ตอนที่ 266 วิธีมีถมเถไป
วันต่อมา ตื่นนอนท่ามกลางขุนเขา
หลังจากลู่หันซูตื่นนอนก็ไม่เห็นอาจารย์กับศิษย์พี่ตัวเองตามที่คาดไว้ แต่เมื่อคืนบอกกล่าวกันไว้แล้ว เธอจึงไม่ร้อนใจ
หลังจากแปรงฟันด้วยน้ำดื่มเสร็จ เธอก็ยืดเส้นยืดสายอยู่แถวๆ เต็นท์
หากว่ากันตามเหตุผล เดิมทีวันนี้ควรจะเหนื่อยมาก แต่เธอไม่มีอาการอ่อนเพลียเลยสักนิด เพราะเมื่อวานหลังอาหารเย็นอาจารย์ให้เธอกินยาไปหนึ่งเม็ด ช่วยฟื้นฟูกำลังและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
มีแค่เธอคนเดียวที่กิน อาจารย์กับศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องกิน
ยิ่งได้คลุกคลีอยู่ด้วยกันก็ยิ่งรู้สึกว่าศิษย์พี่ของเธอล้ำเลิศเกินจะคาดเดา
ศิษย์พี่โตกว่าเธอแค่นิดเดียว แต่กลับฉลาดล้ำลึกจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเหมือนแม่น้ำสายเขียว
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลายเรื่องเธอเห็นกับตาตัวเอง เธอคงไม่กล้าเชื่อว่าสาวน้อยที่ใบหน้าดูเด็กเหมือนเพิ่งอายุสิบห้าสิบหก จะเป็นยอดฝีมือในหลายๆ ด้าน
เธอแน่ใจได้ว่า ศิษย์พี่ยังมีความสามารถอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้
หากเป็นคนอื่น ต่อให้เริ่มเรียนตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ก็ไม่เก่งถึงขั้นนี้หรือเปล่า
มีคำพูดโบราณว่าไว้ ความขยันช่วยลดความเขลาได้ แต่คนสมัยนี้ส่วนใหญ่คิดว่าพรสวรรค์สำคัญกว่าความพยายาม
แต่ใช่ว่าอยากมีพรสวรรค์ก็จะมีได้ ทำได้เพียงใช้ความพยายามของตัวเองไปทดแทนสิ่งที่ยังขาด
เธอมีพรสวรรค์อยู่บ้าง และก็พยายามมากพอ ต่อให้ไล่ตามศิษย์พี่ไม่ทัน แต่อย่างน้อยก็ยังลดระยะห่างไปได้บ้างหรือเปล่า
ไม่อย่างนั้นเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน แต่กลับห่างชั้นกันมาก เธอก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ขณะที่ลู่หันซูกำลังออกกำลังกายท่ารูปตัววาย มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็กลับมา
เวลานี้ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่ออกมา แสงแดดทะลุผ่านแมกไม้เป็นสายๆ
“อาจารย์ ศิษย์พี่”
“ศิษย์น้อง”
“หันซู”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพูดขึ้นพร้อมกัน
ลู่หันซูมองศิษย์พี่ที่แก้มแดงเปล่งปลั่ง เธอคันไม้คันมือ พยายามหักห้ามใจ
อยากเข้าไปหยิกแก้มจัง!
ทำไมถึงเป็นศิษย์พี่นะ ถ้าเป็นศิษย์น้องคงดี! อยากหยิกแก้มก็หยิกได้!
ลู่จือฉิน “หันซู ทำไมมองศิษย์พี่แบบนั้นล่ะ”
“ศิษย์พี่น่ารักค่ะ! เสียงก็ใส! อายุสิบแปดแล้วจริงเหรอคะ”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ถึงแม้เสี่ยวเยาเยาจะยังดูเหมือนเด็กน้อยอยู่ แต่เธออายุสิบแปดแล้วจริงๆ”
มู่เถาเยาที่ยังดูเหมือนเด็กน้อย “…”
อืม ใบหน้าตุ๊กตาของเธอมันหลอกอายุได้จริงๆ !
ดีที่เมื่อชาติก่อนเป็นจักรพรรดินีไม่ใช่ใบหน้าแบบนี้ และเสียงก็ไม่ได้เล็กเด็กน้อยแบบนี้ มิฉะนั้นไม่ว่าจะเก๊กหน้าขรึมยังไงก็ยากที่จะข่มพวกขุนนางได้!
“ดูเด็กออกจะดี วันหน้าอายุห้าสิบก็ยังเหมือนยี่สิบ” ลู่หันซูมีความสุขอยู่ในใจ
“พูดถึงเรื่องนี้ หันซู เธอยังไม่รู้อายุของอาจารย์ใช่ไหม”
“อาจารย์สามสิบกว่าหรือสี่สิบคะ แต่อธิการบดีเจียงห้าสิบกว่าแล้ว อาจารย์เด็กกว่าอธิการบดีเจียงเท่าไรคะ”
ถึงแม้อธิการบดีเจียงจะดูเหมือนสี่สิบต้นๆ แต่เขาเป็นคนดังในวงการแพทย์ มีการเปิดเผยอายุ เธอก็ย่อมรู้
ลู่จือฉินยิ้มกว้าง “เด็กกว่าแค่ห้าปี อาจารย์อายุเกินห้าสิบแล้ว”
และก็เพราะสาเหตุนี้ ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ฝีมือต่อสู้ก็ไม่มีทางตามเสี่ยวเยาเยาทันแล้ว
สมรรถภาพร่างกายของเสี่ยวเยาเยาพัฒนาขึ้น แต่เธอกลับถดถอย แล้วจะไล่ตามลูกศิษย์ตัวเองทันได้อย่างไร
มู่เถาเยายิ้มบาง ริมฝีปากงามขยับ “ไว้หนูจะค้นคว้ายาที่ป้องกันการแก่ชรา ใช้ร่วมกับวิชาฝังเข็มหุยหยาง อาจารย์จะได้เหมือนคนอายุห้าสิบตอนอายุหนึ่งร้อย”
เธอยังอยากได้น้องสาวชื่อเสี่ยวลู่ลู่
เนื่องจากฝึกยุทธ์ สุขภาพของอาจารย์จึงดีกว่าคนอายุยี่สิบกว่าหลายคนเลยด้วยซ้ำ มีลูกได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
เรื่องที่ยากคือหาคนรักให้อาจารย์ อีกทั้งยังต้องก่อนหมดประจำเดือน…
“เสี่ยวเยาเยา นอกจากหาสมุนไพรให้อู๋เปียนแล้ว เธอยังต้องศึกษายาแต่ละชนิด ศึกษาสารพัดโรคที่รักษายาก เอาชนะโรคที่ยากที่สุดในโลก…อีกสี่ปียังต้องเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับโลก…”
“หนูทำไปด้วยกันได้ค่ะอาจารย์”
ลู่จือฉิน “…มองไปไกลอีกหน่อย เธอยังต้องสืบทอดเผ่า…เดิมเวลาก็ไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว ดังนั้นอย่าเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลย อาจารย์รับปากนะว่าจะดูแลตัวเองให้ดี อย่างน้อยก็จะอยู่กับพวกเธอไปได้อีกห้าสิบปี”
ลู่จือฉินย่อมเข้าใจความหมายที่มู่เถาเยาอยากค้นคว้ายาต้านความชรา
เด็กคนนี้เมื่อชาติที่แล้วลำบากมาก ชาตินี้กว่าจะตามหากันเจอก็ไม่ง่าย ย่อมไม่อยากให้จากไปเร็ว
“ศิษย์พี่ ฉันจะดูแลอาจารย์ของพวกเราให้ดีค่ะ”
“อืม พวกเราช่วยกันดูแลอาจารย์”
เมื่อชาติก่อนอาจารย์ดูแลปกป้องพวกเธอสองพี่น้องมายี่สิบกว่าปี ชาตินี้ก็กลับกัน เธอจะดูแลอาจารย์ไปร้อยปี
ลู่จือฉินยิ้มอย่างจนปัญญา “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ใหญ่กับอาจารย์รองของเธอจะเก้าสิบกันแล้วยังดูแลตัวเองได้ อาจารย์เพิ่งห้าสิบ ยังสาวอยู่ พวกเธอยังเด็ก ควรไปทุ่มเทให้การเรียนมากกว่านะ”
เด็กสาวสองคนพยักหน้า
ลู่จือฉินมองลูกศิษย์คนโตแล้วพูดกับลูกศิษย์คนเล็ก “หันซู เสี่ยวเยาเยาเป็นศิษย์พี่ของเธอ พวกเราจะไม่ปิดบังตัวตนของเสี่ยวเยาเยา ศิษย์พี่ของเธอเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์…”
“…ครอบครัวเธอสืบข้อมูลของแม่ไม่พบใช่ไหมล่ะ เพราะว่าเดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนประเทศเหยียนหวง…คนที่หายไปเป็นหัวหน้าเผ่าน้อย เลยตามหาอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลจนทำให้เสี่ยวเยาเยายิ่งตกอยู่ในอันตราย…ดังนั้น…”
ดวงตาหงส์ของลู่หันซูฉายแววตะลึงอย่างไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
ไม่ได้ตะลึงกับตัวตนของมู่เถาเยา แต่ตะลึงที่ ‘เจ้าหญิงน้อย’ ที่แม่เธอพูดถึงเป็นศิษย์พี่ของเธอจริงๆ !
