บทที่ 216 ทำไมถึงปฏิบัติต่อคนอื่นได้ต่างกันขนาดนี้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 216 ทำไมถึงปฏิบัติต่อคนอื่นได้ต่างกันขนาดนี้

บทที่ 216 ทำไมถึงปฏิบัติต่อคนอื่นได้ต่างกันขนาดนี้

ถึงสถานการณ์จะดีขึ้น และสภาพในอำเภอก็ดีอย่างเห็นได้ชัด แต่เหมือนคนในเมืองหลวงช่วงนี้จะบ้าคลั่งมากขึ้น

ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นรู้สึกว่าจุดจบกำลังจะมาถึงหรือเปล่า จึงบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

และเหตุผลที่ต้องไปดูที่เมืองหลวงสักหน่อยก็เพราะได้ยินว่าฝั่งอดีตหัวหน้าก็ประสบปัญหาเช่นกัน

เขาต้องไปดูว่ามีอะไรที่เขาสามารถช่วยได้บ้าง

แต่เพื่อเลี่ยงไม่ให้ภรรยาเป็นกังวล เลยไม่ได้พูดให้ชัด!

“ถ้าจะไป งั้นฉันจะเตรียมของขวัญให้คุณเอาไปสักหน่อยแล้วกัน!” ซูหม่านซิ่วรีบพูดเมื่อนึกได้ว่าอดีตหัวหน้าเคยช่วยบ้านเธอไว้เยอะ

แต่เฉินจื่ออันส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก อดีตหัวหน้าแข็งแกร่งมาตลอดชีวิต เขาไม่รับของขวัญน่ะ”

ซูหม่านซิ่ว “ส่วนฉันไปหงซินไม่ได้หรอก พี่สะใภ้ต้องทำงาน เสี่ยวเถียนยังไม่กลับเลยต้องดูแลเธอน่ะ!”

พอได้ยินหม่านซิ่วกล่าวเช่นนี้ จื่ออันก็พยักหน้าตกลง

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเสี่ยวเถียนจำได้ว่ายาสมุนไพรบางชนิดหาซื้อได้ไม่ง่ายนักในอำเภอ เธอจึงบอกพ่อว่าหลังจากกลับไปแล้วต้องไปบ้านหมอหลี่ด้วย

หลังจากที่เหล่าซานตอบรับก็ตะโกนให้คนอื่น ๆ ขึ้นรถบรรทุกแล้วขับออกไป

พวกเด็กที่เติบโตในหงซินปกติใช้สองขาเดินกลับ พอมีรถบรรทุกนั่งก็มีความสุขกันมาก

“ให้สองสาวนั่งหน้าไป ส่วนเจ้าพวกฝูงลิงไปนั่งด้านหลังนู่น!” เหล่าซานมองเสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วที่กำลังจะเข้าไปในห้องโดยสารก็เอ่ยติดตลก

เสี่ยวเหมยและเสี่ยวเฉ่ารีบเอ่ยทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเรานั่งหลังได้ น้องยังเด็กนั่งหลังไม่ปลอดภัยหรอก!”

“แต่พวกเธอเป็นผู้หญิง ตากลมแบบนั้นไม่ดีหรอก!”

ถึงเสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วจะผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าพี่สาวทั้งสองปกติก็ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี จึงตอบตกลง

ในไม้ช้ารถบรรทุกก็ออกตัว

เหล่าซานขับอยู่ในห้องโดยสาร เขาขับรถบรรทุกคันใหญ่แบบนั้น ในสายตาเด็กสาวทั้งสองเขาดูน่าเกรงขามจริง ๆ

“อาสาม อาเรียนขับรถเร็วขนาดนี้ได้ยังไงคะ?” ซูเสี่ยวเฉ่ากระตือรือร้นถาม

ก่อนหน้านี้อาสามขับได้แค่รถไถ เข้าอำเภอมานานไม่เท่าไรแล้วขับรถบรรทุกได้อย่างไร?

