ตอนที่ 280 ความคิดอันอาจหาญ(1)

ตอนที่ 280 ความคิดอันอาจหาญ(1)

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเล็กก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย

“โรงพยาบาลปักกิ่งเหรอ? หรือว่าฉินมู่หลานป่วย?”

ชายคนนั้นส่ายหัวแล้วพูดว่า “ดูไม่เหมือนอย่างนั้นครับ เพราะมีหมอคนหนึ่งออกมาต้อนรับหล่อนกับผู้ชายอีกคนที่ไปพร้อมกันด้วย รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยธุระบางอย่าง”

ตอนนี้หญิงสาวยิ่งสับสนมากขึ้น

“พูดคุยธุระ? ฉินมู่หลานจะไปพูดคุยธุระอะไรที่โรงพยาบาลปักกิ่งได้”

“เรื่องนี้ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

หญิงสาวได้ยินเช่นนี้ ก็โบกมือให้ชายหนุ่มคนนั้น แล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ จับตาดูต่อไป”

“ครับ”

หลังจากชายคนนั้นไปแล้ว หญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ซึ่งหล่อนก็คือเซี่ยอวี่หรงนั่นเอง

ตั้งแต่ทราบว่าฉินมู่หลานได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเหมือนกัน หล่อนก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะนั่นหมายความว่าหล่อนกับฉินมู่หลานได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่โชคดีเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถอยู่นิดหน่อยด้วย ทำให้หล่อนรู้สึกถึงวิกฤต ดังนั้นนอกจากทางด้านเหรินหมานลี่แล้ว หล่อนยังให้คนของตัวเองคอยจับตาดูตระกูลเจี่ยงด้วย เพื่อคอยสืบข้อมูลข่าวสารของฉินมู่หลาน

แต่ฉินมู่หลานผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยชอบออกจากบ้าน ให้คนเฝ้าจับตาอยู่ตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อารมณ์ของเซี่ยอวี่หรงก็ดูย่ำแย่ลง หล่อนลุกขึ้นออกจากร้านเล็ก ๆ นี้ด้วยสีหน้าบูดบึ้งแล้วตรงกลับบ้านทันที แต่หลังจากกลับถึงบ้าน ก็พบว่าแม่อยู่ในห้องของตน

“แม่ มาหาฉันเหรอคะ?”

เติ้งซูหลานเห็นลูกสาวกลับมา ก็รีบเอ่ยถามทันที “แกให้คนสะกดรอยฉินมู่หลานเหรอ? เพราะอะไร?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยอวี่หรงก็เบิกตากว้าง ก่อนจะรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที “เปล่านะแม่ แม่ไปฟังใครเขาพูดมากันเหรอ ฉันจะให้คนสะกดรอยตามฉินมู่หลานไปทำไม”

เติ้งซูหลานปรายตามองลูกสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “แกไม่ต้องมาปฏิเสธ เสี่ยวหวังบอกแม่หมดแล้ว ว่าแกให้เขาจับตามองฉินมู่หลาน”

เซี่ยอวี่หรงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ดูไม่พอใจ

“เสี่ยวหวังทำอะไรเนี่ย ทำไมถึงเอาเรื่องนี้มาบอกแม่หมดเลย”

เติ้งซูหลานได้ยินแบบนี้ ก็ส่ายหัวแล้วพูด “เพราะแม่สังเกตได้ว่าช่วงนี้เสี่ยวหวังไม่ค่อยอยู่บ้าน ถึงได้ลองถามนิดหน่อย ไม่อยากจะคิดเลยว่าลูกให้เขาไปสะกดรอยตามคน อวี่หรง ถ้ามีคนจับสังเกตได้เข้าจะไม่ดีเอานะ ตอนนี้ฉินมู่หลานเป็นหลานสะใภ้ของนายท่านเหยา แล้วยังเป็นลูกบุญธรรมของเจี่ยงสือเหิงด้วย ถ้าเป็นไปได้ ลูกให้เสี่ยวหวังกลับมาเถอะ”

แต่เซี่ยอวี่หรงกลับไม่ยอมพยักหน้าเห็นด้วย แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังแทน “แม่ ฝั่งนั้นจับสังเกตไม่ได้หรอก”

เมื่อเห็นลูกสาวพูดแบบนี้ เติ้งซูหลานก็รู้ได้ทันทีว่าลูกสาวจะให้เสี่ยวหวังสะกดรอยตามคนต่อไป สีหน้าของหล่อนจึงมืดมนลง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อวี่หรง แกบอกแม่หน่อยสิว่าทำไมถึงต้องสะกดรอยตามฉินมู่หลาน แกอยากจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหล่อนเหรอ”

“ฉัน…”

เซี่ยอวี่หรงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

เติ้งซูหลานเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ จึงอดคาดเดาไม่ได้ “คงไม่ใช่เรื่องที่แม่บอกแกก่อนหน้านี้ใช่ไหม แกถึงได้ให้คนไปสะกดรอยตามฉินมู่หลาน จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเลย ตอนนี้ซูหว่านอี๋แต่งงานกับหนุ่มชนบทอีกทั้งยังมีลูกสาวแล้ว ไม่ต้องไปสนใจเรื่องหล่อนหรอก”

เซี่ยอวี่หรงได้ยินเช่นนี้ก็รู้ว่าแม่กำลังเข้าใจผิด แต่หล่อนไม่ได้อธิบายอะไรมาก ได้แต่เอ่ยพูดเพียงสองคำอย่างคลุมเครือ “แม่ ใส่ใจให้มากเอาไว้ย่อมดีเสมอ”

เติ้งซูหลานรู้จักลูกสาวของตนดี เมื่อได้ฟังคำพูดของลูกสาวจึงทราบได้ทันทีว่าตัวเองเข้าใจผิดไป และตอบสนองอย่างรวดเร็ว ตอนแรกลูกสาวไม่ได้ใส่ใจเรื่องของซูหว่านอี๋กับฉินมู่หลานเลย ดังนั้นหล่อนคงไม่ให้คนไปสะกดรอยตามฉินมู่หลานด้วยเหตุผลนี้อย่างแน่นอน แล้วหล่อนมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เติ้งซูหลานมองลูกสาวด้วยแววตาเฉียบคมก่อนจะเอ่ยถาม “แกบอกมา ว่าแกทำไปเพื่ออะไร?”

เมื่อเห็นผู้เป็นแม่กำลังซักไซ้ตนเอง อารมณ์ของเซี่ยอวี่หรงก็ยิ่งไม่สู้ดีมากขึ้น

หล่อนไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นตามตรง “เป็นเพราะฉันชอบเซี่ยเจ๋อหลี่ เห็นได้ชัดว่าฉันเป็นฝ่ายรู้จักเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อน แต่กลับเป็นฉินมู่หลานที่ได้แต่งงานกับเขา ฉันยอมรับไม่ได้ ฉันไม่พอใจ แล้วฉินมู่หลานยังจะสอบเข้ามหาลัยเดียวกับฉันได้อีกน ฉันเลยยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ถึงอยากหาโอกาสสั่งสอนบทเรียนให้ฉินมู่หลาน ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากทำให้ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่หย่ากันไปเลย”

“แก…”

เติ้งซูหลานได้ยินคำพูดของลูกสาว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

“แก…นี่แกไปตกหลุมรักผู้ชายที่แต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนั้นฉันบอกให้แกไปดูตัว แกกลับพูดจาคลุมเครือ แล้วที่บอกฉันตอนนั้นว่ามีคนที่ชอบแล้ว ก็คือเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นที่แกบอกว่าจะพยายามอย่างหนัก โดยจะทำลายชีวิตคู่ของเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลาน แล้วก็เข้าไปแทนที่เองอย่างนั้นเหรอ?”

