ตอนที่ 270 ต้องเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 270 ต้องเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้

ตอนที่ 270 ต้องเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้

หลังจากได้ยินสิ่งที่ฟางจิ้นเป่าพูด ถังจวิ้นเฟิงและลู่เจิ้งอวี่ก็เห็นด้วย “เหมือนจริงด้วย”

“จริงสิ ทำไมนายถึงเอาแต่เรียกหล่อนว่าเซี่ยเซี่ย หมายความว่าไงกันแน่?” ถังจวิ้นเฟิงมองหน้าเขาแล้วถาม

“นายก็ด้วย เหล่าเฉิน แค่ฉันมองพี่สะใภ้นายยังแทบจะควักลูกตาฉันออกมา ทีเขาเรียกภรรยานายว่าเซี่ยเซี่ยอย่างสนิทสนม ทำไมนายไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับเขาบ้าง?”

เฉินเจียเหอจ้องจอทีวีเหมือนเช่นเคย ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา

ปล่อยให้พวกเขาสงสัยไปก่อนเถอะ เพราะถึงอย่างไรถ้าเรื่องนี้ถูกประกาศทีหลัง ย่อมสร้างความปั่นป่วนแน่นอน

เฉินเจียเหอเพิกเฉยต่อพวกเขา ฟางจิ้นเป่าก็เริ่มใช้จินตนาการของตัวเองอีกครั้ง

“บางทีเหล่าเซี่ยอาจจะแก่เกินไป ไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามต่อเจียเหอ ดังนั้นนายถึงไม่กังวลเกี่ยวกับเขาใช่ไหม?”

ลู่เจิ้งอวี่บอกว่า “ถึงพี่ไห่จะแก่แล้ว แต่เขายังดูไม่แก่เลยนะ”

เซี่ยไห่ส่ายหัวและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “น้องชายเจิ้งอวี่เป็นคนฉลาด พี่ชายคนนี้หน้าตาไม่แก่เลยจริง ๆ”

ลู่เจิ้งอวี่มองทัศนคติที่ไม่แยแสของเขา จากนั้นก็เตือนด้วยเสียงต่ำว่า “พี่ไห่ นายควรใส่ใจกับคำที่นายใช้เรียกน้องสะใภ้ของตัวเองหน่อย เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างนายกับพี่เฉิน”

“ได้ๆๆ ต่อไปฉันจะระวังคำพูดมากกว่านี้”

เซี่ยไห่หยิบไมโครโฟนแล้วยื่นให้พวกเขา “มา มาร้องเพลงกันเถอะ จะได้ทดสอบคุณภาพเสียงของลำโพงตัวนี้ด้วย”

วันนี้เป็นวันแรกที่ห้องเต้นรำเปิดทำการ ตกกลางคืน ทันทีที่หลอดไฟหน้าประตูเปิดสว่างจ้า บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นทันที หนุ่ม ๆ ที่เพิ่งเลิกงานจากโรงงานใกล้เคียงต่างมาร่วมสนุก ทำให้ธุรกิจเฟื่องฟูมาก

คนหนุ่มสาวเหล่านั้นที่ปกติไปทำงานโดยสวมชุดทำงานหลวม ๆ เพื่อให้ทะมัดทะแมงต่อการทำงานในระหว่างวัน หลังเลิกงาน ทุกคนก็เปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้าหัวแหลมทันสมัย และหวีผมอย่างพิถีพิถัน จากนั้นก็เข้าไปใช้บริการในห้องเต้นรำจนถึงดึกดื่น

ถังจวิ้นเฟิงต้องกลับไปที่หน่วยเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ก่อนออกเดินทาง เขาบอกเซี่ยไห่ด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตอนที่พวกนายสนุกกัน อย่าได้หาเรื่องทะเลาะวิวาทกันเชียว นายต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างพวกเราไร้ความปรานี แล้วไม่ต้องมาขอความเมตตาจากฉัน”บราวนี่ออนไลน์

“ฉันรู้แล้วว่านายไม่เห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง ที่นี่เป็นสถานเริงรมย์เพื่อความบันเทิงของทุกคน ฉันเองก็เป็นนักธุรกิจในหน้าที่ เราจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาดูแลแล้ว ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

เฉินเจียเหอทนเสียงดังอึกทึกไม่ได้จึงขอตัวจากไปพร้อมกับเพื่อน ๆ เซี่ยไห่กำชับกับลู่เจิ้งอวี่ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยหวังว่าเขาจะเปลี่ยนมาทำงานที่ห้องเต้นรำเพื่อติดตามเขา

“พี่ไห่ ฉันจะลองกลับไปคุยกับพ่อแม่ดู”

เช้าวันรุ่งขึ้น อาจารย์หวังจากร้านตัดผมของรัฐก็แวะมาที่ร้านตัดผมอีกครั้ง

เมื่อหลินเซี่ยเห็นเขา เธอก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ และชงชาให้เขาเป็นการส่วนตัว

อาจารย์หวังบอกว่า “เสี่ยวหลิน ฉันลองกลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับภรรยาแล้ว และสรุปได้ว่าจะลองย้ายมาทำงานที่ร้านของเธอ”

เงื่อนไขที่หลินเซี่ยเสนอให้เขานั้นน่าดึงดูดใจเกินไป เขาต้องการเงินเพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ หลายคนที่ยังเรียนไม่จบ อาจารย์หวังดูแล้วไม่เห็นความหวังที่จะอยู่ในร้านตัดผมของรัฐต่อไป เขาจึงกลับบ้านและปรึกษาเรื่องนี้กับภรรยา ซึ่งหล่อนก็สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ในการเปลี่ยนงาน

แผนการสำรองของพวกเขาก็คือใช้ร้านของหลินเซี่ยเป็นตัวลองตลาด ถ้าร้านค้าส่วนตัวสามารถรับประกันรายได้ได้จริง เขาก็สามารถลาออกไปเปิดร้านของตัวเองได้ในอนาคต ถึงยังไงเขาก็มีทักษะติดตัว และไม่กลัวอดตายไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน

“อาจารย์หวัง ขอบคุณที่ไว้วางใจฉันค่ะ” หลินเซี่ยยืนขึ้นและจับมือกับเขา “ยินดีต้อนรับเข้าร่วมทีมของเรา จากนี้ไปเราทุกคนจะทำงานร่วมกันอย่างเต็มความสามารถ เริ่มต้นครั้งใหม่”

อาจารย์หวังยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวหลิน เธอช่างเป็นสาวรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือร้นสูงจริงๆ การได้ร่วมงานกับเธอทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจมาก รอจนกว่าฉันจะจัดการทำเรื่องลาออกจากที่นั่นเสร็จก่อนนะ แล้วค่อยมาเริ่มทำงาน”

หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ค่ะ หวังว่าคุณจะมาร่วมงานกับเราในเร็ว ๆ นี้”

หลิวลี่ลี่ไม่มีอะไรทำตลอดทั้งวัน ดังนั้นดวงตาของหล่อนจึงมักจะมองจับผิดไปที่ร้านตัดผมฝั่งตรงข้ามโดยสัญชาตญาณ ทำให้ตอนนี้มองเห็นอาจารย์หวังเข้า

หล่อนกระซิบกับถังหลิงว่า “พี่สาวหลิง ดูสิ อาจารย์หวังจากร้านตัดผมของรัฐที่ฉันเคยทำงานด้วยมาที่ร้านของนังหลินเซี่ยด้วยแหละ”

“แล้วเธอจะไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับพวกเขา?” ถังหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะกำลังจัดเรียงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบนชั้นวาง

“ฉันเห็นเขามาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อน หลินเซี่ยคงกำลังไล่เชิญช่างเก่า ๆ ที่เคยทำงานในร้านตัดผมของรัฐล่ะมั้งคะ ก่อนหน้านี้หล่อนก็ดึงตัวชุนฟางมาได้”

เมื่อหลิวลี่ลี่พูดมาถึงตรงนี้ ถังหลิงก็มองไปที่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง

หลิวลี่ลี่เดินตามหล่อนต้อย ๆ แล้วพูดเสี้ยมสอดว่า “พี่สาวหลิง ฉันคิดว่าอาเสี่ยวเหมยพูดถูก ร้านของเราควรเพิ่มบริการตัดผมด้วย บริการเสริมความงามแค่อย่างเดียวไม่พอจะสู้กับร้านของหลินเซี่ยหรอก ดูพวกผู้หญิงบนถนนสิ พวกหล่อนสนใจแค่ดัดผมกับตัดผม ไม่ค่อยมีคนเต็มใจเข้ามาใช้บริการเสริมความงามของเราเลย ทุกคนที่มาที่นี่ต่างก็พุ่งตัวไปที่ร้านตัดผมทั้งนั้น เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะคะ”

“เธอตั้งใจฝึกงานของตัวเองต่อไปเถอะ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่น ๆ”

แม้ถังหลิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่คำพูดของหลิวลี่ลี่ก็มากพอจะสร้างแรงบันดาลใจให้หล่อนอยู่บ้าง

ว่าตามตรงแล้ว ธุรกิจของหล่อนไม่สามารถสู้หลินเซี่ยได้เลย

แต่เมื่อใดก็ตามที่รับสมัครช่างตัดผมและเปิดบริการทำผมเพิ่ม ร้านของพวกเธอทั้งสองจะกลายเป็นคู่แข่งกันโดยทันที

ร้านตัดผมของหลินเซี่ยมีฐานลูกค้าที่มั่นคง ทุกคนต่างก็รับรู้ในทักษะและฝีมือของเธอทั้งนั้น ต่อให้หล่อนเพิ่มบริการทำผมขึ้นมาก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าร้านของหล่อนจะมีฝีมือที่เหนือกว่าหลินเซี่ยหรือเปล่า ถ้าการแข่งขันทางธุรกิจเริ่มดุเดือด หล่อนกับหลินเซี่ยก็จะกลายเป็นศัตรูทางการค้ากันจริง ๆ

แล้วหล่อนกับเซี่ยไห่ก็คงจะไม่มีทางลงเอยกันแน่…

ฉะนั้นหล่อนต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ

ตอนเที่ยง ถังหลิงข้ามฝั่งไปที่ร้านตัดผม

หลินเซี่ยเพิ่งมีเวลาว่าง และตอนนี้ก็กำลังพักกินข้าวอยู่ โดยมีหลินจินซานเป็นคนจัดส่งอาหารกลางวันของวันนี้มาให้

ภายในห้องเต้นรำมีโซนห้องอาหารเล็ก ๆ ที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อเป็นสวัสดิการของพนักงาน

เนื่องจากเพิ่งเปิดได้ไม่นาน เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจ อาหารการกินของพนักงานจึงดูดีมากทีเดียว อาหารกลางวันวันนี้มีทั้งข้าวและหมูตุ๋น และเซี่ยไห่ก็ขอให้หลินจินซานแบ่งสองส่วนไปให้หลินเซี่ยและชุนฟางเป็นพิเศษ

ก่อนที่หลินจินซานจะจากไป เขาก็เหลือบไปเห็นว่าถังหลิงกำลังตรงมาทางนี้ จึงทักทายอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมตามมารยาท “เถ้าแก่เนี้ยถังนั่นเอง?”

“หัวหน้าหลิน วันนี้งานคุณไม่ยุ่งเหรอคะ?”

เมื่อได้ยินถังหลิงเรียกเขาว่าหัวหน้าหลิน หลินจินซานก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาทันที เขาเกลี่ยผมเรียบที่ตั้งใจจัดทรงเป็นพิเศษในตอนเช้า และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมแค่แวะมาส่งอาหารให้น้องสาว เดี๋ยวก็กลับไปทำงานแล้วครับ”

หลินเซี่ยกลัวว่าหลินจินซานจะปากพล่อย ดังนั้นจึงพูดว่า “พี่ชาย นายกลับไปทำงานต่อเถอะ”

“ได้ เธอก็อย่าลืมกินเยอะ ๆ ล่ะ เถ้าแก่เซี่ยบอกว่าเย็นนี้ถ้าเธอไม่อยากทำกับข้าว ก็ให้พาหู่จือมากินข้าวที่โรงอาหารของเราแทน บอกมาได้เลยว่าอยากกินอะไร ฉันจะไปบอกป้าแม่ครัวของโรงอาหารให้ หลังจากพวกเรากินข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านกัน”

หลินเซี่ยพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรากลับบ้านไปทำกับข้าวมื้อเย็นกันเอง”

ถังหลิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าเซี่ยไห่มีน้ำใจต่อหลินเซี่ยมากขนาดนี้ ถึงขนาดคอยดูแลเรื่องอาหารการกินของเธออย่างดี

ไม่ว่าเซี่ยไห่จะมีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรก็ตามที่ใจดีกับหลินเซี่ย หล่อนก็จะต้องเอาชนะผู้หญิงคนนี้ให้ได้

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เดี๋ยวรอเขาประกาศก่อนเถอะว่าเป็นอะไรกัน ยัยถังหล่อนนั่นแหละที่จะหนาว ศัตรูการค้าดันกลายเป็นญาติสนิทของชายที่หล่อนหมายปองงี้

ไหหม่า(海馬)