เหล่าซานยิ้ม “ถ้าได้สัมผัสมันทุกวันก็ต้องขับเป็นได้ไว้อยู่แล้ว รอพวกเธอโตขึ้นหน่อยเดี๋ยวก็ขับได้!”

“จะเป็นไปได้ยังไงคะ? พวกเราเป็นผู้หญิงนะ!” เสี่ยวเหมยส่ายหัว

เสี่ยวเฉ่าไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเธอเห็นด้วยในคำพูดนั้น

“อำเภอเราไม่มีคนขับเป็นผู้หญิง แต่ที่ทีมขับรถที่อำเภออื่นมีนะ”

พวกเขาสนทนากันไประหว่างเดินทาง สองสาวเก็บคำพูดพวกนี้ไว้ใจ

ทันใดนั้น ใบหน้าของเหล่าซานก็เปลี่ยนไป เขาจอดรถข้างถนน เปิดประตูแล้วกระโดดลงไป เพื่อไปตำหนิเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ข้างหลัง!

“ไอ้เด็กพวกนี่ นั่งรถให้มันดี ๆ ไม่ได้หรือไง? วิ่งไปวิ่งมา เกิดตกรถขึ้นมาจะทำยังไง?”

เขากลัวมากจริง ๆ นะ ตอนที่เห็นเสี่ยวชี เสี่ยวปา และเสียวจิ่วสามคนนี้วิ่งไปมาตอนมองกระจกหลัง เขาเหงื่อโทรมกายไปหมด

ถ้าเกิดตกลงไปจะเข้าไปใต้ล้อรถเลยนะ!

พวกเด็ก ๆ ที่วิ่งไปมาอย่างสนุกสนานไม่คิดว่าจะมีอันตราย ตอนนี้โดนตำหนิก็เกิดอาการสับสนอยู่เล็กน้อย

แต่ในไม่ช้าก็นั่งลงอย่างเบื่อหน่าย

ตอนที่โส่วเวินบอกไม่ให้พวกเขาวิ่งไปมา แต่น้องยังเด็กและไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาอยู่แล้วก็เลยไม่ฟังพี่ใหญ่

โส่วเวินยิ้มให้อย่างมีชัย นั่นหมายถึงว่า เห็นไหมพี่พูดผิดตรงไหน?

เด็ก ๆ ด้านหลังนั่งอย่างปลอดภัยแล้ว และรถก็ขับไปอย่างราบรื่นไปสู่ชุมชนหงซิน

พอไปถึงบ้านผู้เฒ่าซู คุณย่าซูที่เพิ่งกลับมาจากสวนกำลังจะทำอาหาร พอเห็นเด็ก ๆ ลงจากรถมา แต่ไม่มีหลานสาวตัวเองก็ผิดหวังเล็กน้อย

“ทำไมหลานรักแม่ไม่กลับมาล่ะ?” เธอจ้องลูกชายคนเล็กก่อนจะถามขึ้น

เห็นว่าหลานต้องเข้าเมืองไปเรียนหนังสือ อยู่บ้านไม่กี่วันเท่านั้นแล้ว ทำไมยังต้องอยู่ที่นั่นต่ออีก?

เจ้าพวกเด็กเหลือขอทั้งสามโดดที่เพิ่งโดดลงจากรถรู้สึกไม่ดีทันที บ้านอื่นรักลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำไมบ้านเราถึงกลายเป็นรักลูกสาวมากกว่าลูกชายล่ะ?

พวกเขากลับมาตั้งเยอะไม่เห็นย่าถามบ้างเลยว่าสอบเป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นไหม แต่ดันเห็นว่าเสี่ยวเถียนไม่กลับมาเนี่ยนะ?

