บทที่ 234 การสอบเซี่ยนชื่อ
ภายในโรงเตี๊ยม
จั๋วชูยืนกรานที่จะนอนบนพื้น ต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ยไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงขอให้เสี่ยวเอ้อร์นำผ้านวมและเสื่อมาเพิ่มให้ ตอนนี้มีที่บังแดดบังฝนและมีผ้านวมไว้ห่ม ทำให้จั๋วชูมีความสุขมาก
เด็กหนุ่มไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของเว่ยจื่ออั๋งกับสวี่เจวี๋ย เขาหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราในทันที
ในเวลาเดียวกันต้าเป่านอนไม่หลับ เขาลืมตาโพลง เด็กหนุ่มคิดถึงเรื่องพรุ่งนี้ เขาไม่รู้ว่าการทดสอบเซี่ยนชื่อนั้นจะยากเพียงใด เขาจะสามารถทำข้อสอบได้ไหม? เพราะความไม่รู้ต้าเป่าจึงไม่สบายใจ
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง ต้าเป่าหันหน้าสบตากับสวี่เจวี๋ยที่นอนไม่หลับเช่นกัน
“ไม่ต้องคิดมาก”
“นอนเถอะ”
สวี่เจวี๋ยพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ต้าเป่าพยักหน้าก่อนจะหันหลังให้หลับไปในที่สุด
ในห้องข้าง ๆ นั้นเอง ถังหลี่เองก็นอนไม่หลับ เพราะวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบของต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาคือว่าที่เสนาบดีใหญ่ในวันข้างหน้า แต่ถังหลี่ยังอดกังวลไม่ได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หญิงสาวสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
คงจะเป็นความฟุ้งซ่านห่วงใยตามประสาคนเป็นมารดา ไม่นานนักถังหลี่ก็หลับไป
หญิงสาวนอนหลับไม่สนิท นางฝันร้าย..อีกครั้ง
หญิงสาวฝันว่าในวันสอบเด็กทั้งสองคนท้องไส้ปั่นป่วนทำให้ได้สอบแค่เพียงครึ่งแรกเท่านั้น และพลาดในส่วนที่เหลือไปจนหมด และเนื่องจากได้ทำข้อสอบแค่ช่วงแรก คะแนนของพวกเขาจึงอยู่ระดับล่างทันที นักเรียนที่เข้าสอบด้วยกันต่างพาหัวเราะเยาะ
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเด็กทั้งคู่
พวกเขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกด้อยกว่าทุกคน
ทั้งคู่ไม่กล้าออกไปเจอใครเอาแต่เก็บตัวเงียบ ความหวังของอาจารย์กัวที่ว่าศิษย์ของสำนักหงเหวินจะได้เป็นสามอันดับแรกกลายเป็นเรื่องตลกไปในพริบตา อาจารย์กัวตกใจมาก
ถังหลี่ระงับความกังวลของตัวเอง แล้วคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี ? นางเข้าใจกฎกติกาของการสอบจากปากของจั๋วชู พวกเขาต้องกินและดื่มให้น้อยลงเพราะศิษย์ที่มาสอบทั้งหมดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน
ในตอนเที่ยงจะมีคนนำอาหารเข้าไปให้ เด็ก ๆ มีอาการท้องร่วงในตอนบ่าย ถังหลี่จึงไม่คิดว่าจะเป็นเพราะอาหารเช้า
อาหารเช้าทั้งหมดนางเป็นคนเลือกซื้อเอง ย่อมสะอาดอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงมื้อเที่ยงล่ะ?
ในช่วงมือเที่ยง สถานที่สอบจะเป็นผู้เตรียมอาหารให้กับผู้เข้าสอบ ในความเป็นจริงแล้วอาหารในสนามสอบไม่น่าจะเป็นปัญหาได้ แต่อย่างไรก็ดีก็อาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
ในการสอบครั้งนี้ไม่สามารถส่งอาหารจากข้างนอกเข้าไปได้ หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วถังหลี่ทำได้แต่เพียงให้เด็ก ๆ กินนให้มากขึ้นในตอนเช้า และออกมากินอาหารอีกครั้งหลังเวลาสอบ แต่ว่าความหิวอาจจะส่งผลเสียต่อการทำข้อสอบได้…แต่ก็ดีกว่าพลาดการสอบในครึ่งหลัง!
