บทที่ 197 ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์
“สู่ว..ข้าเหนื่อยมาก..”
เมื่อผู้เล่นยังตื่นเต้นกับคลาสใหม่ เซฟาริมหอกศักดิ์สิทธิ์ที่เจสสิก้ายังคงถืออยู่ก็เปลี่ยนกลับไปเป็นร่างมนุษย์
และเธอก็ร้องเสียงดังอย่างน่ากลัวทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
เอลฟ์ป่าคิดว่าเธอได้รับบาดเจ็บจึงรีบเข้ามาดู เพียงเพื่อพบว่าตอนนี้มีปลอกคอหนังอยู่รอบคอเธอ โดยมีโซ่คริสตัลลวงตาห้อยอยู่
ขณะเดียวกันเซฟาริมก็ยังคงดึงโซ่ด้วยความประหลาดใจ “มัน…ลองคิดดูสิ พลังที่เข้ามาในร่างกายขาเมื่อกี้ มันแปลก ๆ! นั่นไม่ใช่พลังของลูน่า!”
เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วมองโซ่ แล้วหันไปหาเจสสิก้าที่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าโซ่ใสอีกเส้นพันรอบข้อมือขวาของเธอ จากนั้นเขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด
“ข้าเข้าใจ…”
นั่นคือม้วนคาถาวิญญาณที่ระบบพูดถึง?
รางวัลเควส: สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอลฟ์ III มีบางอย่างที่เรียกว่าม้วนคาถาวิญญาณอยู่ แต่มันกลับไม่ถูกส่งมอบ…
“พวกเจ้าทําอะไรกับเซฟาริม!?”
บรอมเดย์สตาร์ชักมีดสั้นชี้ไปที่กลุ่มของเอ็ดเวิร์ด
หลังจากบอกสิ่งที่เขาค้นพบลงในฟอรัม เอ็ดเวิร์ดก็เริ่มปวดหัวอีกครั้งเกี่ยวกับวิธีจัดการกับความสัมพันธ์ของเอลฟ์ป่า
เขาคิดว่าเซฟาริมเป็นไอเทมเควสแบบใช้ครั้งเดียว และไม่คิดเลยว่าเจสสิก้าจะผูกวิญญาณกับเธอทันทีที่ใช้เสร็จ
นี่เป็นปัญหาแล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้เจสสิก้าถูกขังอยู่ในป่าทริเนีย เช่นเดียวกับที่เอลฟ์ป่าไม่ยอมให้พวกเขาขโมยสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอลฟ์ไป
โจเหลือบมองเอ็ดเวิร์ดที่ขมวดคิ้วไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายยังไง จากนั้นก็มองสีหน้าหนักใจของคนอื่น ๆ และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ช่วงเวลาวิกฤตนี้ ตัวเขาที่มีกล้ามอกใหญ่ที่สุดควรก้าวออกมาเพื่อทําลายทางตัน!
“ฮ่ม! สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า ตอนนี้เป็นของเทพเจ้าเราแล้ว!”
“นรก! เจ้ากําลังพยายามทําให้เราเป็นศัตรูกับเอลฟ์เรอะ!”
ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดมีดลงทันที
ต้องขอบคุณความผิดพลาดของโจ สถานการณ์ทั้งหมดจึงเปลี่ยนไปในทิศทางที่เลวร้าย ความเป็นปรปักษ์ของเอลฟ์ป่าปรากฏชัด ตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่ายเหมือนจะพุ่งเข้าใส่กันในเสี้ยววินาทีถัดไปได้ทุกเมื่อ
“เดี๋ยวก่อน รอเดี๋ยว…” เซฟาริมได้สติและพยายามหยุดการต่อสู้
อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ใบหน้าของบรอมฯเดย์สตาร์ ก็เห็นชัดว่าเอลฟ์ป่าไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาถูกมนุษย์เอาไป
ส่วนเอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ หลังจากกลายเป็นผู้เล่นมานาน พวกเขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่าโดยไม่ทําอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเอลฟ์เหล่านี้คงกลายเป็นอาหารเดรคไปแล้ว หากพวกเขาไม่ได้ช่วยเอาไว้!
แต่ท่ามกลางความขัดแย้งของพวกเขาจู่ ๆ ก็มีแสงสีฟ้าจาง ๆ ปรากฏขึ้นขั้นกลางระหว่างผู้เล่นและเอลฟ์ป่า จากนั้นก็มีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏออกมา
นั่นคือเอลฟ์ป่าที่ดูสง่างามกว่าเอลฟ์ตนอื่น ๆ แถมยังมีสัญลักษณ์เหมือนเปาบุ้นจิ้น มีปานรูปพระจันทร์ เสี้ยวบนหน้าผาก
“ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์!” บรอมเดย์สตาร์ดีใจที่ได้เห็นผู้มาใหม่ “ท่านมาพอดีเลย มนุษย์สารเลวพวกนั้นลักพาตัวเซฟาริม…”
เขาเป็นผู้ช่วยฝั่งเอลฟรี?
เอ็ดเวิร์ดมองขึ้นไปบนหัวผู้ที่มาใหม่อย่างรวดเร็ว
[ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์ เลเวล 59]
ชิ เราไม่มีทางชนะ!
“ตอนนี้เจ้าใช้ทักษะนั้นอีกครั้งได้ไหม” เอ็ดเวิร์ดกระซิบกับเจสสิก้าอย่างรวดเร็ว
การระเบิดที่สวยงามนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่การระเบิด ไม่มีแสงวาบสีขาวดําหรือเมฆรูปเห็ด มันเหมือนพวกเขาถูกตัดออกไปสู่อวกาศ และทําให้เดรคหายไปอยู่ในความว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่การโจมตีธรรมดา แต่เป็นการโจมตีที่ใกล้เคียงกับการทําลายล้างเชิงพื้นที่ หรือระดับความเสียหายของกฎ
พลังทําลายล้างระดับนั้นสามารถทําลายเดรคเลเวล 85 ได้ นับประสาอะไรกับผู้พิทักษ์ดวงจันทร์เลเวล 59
อย่างไรก็ตาม
“ไม่ ข้าใช้มันอีกไม่ได้…” เจสสิก้าตอบอย่างขมขื่น
ตอนแรกเธอเลเวล 42 แต่เลเวลของเธอตอนนี้กลับลดลงไปอยู่ที่เลเวล 18 หลังจากที่เธอใช้เซฟาริม และนั่นเป็นเพราะสมาชิกปาร์ตี้ของเธอแบ่งปัน EXP ให้กับเธอ ตอนนี้เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ก็เลเวลลดลงไป 2-3 ระดับเช่นกัน
โชคดีที่ EXP จากการเอาชนะเดรคและค่า EXP จากเควสทําให้เลเวลของเธอขึ้นมาอยู่ที่ 28 ในขณะที่คนอื่น ๆ เลเวลอัพหนึ่งครั้ง ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังห่างไกลจากสภาพเดิมแม้ว่าจะได้รับการชดเชยก็ตาม
ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ได้ผูกวิญญาณกับเซราฟิมไปแล้ว เจสสิก้ารู้ดีว่า EXP ของเธอตอนนี้ไม่เพียงพอสําหรับการโจมตีครั้งที่ 2
นั่นเป็นเพราะยิ่งผู้เล่นมีเลเวลสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมี EXP มากขึ้น และการฟาร์มเลเวลจาก 1 ไป 30 นั้นใช้เวลา น้อยกว่าการฟาร์มเลเวลจาก 30 ไป 40
นอกจากนี้เธอยังผูกวิญญาณไปแล้ว และตอนนี้เธอก็แบ่งปันค่าประสบการณ์ให้คนอื่นได้น้อยลง แถมยังเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยค่าประสบการณ์ของคนอื่นเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย ความจริงมันคุ้มกว่าที่พวกเขาจะตายที่นี่ และเสีย EXP มากสุดแค่ 30% ของระดับเลเวล…
“อย่ากลัวไปเลยมนุษย์ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าพวกเจ้า” ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์กล่าวอย่างสงบแทนที่จะโจมตี เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ “ราชินีเอลฟ์เพิ่งได้รับวิวรณ์จากเทพธิดาลูน่าเมื่อไม่นานมานี้ เธอปรารถนาจะให้กลุ่มของเจ้ามาเยือนเมืองทริเนียของเราในฐานะแขก”
“อะไร?!” บรอมเดย์สตาร์ จ้องไปที่ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์ด้วยความตกใจ “ปล่อยให้มนุษย์สกปรกเหล่านี้ เหยียบย่ําทริเนียรี? เป็นเวลากว่า 1,000 ปีแล้วที่ชาวต่างเผ่าคนสุดท้ายเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา!”
“นั่นคือการตัดสินใจขององค์ราชินี บุตรแห่งเดย์สตาร์ เจ้าไม่มีสิทธิ์ตั้งคําถาม” ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์ไม่ได้หยิ่ง แม้เขาจะมีเลเวลสูงกว่าบรอม 10 กว่าเลเวล แต่คําพูดของเขาฟังดูเย็นชายิ่ง “มันอาจจะเกี่ยวโยงกับวิวรณ์ของ เทพธิดาลูน่า และนั่นอยู่นอกเหนืออํานาจของเจ้า ตอนนี้โปรดหลีกทาง ข้าจะพาพวกเขาไปยังทริเนีย”
บรอม-เดย์สตาร์กัดฟันอย่างไม่เต็มใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็โค้งคํานับและวางฝ่ามือซ้ายไว้เหนือไหล่ขวา ซึ่งเป็นท่าต้อนรับแขกของเอลฟ์ ท้ายที่สุดพวกเขาก็เชื่อฟังคําสั่งของราชินีเอลฟ์ และหลีกทางให้ปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ด
มันน่าประหลาดใจมาก เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ เดินตามเอลฟ์ไป
จากนั้นเมื่อผู้พิทักษ์ดวงจันทร์เดินผ่านบรอม เขาก็กล่าวว่า “เวลาเปลี่ยนไปแล้ว บุตรแห่งเดย์สตาร์ เจ้าต้องปรับตัวให้เข้ากับกระแสของโลกนี้ ยอมแพ้ต่ออคติที่เน่าเฟะและคร่ําครีซะ เพราะนั้นจะทําให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์ของเราก้าวไปได้ไกลกว่าเดิมในยุคสมัยใหม่”
ตอนต่อไป →