ตอนที่ 361 กำจัดความวุ่นวายให้กลับมาถูกต้อง ลอบคิดบัญชี

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 361 กำจัดความวุ่นวายให้กลับมาถูกต้อง ลอบคิดบัญชี

ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังเตรียมกลับบ้าน ซ่งเยี่ยก็มากับทหารคนสนิท

“ท่านแม่ทัพนี่คือ…” ฉินหลิวซีกวาดตามองชุดราบเรียบสีจืดจางบนร่างกายของเขา คิ้วสวยขมวดขึ้น

ซ่งเยี่ยยิ้มเย็น “เว่ยไฉโจวตายแล้ว น้องสาวข้ายังไม่ทันทำเรื่องหย่ากับเขา เขาก็ตายอยู่ใต้เท้าม้าแล้ว อย่างไรก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นน้องเขยของข้า ชุดไว้ทุกข์สีขาวขัดตานี้อยางไรก็ต้องสวม”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นครอบครัวนอกสมรสของเขาเล่า”

“แม่ลูกมัดรวมกันขายไปยังตะวันตกเฉียงเหนือ จะเป็นหรือตาย แล้วแต่ชะตากรรม” ซ่งเยี่ยเอ่ยเสียงเฉียบคมเย็นยะเยือก

ทางตะวันตกเฉียงเหนือแร้นแค้น ผู้คนล้วนแต่สันโดษเป็นอิสระ เกรงว่าคงมีจุดจบที่ยากลำบาก แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่บิดาของสตรีผู้นั้นก่อ การกระทำของซ่งเยี่ยนับว่าอ่อนโยนและใจกว้างแล้ว

“เดิมทีข้านึกว่าท่านแม่ทัพซ่งจะสังหารพวกเขาทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้แค้น”

ซ่งเยี่ยยิ้มขมขื่น “ความโกรธแค้นในการเสียบุตรชาย สังหารพวกเขาก็ไม่อาจลบเลือนได้ ข้ากลับนึกถึงกรรมจากการสังหารที่ท่านเคยบอก เด็กคนนั้น เรียกข้าว่าลุงมาสิบหกปี เด็กนอกคอกสองคนนั้น อายุไม่ถึงหนึ่งขวบ ไม่ลงมือในครั้งนี้เพื่อเป็นผลบุญให้เราสองพี่น้องในอนาคต”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านแม่ทัพมีใจเมตตาแล้ว”

ซ่งเยี่ยส่ายศีรษะ “ทำเป็นจิตใจดีเปลือกนอกเท่านั้น แล้วแต่พวกเขาจะเป็นจะตาย จะได้ไม่แปดเปื้อนมือข้าก็เท่านั้น แต่มนต์ดำนั่น ข้าต้องหาออกมาให้ได้ เพียงแต่คนเช่นนี้ เจ้าเล่ห์มีที่ซ่อนตัวมากมาย ทั้งยังมีวิชาติดตัว ทว่าต้องหาตัวออกมาให้ได้”

“ท่านแม่ทัพต้องการอย่างไรหรือ”

ซ่งเยี่ยยกมือประสาน “ข้ามาครั้งนี้ นอกจากมอบเงินเป็นการขอบคุณท่าน ยังอยากได้ฤกษ์มงคล จะได้ฝังกระดูกของหลานทั้งสองของข้าไว้บริเวณสุสาน นอกจากนี้ยังอยากถามท่านอาจารย์ มีวิธีตามหาตัวนักพรตชั่วนั่นหรือไม่ ท่านก็รู้ คนผู้นี้มีวิชา กลับจิตใจชั่วร้ายทำลายผู้อื่น คนที่ถูกเขาเลือก คนที่จะถูกทำร้ายคนต่อไปไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ใด”

ฉินหลิวซีครุ่นคิด เอ่ย “มีสิ่งที่คนผู้นั้นเคยใช้หรือไม่”

ซ่งเยี่ยหยิบห่อผ้าเล็กออกมาจากแขนเสื้อ เอ่ย “นี่คือของที่ข้าค้นมาจากเรือนเต๋าของนักพรตชั่วผู้นั้น ล้วนเป็นของใช้ติดตัว”

ฉินหลิวซีเปิดออกดู ข้างในมีหวีและมีเส้นผมติดมา กระทั่งมีเครื่องรางหนึ่งชิ้น บนนั้นแกะสลักตัวอักษร

“สตรีนางนั้นบอกว่าพวกนางแซ่เฉิง ข้าจำได้ว่าภรรยาของพี่เว่ยพี่ชายร่วมสาบานเองก็แซ่เฉิง คงจะเป็นแซ่ฝั่งมารดาพวกเขา” ซ่งเยี่ยอธิบาย

ฉินหลิวซีพยักหน้า หยิบชาดออกมาเขียนยันต์ตามรอย นำหวีนั้นโยนลงในอ่าง นั่งขัดสมาธิ สองมือประกบ หลับตาปิดการมองเห็น ปากร่ายคาถา “ไม้กะสะเทือนไม้อิกแยกจากไฟเปี้ย ทองซิงชั่วกาล ไฟเต็งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รูปลักษณ์ของสรรพสิ่งทางทิศเหนือ ประตูทิศตะวันออกเฉียงใต้ ศิษย์ตามหาคน…

ซ่งเยี่ยไม่แม้กะพริบตา เห็นฉินหลิวซีไม่ลืมตา ทว่าเครื่องรางนั้นกลับเผาไหม้กลายเป็นควัน ลอยโขมง เคลื่อนไหวชี้เส้นทาง นเวลพีดีเอฟ

และในตอนที่เครื่องรางเผาไหม้ ฉินหลิวซีก็หลับตาพลางเอ่ยปาก “หนึ่งคน แบกห่อผ้าสีน้ำเงิน มุ่งหน้าทางเหนือ เขาบาดเจ็บ เดินเข้าสู่จุดพักแรม คือ…”

นางลืมตาขึ้นมาทันใด เอ่ย “อยู่ที่จุดพักแรมอานซี”

ซ่งเยี่ยรู้สึกดีใจ

“ต้องไวสักหน่อย” ฉินหลิวซีครุ่นคิด เขียนยันต์อย่างรวดเร็ว เอ่ย “หากเขาใช้วิชาหลบหนี เผายันต์นี้ ตามหาเขาด้วยการตามควันไป”

“ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ” ซ่งเยี่ยยกมือขึ้นประสานเอ่ยขอบคุณ จากนั้นรับกล่องจากมือทหารคนสนิทมา ยื่นออกไป “นี่คือคำขอบคุณ ข้าคงไม่รบกวนท่านแล้ว รอหาคนเจอแล้ว ค่อยกลับมาเยือนอีกครั้ง”

ฉินหลิวซีให้เฉินผีรับกล่องมา มองส่งเขาที่รีบร้อนออกไป หันกลับมามองที่อ่างนั้น เอ่ย “ทำเรื่องวุ่นวายให้กลับเข้าที่เข้าทางเป็นสิ่งที่เต๋าเราสมควรทำ เชื่อว่ากำหนดของสวรรค์เจ้าเด็กคนนั้นจะเข้าใจ”

นางใช้กระดาษเหลืองตัดตุ๊กตาคนตัวเล็กขึ้นมาหนึ่งคน จากนั้นใช้เส้นผมหนึ่งเส้นที่เหลืออยู่พันเอาไว้ สองมือประสานใช้วิชาที่ซับซ้อน ส่งไปยังคนตัวเล็กน้อย จากนั้นจึงตบมือลุกขึ้น

จุดพักแรมซีอาน นักพรตเฉิงผู้นั้นกำลังอุดปากกรีดร้องอย่างน่าเวทนา กระอักเลือดออกมา โดนเสื้อผ้าของคุณชายสูงส่งผู้หนึ่งเข้าพอดี

คุณชายชั้นสูงส่งผู้นั้นมองเลือดสีดำบนตัว ระเบิดเสียงดังขึ้นมายิ่งกว่า “ชุดใหม่ของข้า อ้ากกก ตีเขาให้ตาย”

นักพรตเฉิงที่สัมผัสได้ถึงการลอบทำร้าย “!”

อะไรที่เรียกว่าซวยซ้ำซวยซ้อนก็คงเป็นเช่นนี้แล้ว

ฉินหลิวซีปัดมือลุกขึ้น มองเหนือศีรษะ เมฆดำกำลังลอยก่อตัว รีบเอ่ยขึ้น “ข้ากำลังทำเรื่องวุ่นวายให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้มันถูกต้อง”

สวรรค์เอ่ย ลอบทำร้ายก็คือลอบทำร้าย เอาเรื่องความดีมาล้างความผิดตนเองได้อย่างไร

เฉินผียิ้มตาหยี เอ่ย “คุณหนู แม่ทัพซ่งใจดียิ่งนัก ให้เงินตอบแทนตั้งหนึ่งหมื่นตำลึงขอรับ”

ฉินหลิวซีตกใจ นึกถึงฐานะของเขา อีกทั้งซ่งหลิ่ว แม้จะไม่ค่อยมีสมอง แต่ก็เป็นคนมีเงินมีทอง เป็นที่ร่ำลือเรื่องสินเจ้าสาว

น่าเสียดายแล้ว ปกตินางไม่ค่อยลืมหูลืมตา ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเว่ยไฉโจว

เพียงแต่นี่เรียกว่าความรักบังตาหรือไม่

ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ เอ่ย “เก็บเอาไว้ เอากลับบ้านด้วย”

“ขอรับ”

นายบ่าวสองคนปิดร้านก่อนจะเช่ารถม้าหนึ่งคัน ไม่นานก็กลับถึงจวนตระกูลฉิน เข้าไปในเรือนโดยใช้ประตูเล็กๆ ของตน ยามนี้เรือนเล็กมีความเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว

เรือนทั้งสองเชื่อมต่อหากันแล้ว กว้างขวางยิ่งขึ้น มีห้องมากขึ้น ยังมีห้องครัวเล็กๆ ห้องใหม่อีกหนึ่งห้อง เมื่อเปิดประตูเรือน ก็กลายเป็นจวนเล็กๆ อีกหนึ่งจวน นับจากนี้ฉินหลิวซีสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ การเดินทางของนาง นอกจากความต้องการของตนเอง ตระกูลฉินไม่อาจรู้ได้

ฉีหวงเข้ามาต้อนรับ เอ่ย “วันนี้กลับมาเร็วจังเลยเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีตอบกลับ “ไม่มีแขกมาแล้ว วันนี้อากาศหนาวด้วย จึงรีบกลับมา”

เฉินผียิ้มตาหยียกกล่องขึ้น เอ่ย “พี่ พวกเราเพิ่งเปิดกิจการได้เพียงไม่กี่วันก็มีเงินก้อนโตแล้ว”

“ดูสิเจ้ามีความสามารถ หลบไป” ฉีหวงมองเขาแวบเดียว จากนั้นเอ่ยกับฉินหลิวซี “ข้าตุ๋นน้ำแกงอยู่ในห้องครัวเล็ก เป็นซุปไก่ตุ๋นกับรากโสมน้อย ท่านเข้าไปก่อน ข้าจะยกมาให้ท่านเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีเหลือบมอง มองเห็นโสมน้อยหลบอยู่ที่กำแพง เห็นนางมองไป รีบยืดอกขึ้น ดื่มน้ำแกงของข้า มีชีวิตชีวา มีแรงกำลัง

ฉินหลิวซีลอบขำ เข้าไปในเรือน

โสมน้อยหดหู่ลงทันใด ก้มศีรษะลงอย่างห่อเหี่ยว

เอ่ยชื่นชมกันสักประโยคก็ยังไม่มี ช่างเย็นชาไร้ความรู้สึกเสียจริง

เจ้าโสมน้อยก้มหน้าก้มตากลับไปยังหลุมของตนเอง กระโดดลงไป ฝังดินกลบ

หลับตาลง

ฉินหลิวซีมองเห็นที่ผ่านช่องหน้าต่าง เกือบหัวเราะเสียงดังออกมา แสดงละครเก่งเสียจริง

ฉีหวงยกน้ำแกงเข้ามา ฉินหลิวซีรับไป อุณหภูมิน้ำแกงกำลังดี ไม่ต้องใช้ช้อนแล้ว ยกถ้วยขึ้นดื่มอึกใหญ่

ไม่เอ่ยไม่ได้ การบำเพ็ญเพียรพันปีของเจ้าโสมน้อย อีกทั้งยังมีจิตวิญญาณขึ้นมา แน่นอนว่าไม่เหมือนโสมทั่วไปอื่นๆ รากเล็กๆ เมื่อตุ๋นน้ำแกงจึงมีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณบำรุงได้ดี กลิ่มเข้มข้นทว่าไม่ขม เมื่อดื่มเข้าไปหนึ่งถ้วย ร่างกายพลันอบอุ่นขึ้นมา

นักแสดงตัวน้อยที่ไม่ได้เลี้ยงเสียเปล่า

ฉินหลิวซีเอ่ยกับฉีหวง “เจ้าเองก็ดื่ม เอาให้เฉินผีหนึ่งถ้วยด้วย เข้าหน้าหนาวแล้ว ต้องบำรุงร่างกาย”

สำหรับสองพี่น้อง เป็นเหมือนมือเท้าของฉินหลิวซี แน่นอนว่าต้องใจกว้าง

ฉีหวงเองก็ไม่ได้เกรงใจ เอ่ยตอบรับ เอ่ยบอกว่าเรือนด้านข้างยามนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม บ่าวรับใช้นามว่าวั่นเช่อผู้นั้นที่ติดตามเถิงเจามา จะจัดการอย่างไร