“งั้น…ศิษย์พี่ ทำไมแม่ฉันต้องอุ้มศิษย์พี่ไปด้วย”
“ตอนนี้ยังสืบไม่ได้อะไร”
“ตั้งแต่ฉันจำความได้ คำที่ได้ยินแม่พูดเยอะที่สุดก็คือเจ้าหญิงน้อย ตอนเด็กๆ ฉันคิดว่าแม่เรียกฉัน ต่อมาถึงพบว่าไม่ใช่…พออายุสิบห้า ฉันก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้…”
ลู่หันซูเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ศิษย์พี่ แม่ฉันไม่ใช่คนเลวแน่นอน มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่…”
เธอร้อนใจอยากอธิบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
“ศิษย์น้องใจเย็นๆ เดิมทีพวกเราอยากรอถอนพิษแม่เธอให้ได้ก่อนค่อยพูดเรื่องนี้ ยังคิดอยู่ว่า…ถ้าถอนพิษไม่ได้ ก็จะไม่พูดถึงอีก แต่ตอนนี้เราเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน อยากให้เธอรู้ตัวตนของพี่ก็คงเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้…”
“แม่ฉันถูกคุณนายเก็บกลับไป อีกทั้งยังอยู่กับคุณนายมาสิบปี ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางอุ้มศิษย์พี่ไปได้ แต่ในความเป็นจริงศิษย์พี่กลับหายตัวไปพร้อมกับแม่ฉัน…”
ด้านหนึ่งก็แม่ อีกด้านก็ศิษย์พี่ ลู่หันซูไม่มีทางไม่ร้อนใจ
ลู่จือฉินตบบ่าลู่หันซูเบาๆ “หันซู ใจเย็นๆ พวกเราจะสืบให้กระจ่าง ต่อให้เธอไม่ใช่ลูกศิษย์ อาจารย์กับเสี่ยวเยาเยาก็ต้องหาสมุนไพรมาถอนพิษให้แม่เธออยู่แล้ว ความแตกต่างก็แค่จะให้เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
ถ้าไม่มียามาถอนพิษ และลู่หันซูไม่ใช่ลูกศิษย์ แบบนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้รู้
แต่พอเป็นลูกศิษย์แล้วไม่เหมือนกัน สักวันเธอก็ต้องรู้ชาติกำเนิดของศิษย์พี่อาจารย์เดียวกัน ไม่สู้พูดไปพร้อมกันเสียตั้งแต่ตอนนี้
มู่เถาเยา “ศิษย์น้อง ปิดบังย่าลู่ไปก่อนนะ หลายปีมานี้ลำบากย่าลู่แล้ว”
“…ค่ะ ศิษย์พี่ ฉัน…” ดวงตาของลู่หันซูเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิด ยังมีความหวาดกลัวอีกด้วย
“ศิษย์น้อง นับตั้งแต่เจอน้าเหมียว ศิษย์พี่ก็เชื่อน้าเหมียว เพียงแต่คิดสาเหตุไม่ออก ถ้าหาความจริงจากทางน้าเหมียวไม่ได้ งั้นศิษย์พี่ก็ต้องลงมือจากทางเหมียวฉีแล้ว”
มีวิธีถมเถไป ไม่พูดออกมาให้ลู่หันซูกลัวดีกว่า
คนที่อดทนซ่อนตัวเก่งขนาดนั้น ก็ต้องเอาให้สมกับที่ซ่อนหัวซ่อนหางมาหลายปีหน่อย
เธอไม่รีบร้อนค้นหาความจริง ตราบใดที่ไม่ทำร้ายมาถึงคนรอบตัวเธอ งั้นเธอก็ขอทำเรื่องสำคัญก่อน
อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว จะช้าหน่อยหรือเร็วขึ้นก็ไม่ต่างกันมาก
ตามหาคนร้ายก็แค่เพื่อคลายปมในใจของแม่เธอ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่แคร์หรอก
ตอนนี้คนที่จะเล่นงานเธอได้ก็มีไม่กี่คนหรอก เผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หากคนร้ายเป็นคนในเผ่าก็ควรรู้ว่าเผ่าเป็นอย่างไร ถึงทำได้แค่หดหัวยังไงล่ะ!
มีแค่เหมียวฉีเท่านั้นที่เข้าเงื่อนไข
ต่อให้ไม่มีหลักฐาน ไม่มีแรงจูงใจ เธอก็ยังน่าสงสัยที่สุดอยู่ดี