บทที่ 229 พิสูจน์ตัวเอง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ซูอันรู้สึกงงงวย นี่เจ้าโทษข้าสำหรับเรื่องนี้ได้ยังไง?

เมื่อเห็นได้ชัดว่าการปรองดองกันมันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วแน่นอน ดังนั้นซูอันจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้เพื่อรีดคะแนนความโกรธให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “จริงๆ แล้ว การกินเก้าอี้ไม้แบบนี้ไม่ได้ยากขนาดนั้น เจ้าสามารถเอามันไปแช่น้ำไว้สองสามวันเพื่อให้มันนิ่มกว่าเดิมก่อนที่จะเอาไปเคี้ยว หรือไม่เจ้ายังสามารถเอามันไปบดให้ละเอียดและผสมกับน้ำเพื่อดื่มกินก็ได้ แต่ถ้าหากเจ้าพบว่ามันไม่มีรสชาติ เจ้าสามารถเอามันไปชุบแป้งและผงเครื่องเทศและทอดกรอบเพื่อนำมากินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ บางทีท้ายที่สุดเจ้าอาจติดใจในรสชาติของเก้าอี้ไม้ก็ได้!”

“…” หงซิงอิง

“…” ฉู่จงเทียน

“…” ฉินหว่านหรู

นี่มันบ้าอะไรกัน! ใครในโลกนี้มันจะบ้าสรรหาวิธีการกินเก้าอี้ให้อร่อยกันบ้าง!

ฉินหว่านหรูแสดงสีหน้าหงุดหงิดทันที “เด็กๆ นำผู้บาดเจ็บกลับไปที่คฤหาสน์เดี๋ยวนี้!”

นางกังวลว่าความขัดแย้งอาจยิ่งรุนแรงขึ้นหากทั้งสองคนยังคงอยู่ใกล้กัน ดังนั้นนางจึงแยกพวกเขาจากกันอย่างรวดเร็ว

ซูอันมองไปที่คะแนนความโกรธที่ไหลเข้ามาด้วยรอยยิ้มเป็นสุข โอ้ ข้าคิดว่าข้าควรจะหยุดเอาไว้แค่นี้ก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าข้าทำลายหงซิงอิงในตอนนี้ อนาคตข้าคงจะหาเหยื่อที่ง่ายแบบนี้ได้ยาก

หลังจากที่หงซิงอิงถูกพาตัวออกไปในฐานะ ‘ผู้บาดเจ็บ’ สมาชิกที่เหลือของตระกูลฉู่ก็รีบเก็บข้าวของและกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ด้วย

เมื่อพวกเขากลับไปถึงคฤหาสน์ ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูพลันสั่งให้คนอื่นรออยู่ข้างนอกและเรียกซูอันเข้าไปในห้องหนังสือตามลำพังทันที

ทุกคนต่างคิดกันไปในทิศทางเดียวกันว่าหลังจากนี้สถานะของซูอันจะต้องสูงขึ้นเป็นอย่างมากแน่นอน และนั่นทำให้พวกเขาเริ่มคิดหาวิธีว่าจะใช้ทางไหนดีในการใกล้ชิดเพื่อเอาใจซูอัน ส่วนคนที่เคยรังแกซูอัน พวกเขาต่างก็ยิ่งปวดหัวหนักเพราะหลังจากนี้พวกเขาต้องทำทุกทางเพื่ออย่างน้อยๆ ซูอัน จะได้ให้อภัยพวกเขา

ในห้องหนังสือ ทันทีที่ประตูปิด ซูอันก็หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่และพูดว่า “ที่จริงแล้วพวกท่านไม่ต้องขอบคุณอะไรข้ามากหรอก ไม่ว่ายังไงชูเหยียนก็เป็นภรรยาของข้า ข้าแค่ทำตามหน้าที่ของข้าก็แค่นั้น แต่ถ้าพวกท่านจะยืนกรานขอบคุณข้าจริงๆ ให้ได้ล่ะก็ ข้าคงต้องการแค่เพียงเงินรางวัล 100,000 ตำลึงเงินก็พอ หรือถ้าพวกท่านคิดว่าจำนวนนี้มันน้อยไปกับผลงานของข้า พวกท่านจะแถมสาวใช้แสนสวยให้ข้าสักคนข้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”

“…” ฉู่จงเทียน

“…” ฉินหว่านหรู

“…” ฉู่ชูเหยียน

“ฝันไปเถอะ!!” ฉินหว่านหรูตบโต๊ะ สีหน้าทนไม่ไหวแล้วถามออกมาเสียงดัง “พูดมา! ใครส่งเจ้ามาที่นี่!?”

คำพูดของซูอันทำให้ฉู่จงเทียนนิ่งงันเช่นกัน

ต้องกล้าขนาดไหนถึงกล้าเอ่ยขอสาวใช้แสนสวยต่อหน้าพ่อตาแม่ยาย? เจ้าคิดว่าเราจะจ้างสาวใช้แสนสวยมาเป็นหนามยอกอกลูกสาวเรางั้นเหรอ? ไม่มีพ่อแม่แบบไหนในโลกที่จะทำแบบนั้นแน่!

ยิ่งไปกว่านั้นขนาดตัวข้าเองก่อนหน้านี้เคยขอสาวใช้สวยๆ ไปสองสามคน แต่ท้ายที่สุดจนป่านนี้ข้ายังไม่มีสักคนเลยเจ้าไม่เห็นรึไง?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉู่จงเทียนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางภรรยาของเขา

ซูอันตกใจกับคำถามของฉินหว่านหรูเช่นกัน คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกกันได้ก่อนที่จะถามกลับ “พวกท่านไม่ควรจะหาข้ออ้างหลบเลี่ยงไม่ให้รางวัลข้าทั้งๆ ที่ข้าเพิ่งสร้างผลงานใหญ่ให้กับตระกูลของพวกท่านเช่นนี้”

“…” ฉินหว่านหรู

ในที่สุดฉู่ชูเหยียนก็พูดขึ้น “เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้อีกงั้นเหรอ? เราอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเจ้า! เจ้ามีจุดประสงค์อะไรที่เข้ามาแทรกซึมในตระกูลฉู่ของเรา! แค่ก แค่ก!”

หลังจากพูดจบ ฉู่ชูเหยียนก็เริ่มไออย่างรุนแรง และนั่นทำให้ฉู่จงเทียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อาการบาดเจ็บของเจ้าดูแย่กว่าที่พ่อคาดไว้ซะอีก!”

“อาการบาดเจ็บของข้าตอนนี้ยังไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่กว่าที่จำเป็นต้องสะสาง!” ฉู่ชูเหยียนส่ายหัวก่อนจะหันกลับไปมองที่ซูอัน

“ข้าแทรกซึมเข้ามาในตระกูลฉู่?” ซูอันอุทานขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าเป็นคนเลือกข้าให้แต่งงานกับเจ้าไม่ใช่รึไง?”

แก้มของของฉู่ชูเหยียนแดงขึ้นทันที จากนั้นนางตอบกลับอย่างอึกๆ อักๆ “ก…ก็…ตอนนั้นข้าแค่…อยากได้ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ทะเยอทะยานและเจ้าก็…เข้าเกณฑ์ข้าพอดี…ผู้คนต่างร่ำลือกันว่าเจ้าไม่เอาไหน…แต่ที่ไหนได้เจ้ากลับปิดบังความสามารถของเจ้ามาโดยตลอด!”

ฉินหว่านหรูเอ่ยขึ้นเสริมเช่นกัน “ถูกต้อง! เจ้าพยายามปกปิดตัวเองอย่างแนบเนียนว่าเจ้าไร้ความสามารถเพื่อทำให้เราตายใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่เจ้าทำแบบนั้นเจ้าจะต้องมีแผนใหญ่บางอย่างอยู่ในหัวของเจ้าแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังสามารถปกปิดประวัติของตัวเองจากการตรวจสอบของพวกข้าได้ด้วย ซึ่งนั่นมันหมายถึงอย่างเดียวก็คือเจ้าจะต้องมีกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่ และถ้าไม่ใช่ฝ่ายจักรพรรดินีก็ต้องเป็นฝ่ายของราชันฉี!”

ในที่สุดซูอันก็เข้าใจว่าทำไมสามพ่อแม่ลูกถึงโกรธนัก เขาถอนหายใจก่อนจะตอบว่า “เฮ้อ…ท่านแม่ยายเอาแบบนี้ งั้นท่านเดามาหน่อยว่าข้าถูกส่งมาที่นี่โดยใคร?”

“หุบปาก! อย่าเรียกข้าว่าแม่ยาย!” ฉินหว่านหรูตวาดขึ้นอย่างโกรธจัด “ถ้าให้ข้าเดาเจ้าจะต้องมาจาก…เอ่อ…”

เมื่อพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ฉินหว่านหรูก็หยุดนิ่ง นางเพิ่งตระหนักได้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของซูอันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มใดๆ ก็ตามที่นางเพิ่งเอ่ยออกไปเลย

“หากข้ามีเจตนาร้ายในใจจริงๆ ทำไมข้าถึงเสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวเองเพื่อช่วยตระกูลฉู่ชนะงานประลองระหว่างตระกูล? พวกท่านเองก็น่าจะรู้ดีว่าการประลองปีนี้เบื้องลึกจริงๆ ของมันไม่ชอบมาพากลขนาดไหน!” ซูอันกล่าวเสริม

“ฮึ่ม! อาจเป็นเพราะว่าจนถึงตอนนี้เจ้าเห็นว่าตระกูลฉู่ของเรายังไม่เห็นคุณค่าในตัวเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงต้องการสร้างชื่อให้ตัวเองเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเรา ในขณะเดียวกันเจ้ายังจะได้ร่วมเตียงกับชูเหยียน… แค่ก แค่ก”

ไม่มีทางที่นางจะไม่สังเกตเห็นว่าลูกสาวและลูกเขยของนางยังไม่ได้นอนอยู่ในห้องเดียวกัน

“ก็ได้ งั้นให้ข้าพูดอีกแบบก็แล้วกัน ถ้าข้ามาจากฝ่ายจักรพรรดินี ทำไมข้าถึงต้องขัดแย้งกับตระกูลซือ และทำไมเสวี่ยเอ๋อร์ที่พยายามอย่างหนักกว่าจะได้มาแฝงกายอยู่ข้างชูเหยียนจะต้องยอมแลกกับการเปิดเผยตัวเองเพื่อเอาชีวิตข้าด้วย?” ซูอันอธิบายขึ้น “และถ้าข้ามาจากฝ่ายของราชันฉี… โอ้ ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสอยู่ที่นี่”

ฉินหว่านหรูเยาะเย้ยด้วยสีหน้าเย็นชา “เป็นไงล่ะจนมุมแล้วล่ะสิ?”

อย่างไรก็ตาม ซูอันจะแพ้ในการโต้เถียงได้อย่างไร เขาปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วและนึกถึงแนวคิดหนึ่ง “จริงๆ แล้วมีวิธีง่ายๆ ในการพิสูจน์ว่าข้าไม่เกี่ยวข้องกับราชันฉี”

“เจ้าตั้งใจจะพิสูจน์อย่างไร?” ฉู่ชูเหยียนถามกลับ

จิตใต้สำนึกของนางหวังว่าซูอันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิทธิพลทั้งหลาย นางไม่คิดว่านางรักซูอัน แต่เพียงว่านางคุ้นเคยกับการอยู่กับเขาแล้ว และถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะแตกต่างจากที่นางอยากให้เป็น นางก็อยากจะขอเลือกเขามากกว่าการที่นางต้องไปหาคนอื่นต่อ

ซูอันชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “ก็แบบนี้ยังไงล่ะ! ข้าขอแช่งให้ลูกชายของราชันฉีไม่มีรูก้นและลูกสาวทั้งหมดของเขาจะต้องกลายเป็นภรรยาน้อยของข้า! เอาล่ะ ตอนนี้พวกท่านคงคิดไม่ได้แล้วว่าข้ามาจากฝ่ายของราชันฉีจริงไหม?”

สีหน้าของฉินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสยดสยองทันทีในขณะที่ฉู่ชูเหยียนแสดงสีหน้าโง่งม

ฉู่จงเทียนโพล่งออกมาอย่างโกรธเคือง “เจ้าพูดคำแบบนั้นออกมาดังๆ ได้ยังไง! ถ้าคนของราชันฉีได้ยินเข้าและเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของเขา เขาจะต้องส่งคนมาฆ่าเจ้าในทันที!”

ซูอันหัวเราะอย่างขบขันและตอบกลับ “นี่แสดงอย่างชัดเจนแล้วว่าข้าไม่มีความสัมพันธ์กับราชันฉีถูกต้องไหม? เอาล่ะตอนนี้พวกท่านเชื่อใจข้าได้แล้วใช่ไหม?”

“แม้ว่าเจ้าจะไม่เกี่ยวข้องกับราชันฉี แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะยืนยันได้ว่าเจ้าไม่ได้มาจากฝ่ายจักรพรรดินี!” ฉินหว่านหรูเอ่ยขึ้น “ใครจะรู้? เจ้าอาจแค่เล่นละครกับซือคุนและคนอื่นๆ เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากเรา!”

“อ่า…ถ้างั้นข้าคงต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อหักล้างคำพูดของท่านอีกแล้วสินะ?” ซูอันยกมือขึ้นชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าและเริ่มสบถอีกครั้ง “ในอนาคตข้าจะทำให้จักรพรรดินีกลายเป็นเมี…”

ฉู่จงเทียนรีบพุ่งตัวเอามือปิดปากของซูอันทันที “พอแล้ว! พอแล้ว! เจ้าไม่ควรพูดถึงจักรพรรดินีแบบนั้นแม้ว่านางจะไม่ได้ยินเจ้าก็ตาม! เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าถ้าเจ้ายังคงเอ่ยคำพูดแบบไม่ยั้งคิดเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ อนาคตของเจ้าจะพบกับจุดจบก่อนวัยอันควร!”

ซูอันรู้สึกเย้ยหยันกับคำพูดของฉู่จงเทียน ขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวังก็แล้วกัน ข้าเชื่อว่าปากของข้าเนี่ยแหละจะเป็นสิ่งที่ทำให้ข้ารุ่งโรจน์!