เซี่ยอวี่หรงเห็นว่าตัวเองบอกทุกอย่างไปหมดแล้ว จึงทุบหม้อข้าว แล้วเอ่ยยอมรับตามตรง “ใช่ ฉันจะพยายามต่อไป หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานหย่ากัน ฉันก็จะมีโอกาส”

“แกหุบปากเดี๋ยวนี้”

ถึงแม้ว่าเติ้งซูหลานจะหวังอยากให้ลูกสาวได้แต่งงาน แต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวต้องแต่งกับชายหนุ่มที่เคยแต่งงานไปแล้ว จึงเอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่ได้ เรื่องนี้ฉันไม่เห็นด้วย ถึงแม้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานจะหย่ากัน แกก็จะไม่ได้แต่งกับเซี่ยเจ๋อหลี่ แกก็โตแล้ว มิตรสหายก็เยอะ ทำไมจะต้องรอแต่งกับผู้ชายที่หย่าร้างการแต่งเมียมาแล้วด้วย”

“แม่ ฉันชอบแค่เซี่ยเจ๋อหลี่ นอกจากเขา ฉันจะไม่แต่งงานกับใครอื่น”

“เพียะ….”

เติ้งซูหลานควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วตบเข้าที่ใบหน้าของลูกสาวไปหนึ่งที

“แม่ แม่ตบฉัน…”

เซี่ยอวี่หรงหันมองแม่ตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่คิดเลยว่าแม่จะโมโหขนาดนี้ แต่ความโกรธของหล่อนก็พุ่งขึ้นมาเช่นกัน ด้วยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด “แม่ ถึงแม้จะห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันรู้ว่าตัวเองจะพยายามไปได้ถึงจุดไหน แม่อย่าคิดห้ามเลย”

เมื่อพูดจบ หล่อนก็เตรียมหันหลังแล้วคิดจะเดินจากไป

เมื่อเห็นว่าลูกสาวกำลังจะจากไป เติ้งซูหลานก็รีบรั้งเธอเอาไว้ทันที ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “แต่งงานกับผู้ชายที่มีใจให้ผู้หญิงอื่น แกไม่มีความสุขหรอก”

“ใครบอก หลังจากฉินมู่หลานหย่ากับเซี่ยเจ๋อหลี่ หัวใจของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็จะไม่มีหล่อนอีกต่อไป”

“อวี่หรง แกคิดง่ายเกินไปแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานมีลูกแฝดด้วยกันแล้ว ต่อให้พวกเขาหย่ากันก็ตาม ทั้งสองก็ยังต้องช่วยดูแลลูก ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอะไรที่ตัดกันไม่ขาดหรอก แล้วแม่ก็เห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดีตอนที่ไปงานเลี้ยงฉลองที่บ้านตระกูลเหยา เซี่ยเจ๋อหลี่ชอบลูกเขามากถ้าพวกเขาอยากจะหย่า ก็คงหย่ากันนานแล้ว แล้วบอกได้เลยว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่มีทางลืมฉินมู่หลานแน่นอน”

“ไม่มีทาง…”

เซี่ยอวี่หรงปฏิเสธเรื่องนี้โดยที่ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ “ฉันรู้ว่าจะทำยังไงให้เซี่ยเจ๋อหลี่ชอบฉัน แล้วจะไม่คิดถึงฉินมู่หลานอีกต่อไป”

“เหอะ…ไม่รู้สิ พอหัวใจชายมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่แล้ว คงไม่ลืมไปได้ง่าย ๆ หรอก บางทีมันอาจจะกลายเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจของเขา”

เซี่ยอวี่หรงไม่สามารถทนฟังได้ และยืนกรานความคิดของตน

เติ้งซูหลานเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ ก็สะบัดมือหล่อนออกอย่างแรง แล้วเอ่ยพูด “ฉันมีตัวอย่างดี ๆ ให้แกเห็นเป็นแบบอย่าง อย่างพ่อแกตอนนี้ไง ในใจก็ยังคงคิดถึงแต่นังนั่นที่ตายไปตั้งนานแล้ว”

“แม่…”

เซี่ยอวี่หรงรู้สึกโกรธมากในตอนแรก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“เป็นไปได้ยังไง หัวใจพ่อมีใครกัน?”

เติ้งซูหลานเห็นว่าลูกสาวยอมเงียบปากลงในที่สุด ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าต้องเป็นซูหว่านอวี๋”

“ซูหว่านอวี๋?”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ถามพี่หลี่ก่อนยังว่ามีใจให้ไหม ยังไม่เคยเห็นต้นงิ้วล่ะสิ

ไหหม่า(海馬)