บทที่ 262 ประกาศฉุกเฉิน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 262 ประกาศฉุกเฉิน

ตั้งแต่ปี 2017 ไป๋เยี่ยก็ได้มาสนามบินบ่อยเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่แล้วก็มาเพื่อพบปะผู้คน

แต่ถึงกระนั้น วันนี้ไป๋เยี่ยกลับตื่นเต้นมากที่จะได้ไปสนามบิน ว่ากันตามตรง ระยะเวลาครึ่งปีไม่ได้ยาวนานมากนัก ทว่าตอนนี้ไป๋เยี่ยกลับเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งประสบความสำเร็จและกำลังรอคำชมเชยจากพ่อแม่ไม่มีผิด

ไป๋เยี่ยนั่งรออย่างกระวนกระวายใจ

บางครั้งไป๋เยี่ยก็คิดว่าไม่ว่าตนจะทำประโยชน์หรือทำเรื่องสะเทือนโลกไปมากมายเพียงใด ต่อหน้าพ่อแม่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง หากวันหนึ่งฟ้าถล่มดินทลายก็ยังมีพ่อแม่คอยเคียงข้างเสมอ

ผู้คนเริ่มทยอยเดินออกมา ไป๋เยี่ยและเหล่าเกาจึงลุกขึ้นยืนรอ

แม้แต่เหล่าเกายังแอบพึมพำกับตนเอง พ่อแม่ของเจ้าไป๋เยี่ยเป็นเทพจากไหนมาจุติกันน้อ ถึงเลี้ยงเขามาได้ขนาดนี้

ไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เยี่ยก็สังเกตเห็นเถ้าแก่ไป๋สวมเสื้อโค้ทและแว่นกันแดดเดินลากกระเป๋ามา ข้างๆ มีคุณนายหูที่แต่งตัวดูดีเหมือนสตรีสูงศักดิ์ ทว่าเมื่อไป๋เยี่ยเลื่อนสายตาไปที่ไป๋หลิงเขาก็ต้องตกตะลึงไป

เจ้าเด็กนี่…

เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวเหรอ

ตอนนี้ไป๋หลิงสลัดความเป็นเด็กเมื่อครึ่งปีที่แล้วทิ้งไปหมดแล้ว เธอดูเหมือนกับดาราไม่มีผิด แม้แต่แว่นกันแดดขนาดใหญ่เท่าครึ่งหน้าก็ยังไม่อาจบดบังออร่าของเธอได้ การแต่งตัวของเธอก็ดูมีภูมิฐานสมกับที่คุณนายหูเลี้ยงดูมา

ไป๋เยี่ยคลี่ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นทักทายพวกเขา

ทันทีที่ไป๋ตงหลินและสองแม่ลูกเห็นไป๋เยี่ย พวกเขาก็เดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อเหล่าเกาเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามา เขาก็ตะลึงงันไปครู่หนี่ง สามคนนี้เดินไปไหนก็สะกดทุกสายตาจริงๆ! ทำเอาเหล่าเกาเผลอคิดไปเองว่า หรือนี่คือตระกูลลับในตำนานหรือเปล่านะ

เหล่าไป๋คีบบุหรี่ออกมาจากซองแล้วยื่นให้เหล่าเกา “รบกวนคุณแล้วที่ต้องมาถึงที่นี่”

เหล่าเกาเห็นบุหรี่จงหวาในมือก็ค่อยๆ คลี่ยิ้ม “เป็นหน้าที่ของผมครับ”

พูดจบเหล่าเกาก็ช่วยคุณนายหูยกกระเป๋าขึ้นรถ

ระหว่างที่นั่งรถ จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็ถามขึ้น “แม่ ทำไมปีนี้ถึงมาฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งเหรอ”

หูไฉ่อวิ๋นเหลือบมองไป๋ตงหลิน “พ่ออยากมาคุยกับเถ้าแก่คนหนึ่งเรื่องราคาน่ะ เผื่อว่าจะได้ราคาดีๆ บ้าง”

ไป๋ตงหลินค่อยๆ เผยยิ้ม “ตอนที่พ่ออยู่ที่ปักกิ่ง พ่อมีเพื่อนเก่าอยู่สองสามคนที่ฉันไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ก็เลยแวะมารวมตัวกันหน่อยน่ะ”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไป๋เยี่ยก็เปิดประตูพลางคลี่ยิ้ม “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน~”

ไป๋หลิงยิ้มร่าเริง “พี่ชาย ทำไมถึงแต่งบ้านเหมือนที่บ้านเราเลย”

จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็ตระหนักได้ว่า มิน่าล่ะทำไมก่อนหน้านี้ถึงรู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ ที่แท้เราก็แต่งบ้านตามแบบบ้านเก่าเรานี่เอง

เย็นวันนั้น ทั้งครอบครัวไม่ได้ออกไปรับประทานอาหารเย็นนอกบ้าน แต่ไปซื้อวัตถุดิบมากมายจากตลาดผักใกล้ชุมชนและเริ่มทำอาหาร

ฝีมือการทำอาหารของเถ้าแก่ไป๋ยังคงเป็นเลิศ ทั้งครอบครัวต่างสนุกสนานไปกับการเตรียมพร้อมสำหรับงานปีใหม่

ในตอนกลางคืน ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายแปลกๆ

ทันทีที่เขารับสาย อีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมาทันที

ไป๋เยี่ยผงะไปครู่หนึ่ง อะไรเนี่ย

“เสี่ยวเยี่ย วันนี้มีเรื่องมาแจ้งล่วงหน้าน่ะ กลางคืนจะมีงานมอบรางวัล มีชื่อของคุณด้วยนะ เตรียมตัวมาให้ดีล่ะ เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้มาหาทีสิ จะได้บอกรายละเอียดให้ฟัง”

ไป๋เยี่ยนิ่งงันไปครู่หนึ่ง “หมายความว่าไงครับลุงจาง”

ไป๋เยี่ยเข้าใจแล้ว นี่เป็นการสร้างเครดิตให้ตนเองชัดๆ!

คนในสายพูดต่อ “จริงด้วย ได้ยินมาว่าครอบครัวของคุณก็กลับมาที่จีนแล้ว ผมมีตั๋วงานกาล่าด้วย พวกคุณเอาไปสิ ขอให้มีความสุขกับปีใหม่นะ!”

ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็มีความสุข เขาสุขใจยิ่งกว่าตอนอยู่บนเวทีเสียอีก เมื่อสิบปีที่แล้ว เถ้าแก่ไป๋ก็เคยพาเขาไปดูงานกาล่าเหมือนกัน

ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาเองก็พาทั้งครอบครัวไปงานกาล่าได้ ไป๋เยี่ยจึงรีบเอ่ยปากตอบอีกฝ่าย “ขอบคุณมากเลยครับลุงจาง ฮ่าๆ! ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”

ปีนี้ดูเหมือนความสุขจะมาถึงเร็วนิดหน่อยแฮะ~

ปีนี้ที่ปักกิ่งมีหิมะตกหนักผิดปกติ ปีก่อนๆ มีหิมะตกเพียงปีละหนึ่งหรือสองครั้ง แต่ปีนี้กลับมีหิมะตกหลายครั้ง ตอนนี้ด้านนอกมีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา ต่างจากภายใจบ้านที่อบอวลไปด้วยความสุข

ทั้งครอบครัวพูดคุยกันเยอะมากจนกระทั่งตีสองตีสามถึงแยกย้ายกันไปนอน

เมื่อไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวใหญ่แพร่สะพัดทำเอาผู้คนสะเทือนขวัญไปทั่วโลก

เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ริกเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา!

ข่าวนี้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในอาการช็อกอย่างไม่ต้องสงสัย เมียนมามีสภาพอากาศแบบมรสุมเขตร้อน แต่ปีนี้สภาพอากาศแปรปรวนทำให้มีหิมะตกหนักในประเทศน่าท่องเที่ยวแห่งนี้

เมื่อวานมีทั้งข่าวและโพสต์บนอินเทอร์เน็ตว่าเมียนมาเพิ่งจะเปิดตัวแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวใหม่ในปีนี้ โดยมีการเพิ่มฉากหิมะตกลงไปด้วย

ทั้งครอบครัวที่นั่งกินข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะต่างพากันเงียบ

เสียงผู้ประกาศข่าวจากในโทรทัศน์ดังแทรกมาเรื่อยๆ “ข่าวด่วน เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ริกเตอร์เมื่อเวลาสี่นาฬิกาที่ประเทศเมียนมาซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศจีน ปัจจุบันยังไม่มีการสรุปยอดผู้เสียชีวิต โปรดติดตามข่าวจากนักข่าวภาคสนามสำหรับข้อมูลโดยละเอียด”

ทันใดนั้นภาพก็ตัดไป กลายเป็นภาพเมืองที่ถูกแผ่นดินไหวทำลายล้างปรากฏขึ้นต่อหน้าแทน

ที่นี่คือเมียนมาสินะ

เป็นประเทศที่งดงามดั่งเทพนิยาย ว่ากันว่าทุกเมืองนั้นถูกสรรค์สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน

เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ประเทศเมียนมามีประชากรรวมๆ แล้วไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านคน ทัศนียภาพและสภาพอากาศของที่นั่นดีมาก ถือเป็นสถานที่ที่สวยงามและมีเสน่ห์มาก

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่เมืองขนาดกลางในประเทศเมียนมา

สภาพปัจจุบันดูไม่เหมือนเมืองเลยแม้สักนิด แต่เหมือนกับผืนดินที่เพิ่งผ่านปืนใหญ่ยามสงครามมามากกว่า

แม้ว่าในประเทศจีนจะไม่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติประเภทนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกยินดีเลย

ประเทศเมียนมามีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศจีนมาโดยตลอด เป็นประเทศพันธมิตรและกลมเกลียวกัน

กล่าวได้ว่าเมียนมาคือสหรัฐอเมริกาแห่งเอเชีย ที่นี่คนหลายเชื้อชาติ มีความเชื่อและภาษาที่แตกต่างกัน แม้ว่าภาษาราชการจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็มีประชากรจำนวนมากพูดภาษาจีนได้

นักข่าวภาคสนามเริ่มรายงาน “ที่แห่งนี้เป็นเมืองเล็กๆ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจริงๆ สำหรับเมืองเล็กๆ แห่งนี้แล้วนี่คงเปรียบเสมือนการสังหารหมู่ครั้งใหญ่อย่างไม่น่าแปลกใจเลย”

“ปัจจุบันยังสรุปยอดผู้เสียชีวิตไม่ได้ แต่โดยคร่าวๆ ยอดผู้เสียชีวิตได้ทะลุห้าหลักไปแล้ว ถึงแม้ว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุด แผ่นดินไหวนั้นรุนแรงจน…ทั้งการคมนาคม การสื่อสาร การประปาและการไฟฟ้าขัดข้อง…”

เมื่อเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงตรง จู่ๆ โรงพยาบาลผู่เจ๋อก็ออกประกาศให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉิน

ไป๋เยี่ยตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแล้วออกเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที