ตอนที่ 451 เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ตอนที่ 452 เขาเป็นตัวอะไร

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 451 เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ

“เจ้ารู้อยู่แก่ใจข้าก็วางใจแล้ว เมื่อครู่ข้าเพิ่งเดินไปดูทางด้านที่ดินดอนมารอบหนึ่ง ใบถั่วที่ระตามผิวหน้าดินเป็นสีเหลืองใกล้จะร่วงโรยแล้ว อาศัยช่วงเวลานี้เก็บเกี่ยวไปด้วยในคราวเดียวเสียเลย มิเช่นนั้นหากเกิดพายุลมพัดแรงและฝนตกหนัก ใบก็จะร่วงหมดเกลี้ยง ฝักถั่วก็จะเน่าเสีย พานให้เสียผลเก็บเกี่ยวไปเปล่าๆ” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงพยักหน้า

ซ่งเหล่าเกินเป็นชาวนาเก่าแก่ มีความสามารถพร้อมกลเม็ดในด้านการเพาะปลูกอย่างยิ่ง

ถั่วที่ว่านี้…ไม่เหมือนในภพชาติก่อนที่กินถั่วเขียวเป็นเสียส่วนมาก ณ ที่นี้ น้อยคนนักจะกินถั่วที่เป็นสีเขียว

ในสายตาชาวบ้าน นั่นคือสิ่งที่ยังไม่แก่เต็มที่ หากเอามาทำอาหารกินก็จะจัดเป็นธัญพืชที่สร้างความประหลาดใจเอาได้ ชาวบ้านจะเก็บก็ต่อเมื่อใบของมันเหลืองและร่วงแล้วเท่านั้น ถั่วจะแห้งกำลังพอดี ตอนวางเก็บไว้ก็จะไม่เน่าเสียโดยง่าย

และพวกเขาก็ไม่ใช่ว่าจะกินแต่เมล็ดถั่วเท่านั้น เถาวัลย์ถั่วนี้ก็ต้องเอามาตากแดดด้วยเช่นกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะนำมาใช้แทนฟืนเผาไฟ หากบ้านใครปล่อยเถาวัลย์ถั่วไว้ที่พื้นจนเน่าเสีย หัวหน้าหมู่บ้านจะมาพูดคุยด้วยถึงที่อย่างแน่นอน และทั่วทั้งหมู่บ้านก็จะต่อว่าคนผู้นั้นว่าไม่เอาไหนด้วย

ซ่งอิงแม้ว่าไม่ขาดแคลนเงินเพื่อหาซื้อฟืน แต่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ต้องรู้จักเห็นคุณค่าข้าวแต่ละเมล็ด ธัญพืชแต่ละเมล็ด และเถาวัลย์แต่ละเส้น จะทำมั่วซั่วไม่ได้

กระทั่งเก็บสิ่งที่อยู่ในที่ดินเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เป็นฤดูหนาวก็จะปล่อยให้ที่ดินว่างเปล่าไม่ได้เช่นกัน

พืชฤดูหนาวอย่างข้าวสาลี กะหล่ำปลี หัวไชเท้าและผักคาวทองล้วนต้องเอามาปลูกไว้ เมื่อถึงปีหน้าก็จะได้มีกิน

ในที่ดินดอนเหล่านั้นของซ่งอิงยังมีมันเทศที่ต้องเก็บเกี่ยวก่อนหิมะตก และที่ดินที่นางซื้อเอาไว้เหล่านี้ พวกมันฝรั่งถูกเก็บไปเรียบร้อยตั้งแต่เดือนหกเดือนเจ็ดแล้ว ต่อมาก็ปลูกของอย่างอื่นเอาไว้แล้ว

โดยสรุปคือ ยามถึงฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็ไม่มีเวลาให้ว่างงานเลย

ทางด้านซ่งอิงนี้ แม้ว่ามีหนิวต้าลี่คอยช่วยงาน แต่ตัวซ่งอิงเองก็ไม่ได้หยุดพักเช่นเดียวกัน เดิมทีวันนี้ผู้เฒ่าซ่งตั้งใจมาช่วยงานนาง ดังนั้นยามนี้จึงให้หนิวต้าลี่ไถพรวนหน้าดินไป ส่วนเขาไปลานตากข้าวนำรวงข้าวไปตีข้าว

หลังตีข้าวเรียบร้อยจึงได้เห็นว่าปริมาณผลผลิตในปีนี้เป็นเช่นไร

หลังจากทำงานร่วมกับซ่งอิง ผู้เฒ่าซ่งจึงได้ค้นพบว่าหลานสาวคนนี้เรี่ยวแรงไม่น้อยเลยจริงๆ

แล้วยังมีต้าไป๋ตัวนั้น ช่างเป็นลาดีตัวหนึ่งโดยแท้ ใช้งานได้ดีกว่าล่อและวัวเสียด้วยซ้ำ

ตอนที่ตีข้าว จำเป็นต้องให้ต้าไป๋ลากอุปกรณ์กลิ้งบดข้าวเปลือกเพื่อขจัดคราบดินที่ติดตามเปลือกข้าวด้วยเช่นกัน รวงข้าวเป็นมัดๆ แต่เมื่ออยู่ในมือซ่งอิงกลับดูเหมือนปุยเมฆที่บางเบาอย่างไรอย่างนั้น ช่างเป็นอะไรที่ชวนให้ซ่งเหล่าเกินตระหนกตกใจไม่เบา

สองวันนี้พวกเขาจึงยุ่งอยู่กับเก็บเกี่ยวและตากธัญพืช

หลังจากเมล็ดข้าวทั้งหมดถูกตีหลุดออกจากรวงเกลี้ยงเกลาแล้ว เรื่องที่ทำให้ซ่งเหล่าเกินยิ่งเสียสติไปกันใหญ่ก็มาเยือน!

“ไม่ธรรมดาเลย ปีนี้ได้ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวมากมายจริงๆ! ก่อนหน้านี้ก็พอมองออกว่ารวงข้าวสมบูรณ์ดี แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้น้ำหนักมากกว่าที่ผ่านๆ มาเพียงนี้!” ซ่งเหล่าเกินลูบข้าวเปลือก ใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น

ซ่งอิงมีนาข้าวสิบเอ็ดหมู่ ตอนนี้ให้ผลผลิตประมาณห้าสิบกว่าตั้น[1]

คำนวณดูแล้ว หนึ่งหมู่ให้ผลผลิตมากถึงห้าตั้นสินะ?

ซ่งเหล่าเกินค่อนข้างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ตอนที่กำลังรู้สึกเหนือความคาดหมาย ถึงขั้นตบหน้าตัวเองไปหนึ่งทีเบาๆ ก่อนจะค้นพบว่าไม่ได้ฝันไปจริงๆ

“ปีนี้…น้ำท่าบริบูรณ์…ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนี่?” ผู้เฒ่าซ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะหลุดคำพูดออกมา

ซ่งอิงตามจริงไม่ได้รู้สึกว่ามากมายแต่อย่างใด ข้าวเปลือกหนึ่งตั้นนี้ น้ำหนักประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบจินโดยประมาณกระมัง ห้าสิบสามตั้นก็เป็นน้ำหนักหกพันสามร้อยกว่าจิน เฉลี่ยที่ดินแต่ละหมู่ก็คือห้าร้อยเจ็ดสิบกว่าจิน…

เมื่อคำนวณมาถึงตรงนี้ ซ่งอิงก็นิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นพลันเข้าใจว่าทำไมผู้เฒ่าซ่งจึงสติกระเจิดกระเจิงถึงขั้นตบหน้าตัวเอง

นี่สูงกว่าระดับการทำเทือกสวนไร่นาของยุคก่อนราชวงศ์ต้าติ้งไปมากทีเดียว ทว่าหมู่บ้านซิ่งฮวาที่ดินอุดมสมบูรณ์ ตราบใดที่ไม่ใช่ปีที่เกิดภัยแล้ง ผลการเก็บเกี่ยวพืชผลในแถบเมืองยงล้วนจัดอยู่ในระดับกลางๆ ทั้งนั้น ซึ่งจะให้ผลผลิตประมาณเกือบๆ สี่ร้อยจินต่อหมู่

แต่ของนาง คำนวณแล้วเป็นจำนวนมากถึงห้าร้อยกว่าจิน?

เช่นนั้นก็ไม่แปลกที่ผู้เฒ่าซ่งจะตื่นเต้น

เพียงแต่ซ่งอิงรู้ดีแก่ใจ ปริมาณผลผลิตของนางมาก นั่นเป็นเพราะน้ำผ่านจิต ทุกเมล็ดข้าวเปลือกอวบอิ่มเต็มเปลือก ในที่นาของบ้านอื่นๆ แม้ว่ามีปีศาจกบเขียวช่วยเฝ้าดูให้ด้วย แต่ผลผลิตที่ได้ก็ไม่ห่างจากปกติได้สักเท่าไร

ตอนที่ 452 เขาเป็นตัวอะไร

“ท่านปู่ ที่ดินข้านั้นทำเลดี ผลผลิตสูงหน่อยก็ไม่เห็นจะแปลกเลยสักนิด ท่านอย่าตื่นเต้นไปเลย” ซ่งอิงกลัวว่าผู้เฒ่าซ่งจะดีใจจนหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งไป

ซ่งเหล่าเกินระงับความตกตะลึงระคนดีใจที่อยู่ในใจเอาไว้ไม่ได้ และไม่สนใจซ่งอิงแล้วเช่นกัน เร่งรีบไปสอบถามทีละบ้านยกใหญ่

คนบ้านอื่นทำงานกันช้า ยามนี้เก็บข้าวเปลือกไปได้เท่าไรก็ยังไม่รู้แน่ชัด

ผู้เฒ่าซ่งถึงขั้นนอนหลับไม่สนิท รอคอยอยู่อีกสองสามวัน

หลังสองสามวันผ่านไป ไม่ต้องให้เขาถามไถ่มากมาย แต่ละครัวเรือนในหมู่บ้านล้วนยินดีปรีดากันแทบทั้งหมด โดยเฉพาะผู้อาวุโสในครอบครัว ยิ้มแก้มปริจนใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่น รู้สึกถึงความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้

“เอ้อร์ยา จริงอย่างที่เจ้าว่า ผลเก็บเกี่ยวของบ้านคนอื่นแม้ไม่ได้มากกว่าปกติเช่นที่ดินเจ้า แต่ทว่าคำนวณของปีนี้ดูแล้วก็นับว่าไม่แย่เลย! อย่างต่ำก็ได้ข้าวเปลือกกันสามถึงห้าตั้นต่อหนึ่งหมู่ นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…ปีนี้จะเป็นปีที่ได้สุขสบายหน่อยเสียที!” ด้วยเหตุนี้ซ่งเหล่าเกินรู้สึกปลื้มใจมาก แววตาที่มองซ่งอิง คล้ายว่าอยากจะชมเชยว่านางโชคดี

ไม่เห็นว่านางจะยุ่งอยู่กับการดูแลไร่นาสักเท่าไร แต่กลับได้ผลผลิตมากมายเพียงนี้ จะเห็นได้ว่าที่ดินที่ซื้อไว้ดีจริงๆ!

ซ่งอิงลองคิดคำนวณดูครู่หนึ่ง ที่ดินของบ้านอื่น…ปริมาณโดยเฉลี่ยสี่ร้อยยี่สิบกว่าจินต่อหมู่กระมัง ค่อยยังชั่ว ไม่ถือว่าเกินจริงไปแต่อย่างใด

ทว่าชาวชนบทจริงๆ แล้วก็ทำเงินได้ไม่มากไปสักเท่าไร

ข้าวสารที่มากมายขนาดนี้ ขายได้ในราคาถูกๆ

ข้าวใหม่จะแพงกว่าข้าวเก่าหน่อย ราคาที่รับซื้อค่อนข้างสูงกว่ากันเล็กน้อย แต่ราคาสินค้าของยุคราชวงศ์ต้าติ้งคงที่ยิ่ง โดยเฉพาะสองสามปีมานี้น้ำท่าบริบูรณ์ ราคาข้าวก็ถูก ครอบครัวชาวนาจึงทำเงินได้ไม่มากนัก

ก็อย่างเช่นข้าวจำนวนห้าสิบสามตั้นของซ่งอิง

แต่ละตั้นขายได้สามร้อยห้าสิบหกสิบอีแปะ ด้วยจำนวนที่ดินสิบเอ็ดหมู่ คาดว่าจะได้เงินประมาณสิบเก้าตำลึงเงิน แต่ต้องหักภาษีอีกน่ะสิ!

ผู้คนจำนวนมากอาศัยรายรับจากการทำนาเท่านั้น นอกจากภาษีที่เยอะแยะมากมายไปหมดที่ต้องหัก ยังมีค่ากินดื่มของตนเองอีกด้วย เหลือจริงๆ จึงไม่มากเท่าไร แล้วนับประสาอะไรกับปริมาณข้าวสารธัญพืชซ่งอิงสูง ขณะที่ของบ้านอื่นน้อยกว่าหน่อย…

ซ่งเหล่าเกินไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของซ่งอิง ในขณะนี้เขาไปเฉลิมฉลองกับเหล่าผู้อาวุโสที่ทรงคุณธรรมและบารมีสูงส่งด้วยกันแล้ว

ทางด้านซ่งอิงนี้ หนิวต้าลี่รู้สึกเบื่อหน่าย

“พี่สาว ไหนท่านว่ายังจะมีคนหาข้าไปทำงานเล่า! พวกเขายินยอมทำด้วยตัวเองแทนที่จะจ่ายเงินจ้างข้ากันทั้งนั้น ข้าให้ในราคาถูกแสนถูก ลดมาถึงสามอีแปะแล้วก็ยังไม่มีคนต้องการ!” หนิวต้าลี่ถอนหายใจ

หลายวันมานี้ ไม่มีรายรับอื่นเข้ามาเลย

ซ่งอิงอดลอบสุขใจไม่ได้

คนอื่นเขาทุ่มเงินได้ปานนางเช่นนี้ที่ไหนกันเล่า

เงินที่หามาได้อย่างยากลำบาก เมื่อถึงตอนเก็บเกี่ยว ย่อมต้องยืดหยัดด้วยตนเองต่อไปอีกสักตั้ง

จ้างคนมาช่วยงาน? นั่นเป็นเรื่องไม่เอาไหน

“จริงสิพี่สาว บ้านเรา…” หนิวต้าลี่อยากถามตั้งนานแล้ว “น้องหลินบ้านเรา…ถูกปีศาจสิงร่างแล้วใช่หรือไม่”

“…” ซ่งอิงเงยหน้ามองนาง แววตาท่อประกายใสแจ๋ว

หนิวต้าลี่เกาหัวอย่างหงุดหงิดใจ “พี่สาว หากข้าพูด…ท่านอย่ากลัวเชียวนะ”

“คือว่า…ข้ารู้สึกว่าน้องหลินอาจมีบางอย่างผิดปกติ” หนิวต้าลี่ขยับจมูกสูดดม และดูวิตกกังวลอย่างยิ่ง “เมื่อวานทั้งที่ข้าอยู่ในบ้านและเพิ่งเห็นเขา แต่ยามที่ข้าไปถึงลานตากข้าว เขากลับไปอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน! พูดอย่างถูกต้อง ข้า ข้ามองเห็นเขาโผล่ออกมาจากดินกับตาตัวเอง…”

ทว่าตอนนั้นนางไม่กล้าส่งเสียง

ซ่งอิงเบิกตาเล็กน้อย “จริงหรือ”

“น่าจะ…เป็นความจริงกระมัง…” หนิวต้าลี่ลังเลเล็กน้อย “แต่ทว่าบางที…อาจเป็นข้าที่มองผิดไปแล้ว?”

นางพูดความจริงปานนี้ พี่สาวน่าจะเศร้าเสียใจมากเพียงใดนะ?

มีลูกแค่คนเดียว แต่กลับถูกปีศาจเข้าสิงแล้ว?

“ปีศาจสิงอยู่กับร่างมนุษย์ได้ด้วยหรือ” ซ่งอิงเอ่ยถามลอยๆ

“น่าจะเป็นไปไม่ได้กระมัง ปีศาจในนิทานปรัมปราเท่านั้นแหละจึงจะทำเช่นนั้นได้…” หนิวต้าลี่ตอบไปเรื่อยเปื่อย เมื่อพูดจบก็มองซ่งอิงอย่างตกตะลึง “เช่นนั้น เช่นนั้น…เขา เขาเป็นตัวอะไร…”

———————————————

[1] ตั้น (石) เป็นหน่วยชั่งน้ำหนักจีนโบราณ โดย 1 ตั้น = 120 จิน (1 จิน = 500กรัม )