“ย่า พวกเรากลับมาไม่ได้หรือ?” เสี่ยวปาเดินเข้ามาหาย่าแล้วเอ่ยถาม

“เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้ ยิ่งโตยิ่งน่าเบื่อ มีอะไรพิเศษกัน?” คุณย่าซูพูดด้วยความรังเกียจ

“แม่ เสี่ยวเถียนจะอยู่ในเมืองอีกสองสามวัน มีธุระนิดหน่อย เสร็จแล้วจะกลับมา” เหล่าซานรีบตอบ

ก็ดี อีกไม่กี่วันก็อีกไม่กี่วันเถอะ คุณย่าซูไม่พอใจก็จริงแต่ก็ยอมรับ

“หิวไหม? เดี๋ยวทำกับข้าวให้!” ถึงเธอจะรังเกียจเจ้าเด็กพวกนี้ แต่ก็ยังกลัวว่าพวกเขาหิว เธอพึมพำแล้วก็เดินไปทำอาหารให้

พวกลุงหลานมองหน้ากัน

เสี่ยวเหมยกับเสี่ยวเฉ่าไม่อยู่บ้านนาน ตอนนี้เลยง่วนอยู่กับการแยกย้ายกลับบ้าน เหล่าซานบอกให้กลับระวัง ๆ

ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่เฉย ๆ กลับมาได้ทั้งทีก็เติมน้ำในถังเก็บน้ำ ทั้งยังตัดฟืนให้ด้วย

คุณย่าซูยิ้ม “กลับมาก็ลำบากแล้ว พักก่อนเถอะ เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลหรอก ยังมีพี่แกอีกตั้งสองคน”

“แม่ พี่ใหญ่กับพี่รองต่างก็ยุ่ง ผมทำมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”

ทำอารหารเสร็จ สมาชิกบ้านซูคนอื่น ๆ ก็กลับมาก่อนกินข้าวพร้อมกัน คุณย่าซูรับผิดชอบเรื่องล้างจาน ส่วนคนที่เหลือก็แยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง

“ตอนนี้บ้านเราใคร ๆ ก็ยุ่งกันทั้งนั้น” คุณย่าซูพูดพร้อมกับถอนหายใจ

“ย่า ยุ่งก็ดีนะ แบบนี้ชีวิตบ้านเราก็จะดีขึ้นด้วย!”

ซูซื่อเลี่ยงยิ้มแล้วพูดความจริง

คุณย่าซูคิด ก็จริงอย่างที่ว่า ก่อนหน้านี้บ้านเราอยู่กันแน่นขนัด ชีวิตลำบาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแป้งสาลีกับข้าวขาวเลย ธัญพืชยังกินไม่พออิ่มด้วยซ้ำ

ดูสองปีที่ผ่านมาสิ กินดีเด็ก ๆ โตมาอย่างมีชีวิตชีวา!

จากนั้นคุณย่าซูก็คิดถึงหลานสาวที่ไม่ได้กลับมา แล้วเริ่มกังวลเรื่องเตรียมของที่จะให้เหล่าซานเอาไปแล้ว

พอเห็นข้าวของกระจัดกระจาย ซูเหล่าซานก็พูดไม่ออก

“แม่ เดี๋ยวเสี่ยวเถียนก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องไปทำหรอก” แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้เสี่ยวเถียนจะต้องอยู่ที่เมือง ไม่กลับมาอีก

ตอนอยู่บ้าน เสี่ยวเถียนได้รับการปฏิบัติอย่างดีมาก ขณะที่เขาเป็นลูกแม่ยังไม่ทำให้ถึงขนาดนี้เลย

เอ่ยจบ ก็ได้รับสายตาจากแม่ที่มองมาอย่างไม่ต้องสงสัย

“มีปัญหาอะไรหรือไง? แกขับรถมา ฉันยังไม่ใช้ให้แกเอาอะไรมาด้วยซ้ำ”

เหล่าซานจะไปพูดอะไรได้อีกนอกจากเชื่อฟัง?

“หลานรักของฉันชอบกินถั่วแขกบ้านเราที่สุด แล้วก็ยังมีบ๊อกฉ่อยเอามาทำเป็นแป้งทอดบ๊อกฉ่อยดีที่สุดเลยนะ เอากุยช่ายกับไข่มาทำแป้งทอดไส้กุยช่ายให้เสี่ยวเถียนก็ดี”

“แล้วก็คนเป็นพ่อเนี่ย ไม่ได้มีความรักลูกตัวเองเลยสักนิด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่!” คุณย่าซูตวาดขณะเอาของใส่กล่อง

“ครับ ผมเข้าใจแล้วแม่!” ซูเหล่าซานรีบตกลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก

“เอาของพวกนี้ไปให้หม่านซิ่ว บ้านน้องมีสวนอยู่ เธอเป็นคนขยัน พวกผักอะไรมีพออยู่แล้ว แต่น้องไม่มีของที่ได้มาจากบนเขา พวกเห็ดหูหนูแล้วก็สาหร่าย เดี๋ยวแม่เอาไปตากแห้งจะได้เก็บไว้กินได้นาน!”

ตอนที่เหล่าซานมาถึง เขายังเอาลูกอม ขนม และเนื้อกลับมาด้วย แล้วก็ยังมีสุราสองขวดที่หม่านซิ่วฝากเอามาให้พ่อ ของที่เอามาให้มีไม่น้อยเลย

แต่ไม่คิดเลยว่าของที่แบกกลับมากกว่าขาไปอีก เลยรู้สึกละอายใจไม่น้อย

“แม่เอาของพวกนี้ไปเก็บก่อนนะ ผมต้องไปบ้านหมอหลี่” เหล่าซานยุ่งมาตั้งแต่กลับมา เขาเกือบลืมเรื่องที่ลูกสาวบอกแล้ว

“ไปเถอะ ๆ! เอาแต่ยุ่งทั้งวันกลับบ้านมาก็อยู่ไม่สุขเลยนะ” ผู้เป็นแม่ไม่พอใจ เธอเกือบซ่อนความไม่พอใจเอาไว้แทบไม่ได้

ตอนนี้ลูกชายอยู่แต่ในเมืองส่วนใหญ่ เวลากลับมาก็น้อยมาก

กลับมาก็ลำบากยังต้องไปบ้านคนอื่นอีก อยู่เป็นเพื่อนคุยด้วยหน่อยก็ไม่ได้ คุณย่าซูจะดีใจก็คงแปลก

“แม่ ไม่ใช่ว่าผมอยากไปหรอก แต่เสี่ยวเถียนให้ผมไปน่ะซี่!” เหล่าซานรีบอธิบาย

แน่นอนว่าพอได้ยินเช่นนั้น แกก็รีบเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว “ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบไปเถอะ เสี่ยวเถียนขี้กังวล!”

ซูเหล่าซานตะลึง ทำไมถึงปฏิบัติต่อคนอื่นได้ต่างกันขนาดนี้

“แม่ ทำไมปฏิบัติต่อผมต่างขนาดนี้ล่ะ?” ซูเหล่าซานอดไม่ได้ที่จะถาม

“พ่อสาม ย่าปฏิบัติต่อคนอื่นต่างจากหลานรักตัวเองอยู่แล้ว พ่อสามเพิ่งรู้วันนี้หรือครับ?” เสี่ยวลิ่วที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในลานบ้านตอบด้วยรอยยิ้ม

แววตาดูหมิ่นของมารดาทำให้เหล่าซานรู้สึกว่าตัวเองนี่ถามอะไรโง่ ๆ

ตั้งแต่วันที่เสี่ยวเถียนเกิด แม่ก็ทิ้งลูกหลานคนอื่น ๆ ไว้ข้างหลังหมดแล้ว นับประสาอะไรกับลูกชายแท้ ๆ เช่นเขา!

ช่างมัน สู้ไปก็ไม่ไหวหรอก!

“ไปซะ ๆ รีบกลับให้ไวหน่อย อย่าเอาแต่สนใจเรื่องอื่น เดี๋ยวจะลืมว่าต้องกลับไปอีก!” คุณย่าซูเตือนก่อนรีบไปทำอย่างอื่น