ถังหลี่ออกไปซื้อซาลาเปามาหลายอัน
นางซื้อซาลาเปาและขนมงา ทั้งสองอย่างนี้เป็นอาหารที่มีไส้ด้านใน เมื่อหญิงสาวกลับไปที่โรงเตี๊ยมเด็ก ๆ ก็ตื่นขึ้นแล้วถังหลี่เรียกพวกเขาพร้อมกับจั๋วชูมาหา
“ข้าซื้อมื้อเช้ามาให้ กินให้เต็มที่ในตอนเช้า แต่ในตอนเที่ยงห้ามกินอาหารที่ทางสถานที่สอบจัดมาให้อย่างเด็ดขาด”
ถังหลี่พูดเตือน
แม้ต้าเป่าจะงุนงงว่าเหตุใดมารดาจึงพูดเตือนเช่นนั้น แต่เขาคิดว่าสิ่งที่ท่านแม่ทำนั้นย่อมมีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงทำตามคำพูดของถังหลี่ทันที
“ขอรับท่านแม่” ต้าเป่าหยิบซาลาเปานึ่งไปทาน
สวี่เจวี๋ยพยักหน้าเขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพี่สาวของเขารู้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าพี่สาวรู้…นางรู้ได้อย่างไร?
สวี่เจวี๋ยไม่ใส่ใจเขาทานซาลาเปาให้มาก ๆ ตามคำสั่งที่ถังหลี่บอกทันที
จั๋วชูเอาแต่นิ่งเงียบไม่ตอบรับ ไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีแต่เป็นเพราะความละอายใจ ตอนนี้เขาได้นอนในโรงเตี๊ยมก็ดีมากแล้ว หากยังรับของกินจากนางอีก…
“คุณชายจั๋ว ซาลาเปาพวกนี้ราคาไม่แพงนัก สองชิ้นแค่หกอีแปะเท่านั้น คิดเสียว่าข้าให้เจ้ายืมเงิน สุภาพบุรุษก็เป็นคนเช่นกัน หากหิวก็ต้องกิน ตราบใดที่สามารถจ่ายเงินคืนได้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร”
ถังหลี่พูดกับเขา จั๋วชูจึงได้กล้ารับซาลาเปาไปกิน
แม้ว่านางจะบอกว่าให้ยืม จั๋วชูก็ยังรู้สึกประทับใจในความห่วงใยของมารดาต้าเป่า เขาไม่ได้สัมผัสอารมณ์ของความห่วงใยเช่นนี้มานานนับปีแล้ว แต่ก่อนที่เขามาสอบจั๋วชูได้แต่หิ้วท้องรอไปกินข้าวเที่ยงในสนามสอบแทน
เด็กหนุ่มกินซาลาเปาและพบว่ามันอร่อยมาก
“จั๋วชู ถ้าเป็นไปได้เจ้าอย่ากินอาหารในห้องสอบตอนเที่ยงนะ” ถังหลี่บอกเขาไปตรงๆ
ในความฝันนั้นจั๋วชูเองก็โดนวางยาเช่นกัน หญิงสาวทำได้เพียงเตือนเขาเท่านั้น สุดท้ายแล้วจั๋วชูจะเลือกฟังหรือไม่นั้นก็แล้วแต่เขาจะตัดสินใจ
จั๋วชูอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการสอบครั้งล่าสุดของเขาที่จู่เกิดปวดท้องขึ้นมาอย่างกระะทันหัน หลังจากที่กินอาหารในห้องสอบ หรืออาจจะเป็น….
“หลังจากเข้าห้องสอบแล้ว อย่าตื่นเต้นล่ะ” ถังหลี่ลูบหัวต้าเป่าเบา ๆ
ต้าเป่าไถหัวน้อย ๆ เข้ากับมือของถังหลี่ ในขณะนั้นเองสวี่เจวี๋ยก็ยื่นหัวเข้ามาหวังว่าพี่สาวจะลูบหัวเขาเช่นกัน
จั๋วชูมองพวกเขาด้วยความอิจฉา
หลังจากที่ทานซาลาเปาเสร็จเด็กทั้งสามเตรียมตัวจะเข้าห้องสอบ
ทางด้านซานเป่าและเอ้อร์เป่า พวกเขาได้ตกลงนัดแนะกันไว้ในตอนกลางคืนแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปส่งทั้งสองคนที่สนามสอบด้วย!
พวกเขาทั้งหมดจึงพากันเดินมาจนถึงสำนักศึกษาเหอตง
ห้องสอบยังไม่เปิด ที่ด้านนอกมีศิษย์จำนวนมากมารออยู่ บางคนมาพร้อมกับผู้ปกครอง บางคนอ่านตำรา บางคนก็นั่งท่องจำ ผิดกับสวี่เจวี๋ยและต้าเป่า พวกเขาไม่อ่านตำราอะไรเลย ต้าเป่าหลับตาทำตัวให้มีสมาธิ สวี่เจวี๋ยเองก็ทำแบบต้าเป่าเช่นกัน
ในตอนแรกนั้นจั๋วชูตั้งใจว่าจะอ่านตำราเพิ่มอีกสักหน่อย แต่ยามที่เห็นเด็กทั้งสองคนทำแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่อ่านหนังสือต่อ หลับตาและตั้งใจรวบรวมสมาธิเช่นกัน
และแล้วก่อนสอบหนึ่งชั่วยามประตูห้องสอบก็เปิดออก นักเรียนทั้งหลายต่างทยอยเข้าไปทีละคน
หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่เดินเข้าห้องสอบไป
ที่ด้านนอกล้วนมีแต่ผู้ปกครองที่พากันวิตกกังวล พวกเขาต่างฝากความหวังไว้ที่บุตรหลาน ในยุคสมัยนี้การศึกษาสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของคน ๆ หนึ่งได้ หากเขาสอบผ่านความสำเร็จและชื่อเสียงจะตามมาเอง การศึกษาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก
การสอบเซี่ยนชื่อในครั้งนี้เป็นบททดสอบแรกในเส้นทางของเหล่าบัณฑิต ผู้ปกครองด้านนอกเต็มไปด้วยความคาดหวัง ว่าบุตรของตนจะได้คะแนนลำดับที่ดีในการสอบครั้งนี้
ถังหลี่ไม่ได้ยืนรออยู่หน้าประตูห้องสอบเหมือนกับผู้ปกครองคนอื่น
การทดสอบในหนึ่งวันของพวกเขานั้นกินเวลานานถึงสี่ชั่วยาม ถังหลี่พาลูกเล็กทั้งสองคนมาด้วย นางสามารถรอพวกเขาได้ แต่เด็กน้อยทั้งสองคนคงรออย่างสงบไม่ไหวอย่างแน่นอน
“พวกเราไปนั่งรอสวี่เจวี๋ยกับพี่ใหญ่ดีไหม?”
ไม่ไกลจากตรงนั้นบังเอิญมีโรงน้ำชาแห่งหนึ่งตั้งอยู่ สภาพภายนอกดูดีและเงียบสงบ
ถังหลี่พาเด็กทั้งสองขึ้นบันไดไป เมื่อเข้าไปในร้าน นางจึงพบว่าภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่คับคั่งหลากหลายผิดจากที่เห็นจากภายนอกมากนัก
“แม่นางต้องการชาแบบใดหรือ?” เสี่ยวเอ้อร์ถาม
ถังหลี่อยากได้ห้องที่สะอาดแต่ถูกเอ้อร์เป่ารั้งไว้
“ท่านแม่ พวกเรามาฟังเรื่องราวกันเถอะ?”
เอ้อร์เป่าชอบสถานที่แบบนี้ ที่ ๆ ผู้คนจะพูดคุยกันเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จิปาถะ
หญิงสาวบีบแก้มของบุตรชายเบา ๆ ก่อนจะตามใจเขา นางขอโต๊ะสั่งชาและขนมมากินน ถังหลี่มองไปที่ประตูสำนักศึกษาอธิษฐานในใจว่าอย่าได้มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนในความฝันของนางเลย