วยเสียงแหบทุ้ม “ใช่ ไม่ผิดแน่ นี่คือร้านหนังสือที่เซเลน่าพูดถึง”

“แต่มันก็เป็นร้านหนังสือร้านเดียวที่เหลือในบริเวณนี้แล้วนะ แปลกอยู่ที่มีร้านหนังสือในที่ซอมซ่อแบบนี้มาเป็นปี ๆ แล้วไม่ปิดตัวลง แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามเดือนมานี้ก็เกิดขึ้นแถวนี้ทั้งนั้นเลย”

อัศวินร่างบึกบึนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “เราควรรอจนนายน้อยท็อดด์สั่งก่อนไหม ก่อนจะตัดสินใจว่าควรไปต่อ…”

ฟรานซิสแค่นหัวเราะแล้วโบกมือไล่เขา “นายไม่เห็นเหรอว่านายน้อยท็อดด์อยากให้เราทำอะไร? โดยเฉพาะจนป่านนี้ยังไม่มีคำสั่งอะไร? นายมันอ่อนหัดเกินไปแล้ว!”

“อ้อ…” อัศวินร่างบึกบึนเกาหัว เขายังกังวล “แต่ความแข็งแกร่งของเมลิสซ่าเพิ่มวันเพิ่มคืนจนขนาดหัวหน้าโรเบิร์ตยังชมเธอเลยนะ นายน้อยท็อดด์จะเทียบเธอได้เหรอ? แล้วถ้า…”

แล้วถ้าเขาโดนต่อยร่วงจนสลบหรือโดนจับมัดกระดิกไม่ได้ หรือไม่มีวิธีส่งข้อความมาหาพวกเขาล่ะ?

“นายน้อยท็อดด์มีโล่แห่งการคุ้มกันอยู่” ฟรานซิสพูดด้วยสายตาที่เหมือนมองคนโง่ “นั่นคือวัตถุเหนือธรรมชาติที่ปู่ของเขาให้เขาไว้ป้องกันตัวเอง การโจมตีใด ๆ ที่ระดับต่ำกว่าภัยพิบัติทำอะไรมันไม่ได้เลย นายคิดว่าเมลิสซ่าจะทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?

“ควินน์ สมองนายนี่มีแต่กล้ามเนื้อจริง ๆ!”

“อ่า อ้ออ…” อัศวินร่างบึกบึนพลันกระจ่างแจ้งแล้วยิ้มเขิน ๆ “อ้อ เข้าใจแล้วล่ะ สมกับเป็นนายน้อยท็อดด์จริง ๆ ที่มีของเหนือธรรมชาติแบบนี้ได้ ฉันอิจฉาเขาจริง ๆ” เขาว่า

ฟรานซิสแค่นเสียงอย่างดูแคลน “เออ ๆ เขาเกิดมาแบบนั้น ไม่ต้องไปอิจฉาหรอก”

“ถ้านายมีเวลามาเป็นห่วงเรื่องนั้น นายเอาเวลามาทำภารกิจดีกว่า แล้วบางทีนายน้อยท็อดด์อาจจะชอบใจ อยากให้รางวัลนายเป็นอุปกรณ์เหนือธรรมชาติก็ได้”

แล้วฟรานซิสก็โบกมือให้คนข้างหลังเขา ก่อนพาคนของเขาเข้าไปใกล้ร้านหนังสือ

ในสายตาของฟรานซิสแล้ว ภารกิจนี้ง่ายราวกับไปทัศนศึกษา

จากข้อมูลที่ได้มา ร้านหนังสือนี้มีแค่เจ้าของร้านหนุ่มและผู้ช่วยหญิงที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน ทั้งคู่เป็นคนธรรมดา

ดังนั้นเรื่องจึงง่ายสุด ๆ

ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำก็แค่เดินเข้าไป ทุบพวกเขาให้สลบแล้วแก้ความทรงจำพวกเขาซะ จากนั้นก็ค้นหาวัตถุต้องห้ามในร้านหนังสือ

แน่นอนว่าต่อให้ไม่เจออะไร…พวกเขาก็มีแผนสำรองเตรียมไว้แล้ว

ฟรานซิสเดินฉับ ๆ ไปทางร้านหนังสืออย่างกระฉับกระเฉง

“ไปกันเถอะ ตามฉันมา ภารกิจนี้มันง่ายพอ ๆ กับการแย่งขนมจาก…”

จู่ ๆ เขาก็ตัวแข็งทื่อกับที่ในขณะที่ยังพูดไม่ทันจบ

ฟรานซิสเห็นคนสามสี่คนเดินออกมาจากประตูเก่า ๆ โทรม ๆ ของร้านหนังสือที่เห็นได้ชัดว่ามีการดามลวก ๆ ด้วยแผ่นไม้มาก่อน

คนที่เดินนำหน้าคือชายชราในชุดสูท เส้นผมของเขากระดำกระด่าง และดวงตาคล้ายลูกปัดสีเขียวของเขาก็ทอดมองมาอย่างชั่วร้าย ในมือของเขามีรูปสลักการ์กอยล์หินที่เสียหายอยู่ตัวหนึ่ง

เขาหันไปด้านในร้านหนังสือเพื่อพูดอะไรสองสามคำ ก่อนจะพยักหน้าด้วยท่าทางเคารพและถ่อมตน

ต่อจากนั้น เขาก็ปิดประตู ก้าวถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะหันมาส่งยิ้มเย็นเยียบให้พวกฟรานซิสอย่างชั่วร้าย

“หนึ่ง สอง สาม…ระดับผิดปกติหกคนและสัตว์ประหลาดอีกสอง เป็นการจบวันที่ดีจริง ๆ ดูเหมือนเจ้าของร้านหลินจะเตรียมโอกาสไว้ให้พวกนายฝึกความแข็งแกร่งด้วยนะ”

แน่นอนว่าคำพูดช่วงท้ายของเขานั้นเป็นการพูดกับอีกสี่คนที่เพิ่งเข้าเรียนชั้นเรียนของคุณหลิน และได้รับการเปิดโลกอุดมคติให้กว้างไกล

คนที่อยู่ข้างหลังเขาคือมังกรทะยาน กัล และสามหน่อโค้ดเนม

พวกคนจากงานเลี้ยงโลหิต รวมถึงหญิงสาวสูงศักดิ์นั้นไม่ใช่กลุ่มคนว่าง่ายและเคร่งในกฎ แม้แต่ผู้ดีสาวอย่างเกล็ดหิมะยังชอบไปดูการประลองเถื่อน แถมเธอยังเข้าร่วมต่อสู้เองและเที่ยวแสวงหาเรื่องเร้าใจด้วย

ในตอนนี้ พวกเขาต่างมีประกายเย็นเยียบในดวงตา ราวกับเป็นฝูงหมาป่าหิวโหยที่จับจ้องเหยื่ออันโอชะ

ราวกับว่าคนชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งได้เดินขึ้นมาบนเวที

นี่คือ…ภารกิจของคุณหลิน และมันต้องลุล่วง!

ในทางกลับกัน ท่าทางอวดเบ่งของฟรานซิสและคนของเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหายไปทันใด พวกเขาในตอนนี้กลับกลายมาเป็นเหยื่อผู้อ่อนแอไร้ทางสู้

ฟรานซิสไม่เพียงตกตะลึงเท่านั้น คนของเขาที่ด้านหลังต่างก็ตระหนักด้วย

นั่นมันไวลด์ไม่ใช่เรอะ?!!!

ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง ทุกความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลหายวับไปทันที ในขณะที่ความกลัวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วแล้วหยั่งรากฝังลงในใจของพวกเขา

ไหงเป็นไวลด์ไปได้ล่ะ?!

ทำไมไวลด์มาอยู่ที่นี่ ทำไมเขาถึงโผล่ออกมาจากร้านหนังสือง่อย ๆ แบบนี้ได้ล่ะ?!

แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงดี? เราทำอะไรได้บ้าง?

นี่เป็นความฝันหรือเปล่า?!

‘บุรุษหน้ากากดำ’ แฟรงค์ ไวลด์ นักเวทมนตร์ดำระดับภัยพิบัติและเป็นต้นเหตุโดยตรงของการเกษียณตัวเองของโจเซฟได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว…

ไม่มีทั้งคำเตือนและข้อบ่งชี้ใด ๆ

สุดยอดวายร้ายเหนือธรรมชาติที่ทั้งสมาคมแห่งสัจธรรมและหอพิธีกรรมต้องห้ามต่างประกาศจับเพิ่งจะเดินออกมาจากร้านหนังสือบ้าน ๆ โทรม ๆ นี่

และสี่คนที่ตามหลังเขามาต่างก็อยู่ในระดับสัตว์ประหลาด กลุ่มคนแบบนี้พังเมืองทั้งเมืองได้สบาย ๆ

“ถอย ถอยเร็ว! ถอนกำลัง! มันเป็นกับดัก!”

ฟรานซิสกลัวจนทำอะไรไม่ถูก และไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดว่าทำไมไวลด์ถึงมาอยู่ที่นี่ ร่างกายทุกตารางนิ้วของเขาต่างกรีดร้องบอกให้เขาหนี

ไม่ต้องให้เขาสั่ง คนอื่น ๆ ต่างก็หนีหางจุกตูด

นี่มันระดับภัยพิบัติเชียวนะ! ด้วยกำลังพวกเขาในตอนนี้ สู้ด้วยดี ๆ สักแป๊บนึงยังไม่ได้เลย

ฟรานซิสต้องแน่ใจก่อนว่าพวกเขาจะรอดออกไปได้ ก่อนที่จะมารายงานต่อหัวหน้าของพวกเขา

ทว่าในขณะที่เขาหมุนตัวจะวิ่งหนีนั้นเอง ฟรานซิสก็เห็นสิ่งที่เหมือนสุนัขขนาดยักษ์ลอยอยู่กลางถนน ร่างโครงกระดูกขาวโพลนของมันอ้าขากรรไกรออก เผยให้เห็นก้อนเนื้อปูดโปน คมเขี้ยวและลูกตา

ฟรานซิสหน้าซีดเป็นกระดาษ นี่มันเป็นจุดจบสมบูรณ์แบบโดยแท้… ฉันตายแน่ ฟรานซิสคิดพลางยิ้มเครียด ๆ

“แม่ง! พวกนั้นมาจากไหนเนี่ย?!”

ใบหน้าของคล็อดพลันมืดลง เขายืนขึ้นจากจุดเฝ้าสังเกตบนหลังคาแล้วจับตามองพวกอัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามที่เดินมาจากไกล ๆ พวกเขามุ่งหน้าที่ร้านหนังสือโดยไม่มีการปลอมตัวใด ๆ

“เขาดูจะมาจากหน่วยรบนะครับ ผมว่า…น่าจะเป็นฝ่ายออสวาลด์” ทีมงานของคล็อดพึมพำข้าง ๆ เขา “พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับปฏิบัติการของเราแล้วมาที่นี่โดยพลการครับ”

“มาโดยพลการ?!”

สีหน้าของคล็อดดูบิดเบี้ยวทันที เรื่องนี้น่าขำสิ้นดีในความเห็นเขา ถ้าเกิดว่าการลงมือโดยพลการของเจ้าพวกโง่พวกนี้ทำให้ไวลด์ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแล้วทำให้การลอบโจมตีของพวกเขาพังไม่เป็นท่าขึ้นมาล่ะ?!

“สืบว่าพวกเขาเป็นใครและเหตุผลที่มาที่นี่…เดี๋ยวนะ”

คล็อดพลันชะงัก เขาคิดถึงความเป็นไปได้ขึ้นมาอีกอย่าง

“หรือว่าจะเป็น…คุณหลินที่จงใจจัดเตรียมเรื่องนี้ไว้เพื่อไม่ให้ลูกค้าของเขาขัดแย้งกันเองเหรอ?”