เช่นนั้นศิษย์พี่เจ้าสำนัก ไม่สิ ศิษย์พี่ฉางโซ่ว แสดงความเมตตาแก่ข้าก่อนหน้านี้สินะ
นับตั้งแต่วันแรกของการแข่งขันระหว่างศิษย์ของสำนักตู้เซียน จนเมื่อยอดเขาหยกน้อยโด่งดัง อ๋าวอี่ก็มีความคิดนั้นอยู่ในใจอย่างไม่อาจควบคุมได้
ในวันที่สิบหกของการแข่งขันระหว่างศิษย์ของสำนักตู้เซียน ขณะนี้ การต่อสู้เพื่อคัดออกจากศิษย์ผู้บำเพ็ญหนึ่งร้อยแปดคน ให้เหลือเพียงสามสิบหกคนที่จะเข้าสู่รอบต่อไปได้สิ้นสุดลงแล้ว
อ๋าวอี่ได้เห็นหลี่ฉางโซ่วต่อสู้มากกว่ายี่สิบครั้ง และหลังจากสังเกตอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตระหนักถึงคุณสมบัติ ‘พิเศษ’ บางอย่างของหลี่ฉางโซ่ว
หรือพูดอีกอย่างก็คือ คุณสมบัติที่โดดเด่นสุดๆ ของเขา
ประการแรกคือรากฐานของเขามั่นคง พลังศักดิ์สิทธิ์ของพี่ฉางโซ่วนั้นมากมายมหาศาลยิ่ง ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับผู้บำเพ็ญซึ่งครองขอบเขตพลังสูงกว่าเขาเล็กน้อย เขาก็สามารถอาศัยค่ายกลยันต์ ซึ่งใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเพื่อคว้าชัยในยามคับขันได้
ประการที่สองคือ หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายของพี่ฉางโซ่วนั้น ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับบรรดาศิษย์ คนอื่นๆ ของสำนักตู้เซียน…
แม้อ๋าวอี่จะไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด แต่เขาได้เห็นอักขระเต๋าลึกลับที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติในขณะที่ศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขาเข้าไปในดิน
เมื่อได้ประจักษ์ด้วยตาเช่นนี้ ช่างน่าชื่นชมและน่าประทับใจยิ่ง! สิ่งที่เขาทำนับว่าเป็นหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายที่แท้จริง ซึ่งต่างจากบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักตู้เซียนที่ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเช่นเดียวกัน…
โธ่ ของศิษย์อื่นๆ พวกนั้นอาจเรียกได้ว่า เป็นแค่เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ในการมุดลงไปใต้ดิน แต่พวกเขาขาดกลิ่นอายและรูปแบบเฉกเช่นพี่ฉางโซ่ว
มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พี่ฉางโซ่วได้รับเลือกจากท่านปรมาจารย์คนหนึ่งให้เป็นตัวแทนผู้รับมอบบุญซึ่งข้าไม่อาจหยั่งรู้ได้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา อ๋าวอี่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
การแข่งขันของสำนักตู้เซียนกำลังจะสิ้นสุดลง และวันรุ่งขึ้นก็น่าจะเป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย และเป็นวันสิ้นสุดซึ่งแขกผู้มาเยือนภายนอกเหล่านี้จะต้องจากไป
อ๋าวอี่เลือกจะติดตามคนอื่นๆ มาสำนักตู้เซียน เพราะเขาอยากหาโอกาสพูดคุยกับพี่ฉางโซ่วอย่างเห็นหน้ากันและกัน
แม้เมื่อไม่นานนี้ แม้เขาจะได้ฝึกฝนมาอย่างราบรื่น แต่เขาก็พบกับความพ่ายแพ้ในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขา…พวกเขาทั้งหมดเป็นมังกรหนุ่ม แล้วมีผู้ใดบ้างที่ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องความรักและความชัง
ในขณะนั้น อ๋าวอี่ไม่รู้ว่าเขาจะยังมีโอกาสได้สนทนาหารือเรื่องเต๋ากับพี่ฉางโซ่วของเขาในกระท่อมริมทะเลสาบในระหว่างการเดินทางมาสำนักตู้เซียนครั้งนี้อีกหรือไม่…
“เสี่ยวอี่?”
ทันใดนั้น มีเสียงร้องตะโกนเรียกดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า
อ๋าวอี่หยุดจมจ่อมในภวังค์แห่งความคิดของเขาทันทีและก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว แล้วไปยืนอยู่ข้างหลังนักพรตเต๋าร่างผอมบางพลางกระซิบว่า “ท่านอาจารย์ลุงฉิน ข้าอยู่นี่แล้วขอรับ”
ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า อาจารย์ลุงฉิน คือ ฉินหว่าน ผู้บำเพ็ญจากเกาะเต่าทอง
เขาเป็นศิษย์ในนามของ ปรมาจารย์จอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามปรมาจารย์แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่ เขาเข้าสู่เกาะเต่าทองก่อนหน้านี้ และเคยได้รับเทศนาเต๋าจากท่านจอมปราชญ์และได้รับความเจ็บปวดจากพี่ชายของเขา นอกจากนี้ เขายังมีชื่อเสียงในฐานะจอมกระบี่ในหมู่ผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองอีกด้วย
ย้อนกลับไปในสมัยนั้น สิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานได้เดินออกจากวังอวี่ซวีและเปิดตัวครั้งแรกในโลกบรรพกาล จากนั้นชื่อของพวกเขาก็เป็นที่รู้จักลือลั่นในมหาตรีสหัสโลกธาตุ ในขณะที่ผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองไม่ยอมแพ้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ก่อตั้งสิบจักรพรรดิสวรรค์ขึ้นมา
บัดนี้ชื่อเสียงของพวกเขาไม่เพิ่มขึ้น และลมปราณของพวกเขาก็ยังอ่อนกำลังลงไปอีกสองสามระดับในขณะที่ระดับการฝึกฝนของพวกเขาก็ไม่อาจเทียบได้กับทั้งสิบสองเซียนจิน…แต่ก็นับได้ว่า สิบจักรพรรดิสวรรค์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและทรงพลังในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย!
ฉินหว่าน เป็นผู้นำของสิบจักรพรรดิสวรรค์
เขามีขอบเขตพลังสูง เก่งกาจในการเล่นแร่แปรธาตุและมีทักษะในการสร้างค่ายกล ทั้งยังมีสหายมากมายและค่อนข้างมีชื่อเสียงในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
จุดประสงค์ของฉินหว่านที่มาสำนักตู้เซียนในครั้งนี้ คือการพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองไม่มีความตั้งใจที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่พวกเขามาก่อน
ข้าควรจะแสดงเจตจำนงเป็นมิตรและความปรารถนาดีของเกาะเต่าทองอย่างไรดี
ฉินหว่านได้เตรียมของขวัญเพื่อเป็นรางวัลสำหรับศิษย์สามอันดับแรกสำนักตู้เซียน
แต่ฉินหว่านก็รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ
ดังนั้น ฉินหว่านจึงทักทายอ๋าวอี่ที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “การแข่งขันภายในสำนักครั้งใหญ่ของสำนักตู้เซียนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว เจ้าและหานจื่อ ไม่ได้บอกว่ามีสหายสนิทอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ไปหาสหายของเจ้าและขอให้พวกเขามาหาสิ ข้าจะมอบโอสถบางอย่างให้พวกเขา…ข้าไม่อยากให้คนอื่นกล่าวได้ว่าผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองนั้นไม่รู้มารยาท”
อ๋าวอี่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง โปรดรอสักครู่ขอรับ ข้าจะไปขอให้ผู้บริหารของสำนักตู้เซียนช่วยพาพวกเขาขึ้นมาขอรับ…หานจื่อ เจ้าอยากไปกับข้าหรือไม่”
หานจื่อ เด็กสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หันศีรษะมาแล้วพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับตอบรับด้วยรอยยิ้ม
อ๋าวอี่อยากขับเคลื่อนเมฆก้อนเดียวกันกับนาง แต่หานจื่อกลับถอยหลังไปครึ่งก้าวและทำท่าเชิญให้อ๋าวอี่ขับเคลื่อนเมฆไปก่อน ขณะที่นางตามเขาไป
ดวงตาของอ๋าวอี่พลันเปลี่ยนเป็นความหม่นหมองเล็กน้อยในขณะที่เขาและหานจื่อต่างก็บินออกไปจากแท่นหยกทีละคน
ในขณะนั้น ฉินหว่านเห็นทุกอย่างแล้วส่ายศีรษะพร้อมเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่เอ่ยวาจาใด…
บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์มักชอบทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้
เมื่ออ๋าวอี่และหานจื่อได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนอย่างราบรื่นแล้ว พวกเขาก็มาพร้อมกับ จิ่วอู ผู้ดูแลระดับบริหารที่เคยดูแลอ๋าวอี่มาก่อน จากนั้น พวกเขาก็บินไปที่หุบเขาเพื่อพบกับหลี่ฉางโซ่ว
อ๋าวอี่กล่าวว่า “พี่ฉางโซ่ว ท่านอาจารย์ลุงฉินของข้าอยากขอพบท่านขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มเล็กน้อย
หากไม่เป็นเพราะว่า เขาใช้เวทวายุวัจน์เพื่อเฝ้าสังเกตสถานการณ์และสภาพแวดล้อมต่างๆ ของเขาอย่างเงียบๆ และด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้ว่าเซียนจินจากเกาะเต่าทองต้องการให้รางวัลแก่เขา ในเวลานั้น เขายังคิดว่าเขาคงถูกเปิดเผยหลังจากได้ยินสิ่งที่อ๋าวอี่กล่าว
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกอับจนหนทาง
เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างกะทันหันของหลิงเอ๋อร์ และความจริงที่ว่า ขอบเขตพลังที่แท้จริงของนางถูกเปิดเผยออกมาโดยบังเอิญ จึงทำให้คู่หูจากยอดเขาหยกน้อยได้รับความสนใจอย่างยิ่งยวด
ครั้นเมื่อ ‘ความเป็นที่นิยม’ ของพวกเขาลดลงในที่สุด อ๋าวอี่และหานจื่อก็ยังจะเข้ามาเกี่ยวข้องอีกครั้ง…
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ล้วนจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยความสงสัยไม่หยุด!
ในขณะนั้น เขาไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
แต่บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและจงใจถามออกไปว่า “พี่อี่ รู้หรือไม่ว่า เหตุใดท่านอาจารย์ลุงของเจ้าถึงอยากพบข้า”
“นี่…”
อ๋าวอี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า ท่านอาจารย์ลุงของเขาเพียงอยากให้รางวัลแก่หลี่ฉางโซ่วเท่านั้น
ชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พบข้อแก้ตัวที่ค่อนข้างเหมาะสมในการปฏิเสธคำเชิญ จากนั้นก็มองไปที่ท่านอาจารย์อาน้อย และศิษย์น้องหญิงน้อย ผู้ใจดีและไร้เดียงสาทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ เขา…
หลังจากนั้นไม่นาน หานจื่อก็พาหลิงเอ๋อร์และจิ่วจิ่วไปหาฉินหว่านร่วมกับจิ่วอูเพื่อรับรางวัล ขณะที่จิ่วอูซึ่งอยู่ด้านข้างมีท่าทางอึดอัดใจ
เขาคิดว่า ศิษย์หลานฉางโซ่วมีอันใดผิดปกติไป เขาไม่สนใจแม้แต่รางวัลที่เซียนจินจะมอบให้…
ในเวลานี้ ฉินหว่านเผยรอยยิ้มใจดีออกมาบนใบหน้าของเขาขณะหยิบโอสถเซียนสองสามขวดออกมาแล้วมอบให้แก่หลิงเอ๋อร์ และจิ่วจิ่ว จากนั้นจึงกล่าวให้กำลังใจในฐานะผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองเพื่อแสดงไมตรีและมีน้ำใจ
ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน