264 สองหน้า

“ถ้าอย่างนั้น อะไรที่จริงๆแล้วเธออยากทำสำเร็จโดยจัดงานแบบนั้นตั้งแต่แรก?”

ผมบอกกับมิเรียม ผู้กำลังกินเครปที่ดูสง่างามสำหรับของหวานซึ่งเธออ้อนวอนลูกของเธออย่างสิ้นหวังเพื่อให้สามารถกินได้ เธอดูเละเทะก่อนหน้าจนผมเกืบถามเธอว่าเธอยังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่ในฐานะผู้นำเผ่าไหม เธอวางมีดและส้อมออกด้านข้าง เช็ดด้านข้างของริมฝีปากของเธอด้วยทิชชู และเปิดปากเธอเพื่อตอบ

“มีตำนานเกี่ยวกับนักรบผู้ถูกเลือกของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ผู่ได้รับพลังเวทมนตร์มหาศาลเป็นครั้งคราว เห็นไหม”

“ถ้าอย่างนั้น พูดอีกอย่าง เธออยากต้อนฉันจนมุมเพื่อกระตุ้นปรากฏการณ์พลังเวทมนตร์หรือบางอย่างเหรอ? เธอรู้มั้ย ถ้าเธออยากต้อนฉันจนมุมจริงๆ อย่างน้อยเธอต้องส่งทั้งกองยานกองทัพจักรวรรดิมาใส่ฉันแทนแค่ต้อนฉันเข้ากับนักรบในการแข่งขัน”

อืม ถ้าผมเจอเรื่องลำบากนั้น ผมจะแค่หนีตรงๆทันที

“หืม บางทีทั้งหน่วยหุ่นยนต์ต่อสู้โปรแกรมล่วงหน้ากองทัพติดอาวุธเต็มรูปแบบก็ใช้งานได้?”

“แต่ฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่เล็งใส่คนตรงๆ”

“แต่เพราะทั้งหมดอย่างน้อยพี่ต้องทำมากเท่านั้นถ้าพี่อยากรับมือกับฮิโระซามะ”

“ใช่…… มันยากจริงๆนะที่จะเอาชนะบอสโดยการใช้วิธียุติธรรมนะ”

“แต่พี่ใหญ่พูดว่าเขาไม่ไหวตลอดเมื่อมันเป็นการต่อสู้ แต่เขาชนะขุนนางจักรวรรดิอย่างง่ายดาย”

วิสเกอร์ประกาศอย่างนั้นขณะเธอยิ้มอย่างขมขื่น พื้นฐานแล้ว ขุนนางถูกเห็นว่าเป็นที่สุดของที่สุดเมื่อเป็นเรื่องความสามารถต่อสู้ส่วนบุคคลในจักรวรรดิกรากัน พวกเขาถูกเสริมกำลังโดยการควบคุมเครื่องจักรด้วยร่างกายแและเทคโนโลยีชีวภาพที่สนับสนุนโดยทรัพยากรทางทรัพย์สินที่เหลือเฟือของพวกเขา และผลลัพธ์ พวกเขามีความสามารถทางกายที่มีไม่ได้โดยบุคคลทั่วไป การเสริมพลังนี้ในร่างกายไม่ได้แค่เพิ่มความแข็งแกร่งกล้ามเนื้ออย่างเรียบง่ายและพลังการออกแรงที่รวดเร็วมากเท่านั้น มันก็รวมไปถึงเพิ่มความสามารถประมวลผลของสมองเช่นการเพิ่มปฏิกิริยาตอบสนองและการคิดแบบคู่ขนานสำหรับการทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพสุดขีด

ผลลัพธ์คือสุดยอดทหารผู้มีความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อและความสามารถออกแรงมหาศาลที่เหนือกว่าคนทั่วไปที่ไม่เสริมกำลังสามารถทำได้ พวกเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองสุดขีด, การมองภาพเคลื่อนไหวอย่างดีเยี่ยม, และความสามารถตัดสินใจฉับพลันที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ พวกเขาเป็นเ*ไดไซบอร์กผู้สะท้อนกระสุนเลเซอร์ด้วยดาบ, มีความเร็วที่เห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้, และฟันเกราะพลังงานจักรกลพังพร้อมกันกับคนขับแยกเกลี้ยงๆเป็นสองส่วน

ดั้งเดิมแล้ว การเสริมพลังกายนั้นสำหรับให้พวกเขาทนกับความรู้สึกหนาวๆของการปกครองดินแดนของพวกเขา แต่ทุกวันนี้ พวกมันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ตำแหน่งสำหรับขุนนางจักรวรรดิ

เอ๋? ทำไมมันจำเป็นที่ต้องเสริมพลังร่างกายเพื่อปกครองดินแดนหรือ? อืม เห็นไหม ถ้าคนหนึ่งเป็นขุนนางจักรวรรดิ นั่นหมายถึงอย่างน้อยคนนั้นต้องปกครองทั้งระบบดาว

ในกรณีส่วนใหญ่ ขุนนางปกครองหลายดาว ในมิติบ้านเกิดของผม โลกจริงๆแล้วไม่ได้ปกครองโดยคนเดียวหรือกลุ่มปกครองส่วนกลาง ถ้าคนหนึ่งเป็นขุนนางจักรวรรดิ อย่างน้อยคนนั้นต้องปกครองดินแดนขนาดเท่าระบบดาวโซลาร์ แค่จินตนาการว่านั่นจะยุ่งยากแค่ไหน จำนวนหน้าที่ซึ่งต้องสำเร็จรายวันจะมหาศาลและรับมือไม่ได้โดยความสามารถประมวลผลของมนุษย์ทั่วไป ดังนั้นจักรวรรดิกรากันค้นหาทางออกผ่านการเสริมกำลังร่างกาย

มันดูเหมือนอะไรนั่นเริ่มด้วยการเสริมพลังระบบเส้นประสาทเช่นขยายและเสริมความแข็งแกร่งบริเวณสมองสำหรับการประมวลผลลและเทคโนโลยีเดินหน้าต่อไป การเสริมกำลังกายถูกเติมเข้าไปในเมนู และในท้ายที่สุดมันเป็นหนึ่งในหน้าที่มาตรฐานของขุนนางจักรวรรดิที่จะทำการเสริมพลัง จากนั้น มันเปลี่ยนเป็นประเพณี และตอนนี้ มันกลายเป็นสัญลักษณ์ตำแหน่งถูกใช้โอ้อวดพลังของขุนนาง

“มันมีอะไรคะ?”

“ไม่ มันไม่มีอะไร ไม่ว่าแบบไหน ฉันจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่เธออยู่ด้วยกับฉันเมย์”

“ขอบคุณสำหรับความเชื่อใจของท่านค่ะ นายท่าน”

เมย์คำนับสู่ผมเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของผม

นานมาแล้ว – ก่อนสงครามจักรวรรดกรากัน/เอไอ – เอไอจักรกลถูกใช้งานในหลายภาคส่วน และในระยะเวลานั้น พวกเธอกลายเป็นกระดูกสันหลังที่สนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิกรากัน จากนั้นหลายอย่างเกิดขึ้น และหลายอย่างเหล่านั้นนำไปสู่สถานะอยู่ด้วยกันที่เอไอนั่งเก้าอี้หลัง อืม อย่างน้อยก็บนภายนอก นั่นแหละ ผมว่านี่พอเกี่ยวกับประเด็นสำหรับตอนนี้

“ถ้าอย่างนั้น เวทมนตร์หือ ฉันใช้อะไรแบบนั้นได้จริงๆเหรอ? ฉันน่าจะไม่มีพรสวรรค์เรื่องพวกพลังวิเศษอะไรแบบนั้นรู้ป่ะ”

คนหนึ่งได้ยินประเภทเหล่านั้นบางครั้ง ถูกไหม? คนเหล่านั้นผู้บอกว่าพวกเขาเห็นวิญญาณและอะไรพวกนั้นได้ ผมไม่คิดจริงๆว่าผมมีพรสวรรค์ใดๆเกี่ยวกับอะไรพวกนั้นรู้ไหม

เพราะผมถูกโยนมาที่มิตินี้ เรื่องลี้ลับมากที่สุดที่ผมพบเจอคือโชคร้ายไม่เป็นธรรมชาติของผม

“เรื่องลี้ลับหือ…… เวทมนตร์ไม่ได้ถูกพิจารณาเป็นบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับรู้มั้ย มันเป็นวิชาที่จัดตั้งอย่างดีและค้นคว้าวิจัยอย่างดี”

“เธอพูดได้จริงๆเหรอว่าเวทมนตร์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องลี้ลับ? เอ่อ ฉันเดาว่าฉันทิ้งประเด็นนั้นดีกว่าหือ”

ผมยักไหล่ในการตอบสนองคำพูดของเอลม่า ผมไม่สนใจว่ามันถูกเรียกว่าเวทมนตร์หรือความสามารถด้านพลังวิญญาณ แต่ผมอธิบายปรากฏการณ์ของผู้คนสามารถสร้างไฟและน้ำจากความว่างเปล่าหรือเป่าคนอื่นกระเด็นด้วยพลังมองไม่เห็นบางอย่างเป็นอย่างอื่นได้อย่างไรนอกจากเป็นเรื่องลี้ลับ?

“มีอุปกรณ์ที่วัดพลังงานวิญญาณได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นมันมีหลักการ แต่ไม่ใช่พวกเขาก็พูดว่ารับความเข้ากันกับพลังวิญญาณนั้นพื้นฐานแล้วเกิดมาพร้อมกับบุคคลนี่?”

มิเรียมพยักหน้าตอบคำถามของวิสเกอร์

“มันจริงที่พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์นั้นได้มาตั้งแต่เกิด มันดูเหมือนในจักรวรรดิวูเอลซารัส พวกเขามีวิชาที่วัดพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ในตัวบุคคลแต่ละคนได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นความจริงว่าฮิโระซามะมีระดับความเข้ากันกับพลังเวทมนตร์ดั้งเดิมสูง”

“เธอมั่นใจได้ยังไง?”

“ท่านอธิบายจำนวนพลังที่เอ่อล้นจากร่างกายท่านเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าท่านฝึกอย่างถูกต้อง ไม่ต้องสงสัยว่าท่านจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่น่ากลัว ดังนั้นนั้นทำไมท่านต้องฝึกในศาสตร์เวทมนตร์ใต้ฉัน–”

“ไม่เอาอ่ะขอบคุณ”

ผมโบกมือและส่ายหัวอย่างไม่ยั้งในการปฏิเสธ

ผมไม่มีเวลาสำหรับนั้น ไม่มีทาง ไม่มีคำว่าทำไม

“–ถ้าท่านฝึกศาสตร์เวทมนตร์ความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้จะพัฒนาอย่างสูงรู้มั้ย ด้วยศักยภาพแรงส่งพลังงานเวทมนตร์ของท่าน ท่านเป่าทั้งภูเขาได้ถ้าท่านฝึกพอ!”

“ไม่ มันไม่เหมือนว่าฉันต้องไปเป่าภูเขาน่ะรู้ป่ะ หรือ ถ้ามันจำเป็นที่จะต้องป่าภูเขาไปไกลๆ ฉันแค่ใช้จรวดปฏิกิริยาตอบสนองหรือคมฟ.บัวดำได้ ของเหล่านั้นจะเป็นวิธีที่ง่ายและเร็วกว่า ดังนั้นของเหล่านั้นมันมากกว่าพอแล้วสำหรับฉัน”

จากนั้นผมทำสัญลักษณ์กากบาทด้วยแแขนของผมและปฏิเสธอย่างเต็มที่

จรวดปฏิกิริยาตอบสนองต่อต้านยานหลายลูกที่มีพลังพอเจาะทะลุโล่ยานอวกาศกองทัพและเป่าพวกเขาเป็นชิ้นๆถูกเก็บอยู่ข้างในกฤษณะ และด้วยบัวดำ มันเป็นไปได้ที่จะเป่าภูเขาจากระยะไกลมากๆ มากจนร่องรอยของยานอวกาศถูกเห็นบนพื้นไม่ได้ ดังนั้นไม่มีเหตุผลสำหรับผมที่จะเรียนรู้เวทมนตร์

หรือ ผมไม่อยากถูกเปลี่ยนเป็นระเบิดมนุษย์ทีเป่าภูเขาได้มากกว่า ถ้าบางอย่างแบบนั้นถูกพบเจอโดยผู้มีอำนาจ มันเป็นไปได้ว่าผมจะไม่ถูกอนุญาตให้เขาท่ายานอวกาศ

“……”

“มันไม่มีประโยชน์แม้ว่าเธอพองแก้มแบบนั้นรู้ป่ะ มันมีคำพูดอยู่ว่าคนหนึ่งมีสิ่งดีๆมากไปไม่ได้จากที่ซึ่งฉันมา ฉันไม่อยากได้อะไรสักอย่างอีกที่อาจเชิญชวนปัญหา”

“……ไม่ไม่ไม่! ฉันอยากเห็นเวทมนตร์ผู้กล้าของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์! ฉันอยากเห็นอ้าาา!”

ค-คนนี้……! เธอโยนความอับอายทิ้งจริงๆและเริ่มงอแง!?

คุณนายโตแล้วแบบเธอไม่ควรตีโต๊ะระหว่างงอแง

เน็กมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นและนำมิเรียที่ร้อ

งไห้ไป

บางทีเขาใช้เวทมนตร์บางอย่างเพื่อทำให้เธอสงบ เธอร้องไห้อย่างดังก่อนหน้า แต่เธอเงียบลงค่อนข้างเร็ว ฟุมุ

หลังจากเห็นอะไรแบบนั้น ผมค่อนข้างคิดว่าเวทมนตร์อาจไม่ได้แย่มาก แต่ผมยังไม่อยากเป่าภูเขากับมัน

“……อืม”

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น การเอะอะก่อนหน้าไม่ได้เกิดขึ้น เข้าใจมั้ย?”

“ฉันเริ่มปวดหัวแล้วดิ”

“ใช่ หนูด้วย”

เชื่อนั่นได้ไหม? นั่นเป็นคนผู้เป็นผู้นำเผ่าเอลฟ์หลักที่แบ่งดาวเคราะห์เป็นสามฝ่ายรู้ไหม ทีต้าควรเป็นที่ค่อนข้างสันติสุขแม้ว่าคนประหลาดแบบนั้นทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายหลัก

“เฮ้ เมย์”

“คะ? อะไรคะ นายท่าน?”

“เมื่อเธอสืบสวนสถานการณ์ของดาวเคราะห์นี้ เธอพูดว่าเราควรกังวลการแย่งอำนาจและการสมรู้ร่วมคิดของสามฝ่ายหลัก ถูกมั้ย?”

“ค่ะ”

“เห็นไหม ฉันคิดว่าเราคิดอะไรเยอะเกินไปหลังจากทั้งหมด และการโจมตีของโจรสลัดไม่ใช่แผนร้ายกาจโดยสักฝ่ายหรอก แต่แค่เป็นการโจมตีของโจรสลัดปรกติ ฉันเริ่มคิดว่าการโจมตีสุดท้ายโดยโจรสลัดธงแดงนั้นแค่สำหรับการแก้แค้นแทนบางอย่างลับๆล่อๆ”

“นั่นก็เป็นไปได้ แน่นอนค่ะ”

เมย์พยักหน้าตอบอย่างง่าย อย่างนั้นหรือ? เข้าใจแล้ว

“พูดอีกอย่าง อะไรที่ท่านพยายามจะพูดคะ?”

“อืม…… หนูว่าพี่ใหญ่พูดว่าโชคเขาแค่ไม่ดีนะ ถูกมั้ย?”

“เธออย่าสรุปทุกอย่างแบบนั้นได้มั้ย? ฉันจะร้องไห้นะรู้ป่ะ”

ไม่ว่าอย่างไร ธุระบนดาวเคราะห์นี้เกือบเสร็จแล้ว

อย่างคาดไม่ถึง ผมสามารถได้รับประสบการณ์ธรรมชาติแม่มากกว่าที่ผมขอ และในท้ายที่สุด ผมไม่ได้สามารถเจอโคล่าอีกครั้ง

แต่… อืม ผมว่าเราควรแค่มาเยือนอีกครั้งหลังจากสี่ห้าปี เพราะทั้งหมด ผมสามารถปรึกษาเรื่องเครื่องดื่มอัดลมกับบริษัทเครื่องดื่มหลัก และมันดูเหมือนพวกเขาพร้อมพยายามพัฒนา เครื่องดื่มอัดลมทั้งหมดที่ผมดื่มในระบบดาวเซียร่าถูกคิดถึง ดังนั้นผมหวังว่าโคล่าที่ผมหาจะเกิดบนดาวเคราะห์นี่บางวันไม่นานจากนี้

เราแค่ต้องนั่งให้สบายและผ่อนคลาย ระหว่างมีความสุขกับการต้อนรับแขกของเอลฟ์จากที่นี่ไปจนกว่าครบหนึ่งสัปดาห์ ผมว่ามันได้เวลาคุยกับทุกคนเกี่ยวกับเป้าหมายต่อไปด้วยเหมือนกัน

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu