ตอนที่ 153 ความผิดพลาดในเส้นทางแห่งดาบ!

สองวันผ่านไป ซูชิงฉือได้กลับมาที่ยอดเขาผู้ใช้ยันต์อีกครั้ง

“อู่หยางเหยินเป็นคนทรยศ!” นี่คือคําแรกที่ซูชิงฉือกล่าวเมื่อมาถึง

“เขาเป็นคนของสํานักภูตผีหรือ?” หยางเยถาม

นางพยักหน้าด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม “อย่างที่เจ้าว่า มันเป็นแผนของสํานักภูตผีจริง และเป้าหมายของพวกมันก็คือศิษย์ที่จะเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ โชคไม่ดี ข้าไม่สามารถสังหารยอดฝีมือสํานักภูตผีที่ซ่อนตัวอยู่ได้แม้แต่อู่หยางเหยินก็หลบหนีไปได้เช่นกัน!”

“พวกมันส่งยอดฝีมือขั้นปราณจุติมางั้นหรือ?” หยางเย่เอ่ย

ซูชิงฉือส่ายหัว “ยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณสามคน ข้าประมาทเอง ทั้งยังพายอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณไปคนเดียว ไม่เพียงจะไม่อาจสังหารพวกมันได้ มู่หรงเหยาและคนอื่น ๆ ก็เกือบจะตายกันหมด ข้าสะเพร่ายิ่งนัก”

หยางเย่เงียบไปชั่วครู่ “ชิงฉือ ท่านคิดว่ามีศิษย์ในสํานักดาบราชันกี่คนที่น่าจะเป็นของพวกสํานักภูตผี?”

ซูชิงฉือหรี่ตาลง แม้แต่อู่หยางเหยินยังเป็นสายลับของสํานักภูตผี เช่นนั้นจะมีอีกกี่คนกันที่เป็นสายลับของพวกมันยิ่งกว่านั้นพวกมันอยู่นสถานะใดของสํานักดาบ? ศิษย์ใน? ศิษย์เอก? หรืออาจจะเป็นผู้อาวุโส

หากมีสายลับอยู่ในบรรดาผู้อาวุโส เช่นนั้นสํานักดาบราชัน… ซูชิงฉือไม่กล้าจะคิดต่อ

หยางเย่ถอนหายใจพร้อมเอ่ย “ชิงฉือ กล่าวตามตรง ความตายได้มาเยือนประตูของสํานักดาบราชันแล้วแต่ถึงความตายจะมาเยือนมันก็ยังไม่น่ากลัวมากนัก สิ่งที่น่ากลัวคือสํานักดาบราชันไม่ทราบหรือไม่ยอมรับหายนะนี้ทั้งยังคิดว่าตนอยู่ในหกมหาอํานาจอยู่ อันที่จริงถึงแม้จะอยู่ในหกมหาอํานาจแต่ชิงฉือข้าขอถามหน่อยส่งนักดาบราชันจะเผชิญหน้ากับหายนะยังไงถ้าขาดอาจารย์ลุงซุย?”

ใบหน้าซูชิงฉือซีดเผือด นางสูดหายใจลึกก่อนจะเผยใบหน้าอันขมขึ้น”สํานักดาบราชันอาจจะล่มสลายได้หากปราศจากอาจารย์ลุงซุยถึงแม้สํานักดาบราชันจะไม่ถูกถล่ม มันก็อาจจะถูกปลดออกจากหกมหาอํานาจได้”

หยางเย่กล่าว “ดังนั้นข้ารู้สึกว่า ถึงแม้จะมีใครสักคนจากสํานักดาบราชั้นสามารถเข้าไปถึงอันดับสูงมันก็ไม่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้ได้ เพราะข้ารู้สึกว่าศิษย์ของสํานักดาบราชันกําลังเดินตามวิถีทางที่ไม่ถูกต้องอยู่รวมถึงท่านด้วยชิงฉือวิถีแห่งดาบของท่านก็ผิดพลาด”

ซูชิงฉือตกตะลึงเมื่อได้ยิน “เจ้าหมายความว่ายังไง!?”

“ผู้ฝึกฝนวิชาดาบยอมหักไม่ยอมงอ ยอมตายดีกว่ายอมแพ้…” หยางเย่กล่าวอย่างช้า ๆ “คํานี้ถูกกล่าวโดยบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสํานักดาบกล่าวได้ว่ามันเป็นแก่นแท้ของวิถีดาบแต่ดูสํานักดาบราชันตอนนี้สิมีใครทําอย่างที่ว่าได้บ้าง? เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับราชวังบุปผาผู้อาวุโสบัญชาการดาบตั้งใจจะส่งข้ากับน้องสาวให้พวกมันดาบของเขาได้งอไปแล้วผู้อาวุโสทั้งหลายของสํานักดาบราชันศิษย์และท่านด้วยมักจะคิดมากและกังวลกันเกินไปพวกท่านทุกคนให้ความสําคัญกับสถานการณ์โดยรวมของสํานักมากเกินแต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งนี้ทําให้แก่นแท้ของวิถีดาบถูกลบเลือนออกไปทุกที”

ใบหน้าซูชิงฉือซีดมากขึ้น

หยางเย่กล่าวต่อ “ลองคิดดู หากศิษย์ของโรงเรียนปราชญ์มากลั่นแกล้งศิษย์ของสํานักดาบราชันหรือผู้อาวุโสเช่นท่านพวกท่านจะกล้าชักดาบประจัญหน้าพวกเขาหรือไม่? บางที่อาจมีคนทําแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะต้องครุ่นคิดมากมายอย่างเช่น ตัวตนของศัตรู ผลที่จะตามมาก่อนจะชักดาบมันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์แต่ข้าขอถามท่านหน่อยกากผู้คนในสํานักดาบราชันกระทําเช่นนั้นพวกเขาจะสามารถกอบกู้สํานักดาบได้งั้นหรือ?”

ใบหน้าซูชิงฉือซีดเผือดขณะกําหมัดแน่น

“มันคือความผิดพลาดของบรรดาผู้นําที่ทําให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้!” หยางเย่กล่าวต่อ “วันนั้นข้าสังหารศิษย์สามคนของโรงเรียนปราชญ์ หากโรงเรียนปราชญ์จะเอาเรื่อง พวกท่านจะทํายังไงท่านคิดว่าศิษย์สํานักดาบราชันยังจะสามารถชักดาบได้ตามต้องการงั้นหรือ?” หยางเย่กล่าว

“หรือเส้นทางของสํานักดาบตลอดมานั้นผิดพลาดจริง ๆ ?” ซูชิงฉือบ่นพึมพําพร้อมเผยความสับสนผ่านดวงตา

ขณะมองดูซูชิงฉือที่ยืนหน้าซีด และสับสน ความเจ็บปวดได้บังเกิดขึ้นในใจหยางเย่ แต่เขายังคงกล่าวต่อ”ท่านน่าจะเคยได้ยินเรื่องของผู้อาวุโสที่มีนามว่าซุยใช่หรือไม่? เขาสังหารศิษย์ของโรงเรียนปราชญ์แต่ดูที่สํานักดาบราชันกระทําอะไรกับเขาสิ?อันที่จริงข้าค่อนข้างเข้าใจว่าเหตุใดผู้อาวุโสซุยถึงไม่กลับไปสํานักดาบราชั้นเพราะสํานักดาบราชันได้กลายเป็นรูปแบบหนึ่งของการกังวลและหวาดกลัวจนเกินเหตุเช่นนั้นเขาจะต้องผูกติดกับมันหากยังเป็นคนของสํานักดาบราชันหรือเหตุผลคือจะต้องมานั่งไตร่ตรองกังวลกับทุกสิ่งก่อนจะลงมือกระทําภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น จะให้บ่มเพาะพลังวิชาดาบอย่างราบรื่นได้หรือ?”

“ที่เจ้าปฏิเสธจะเข้าร่วมสํานักดาบราชันก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกันสินะ?” ซูชิงฉือมองหยางเย่พร้อมกล่าว

หยางเยยิ้ม “ชิงฉือ ท่านเคยบอกว่าสํานักดาบราชันจะไม่ส่งตัวข้าให้ใครอีกหากกลับไปข้าเชื่อท่านแต่ไม่เชื่อสํานักดาบราชัน ข้าทําหลายสิ่งหลายอย่างขณะฝึกฝนตนเองที่ขุนเขาไม่สิ้นสุดหลายเดือนก่อนทั้งยังได้สังหารคนไปมากมายและทําให้หลายมหาอํานาจขุ่นเคือง ข้าคิดว่าหลังจากทุกเรื่องราวถูกเปิดเผยเช่นนั้นข้าจะไม่ สามารถป้องกันตนเองได้หลังจากเข้าร่วมสํานักยิ่งกว่านั้นอาจจะตายเร็วกว่าเดิมด้วยซ้ํา เพราะข้ากล้ายืนยันว่านอกจากสํานักดาบจะไม่ป้องกันข้าพวกเขายังจะเข้าร่วมกับมหาอํานาจอื่นเพื่อจัดการข้าด้วย”

“เจ้าเข้าใจแก่นแท้ของดาบ ทั้งยังสําคัญต่อสํานักดาบราชัน ดังนั้นมันจะไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน!” ซูชิงฉือกล่าว

หยางเย่ไม่ตอบสิ่งใด เขาเดินอย่างช้า ๆ ไปที่หหน้าต่างก่อนจะเปิดมัน สายตาคู่นั้นได้จ้องมองไปยังภูเขามากมายที่ถูปกคลุมด้วยเมฆหมอก เขาสูดหายใจลึกครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยคํา “ชิงฉือ อันที่จริงสํานักภูตผีไม่ใช่ศัตรูเพียงคนเดียวของสํานักดาบราชัน สํานักดาบราชันราวกับเด็กที่พยายามแย่งอาหารจากกลุ่มผู้ใหญ่ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ยืนอยู่ข้างหลังแล้ว เช่นนั้นเด็กคนนี้ก็คงถูกฆ่าทิ้งไปนานแล้วและข้าเชื่อว่าผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเด็กไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไปแน่นอน!”

ซูชิงฉือเดินไปข้างหยางเย่ นางมองออกไปด้านพร้อมแววตาที่เย็นเยือก “เด็กคนนี้หาใช่ทารกไม่หากเด็กคนนี้ถูกต้อนจนจนมุมเช่นนั้นแม้จะไม่อาจฆ่าผู้ใหญ่เหล่านั้นได้ มันก็ไม่ยากที่จําทําให้ผู้ใหญ่เหล่านั้นสูญเสียมากมาย!”

หยางเย่ถอนหายใจ “ชิงฉือ ท่านจะทําอย่างไรหากวันนั้นเกิดขึ้น?”

ซูชิงฉือชะงักก่อนจะกล่าว “หากสํานักดาบราชันยังมีอยู่ข้าก็จะอยู่ ถึงแม้จะถูกทําลายข้าก็จะตายไปด้วย!”น้ําเสียงของนางหนักแน่น

หยางเย่เงียบไปชั่วครู่ เขาเองก็ไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ก็ทราบดีว่าไม่อาจเปลี่ยนการตัดสินใจของนางได้แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเรื่องนี้ ถึงแม้สํานักดาบราชันจะอ่อนแอแต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกจัดการถึงแม้มหาอํานาจอื่นจะร่วมมือกันก็ตาม

“ข้ามาเพื่อบอกเจ้าว่า เป็นเรื่องดีที่เจ้ายังไม่คิดจะจากสํานักดาบราชั้นไป แม้เจ้าจะพบเจอสํานักอื่นมากมาย”ซูชิงฉือรีบกล่าวคํา

หยางเย่ทราบว่านางหมายถึงสิ่งใด “แล้วสํานักดาบราชันไม่ส่งยอดฝีมือไปสังหารศิษย์ของสํานักดาบราชันบ้างหรือ?”

ซูชิงฉือส่ายหัวช้า ๆ

“ทําไมกัน?” หยางเย่กล่าว “พวกเขาเริ่มลงมือกับสํานักดาบก่อน ดังนั้นทําไมถึงไม่โต้กลับบ้างล่ะ? ไม่ดีกว่าหรือหากเริ่มโจมตีกลับ?”

ซูชิงฉือกล่าว “เพราะสํานักดาบราชันมีหลายสิ่งที่ยังกังวลอยู่!” น้ําเสียงนางดูหดหูอย่างมาก

หยางเยจึงรีบเอ่ยถาม “ชิงฉือสถานะท่านคืออะไรในสํานักดาบราชันกันแน่?”

ซูชิงฉือหันไปมองหยางเย่ “ข้าไม่มีสถานะพิเศษใด และยังไม่มีอํานาจมากมาย”

หยางเยู่ขมวดคิ้ว “ด้วยตัวตน และความแข็งแกร่งของท่าน มันน่าจะไม่ยากที่จะเป็นผู้อาวุโสในไม่ใช่หรือ?”

“ข้าแค่ต้องการจะบ่มเพาะพลังวิชาดาบในอดีต และไม่มีเวลามาทําเรื่องพวกนั้น!” ซูชิงฉือมองหยางเยอีกครั้ง “ทําไมเจ้าถึงถามล่ะ?”

หยางเย่เรียบเรียงคําก่อนจะเอ่ย “ชิงฉือ หากท่านต้องการจะฟื้นฟูสํานัก แล้วเหตุใดถึงไม่เข้าไปจัดการเองล่ะ? ชี้นําสํานักดาบราชันด้วยมือของท่านเอง หากเป็นเช่นนั้น ท่านจะสามารถกู้หน้าของสํานักดาบราชันได้แน่นอน!”

“ชื่นําสํานักดาบราชัน?” ซูชิงฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะนางไม่เคยคิดมาก่อน

หยางเย่พยักหน้า “หากสํานักดาบราชันสําคัญกับท่านถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็จงเป็นเจ้าสํานักของสํานักดาบราชันเอง จากนั้นเปลี่ยนสํานักดาบราชันให้เป็นอย่างที่เจ้าต้องการการเปลี่ยนแปลงสํานักดาบราชันไม่อาจทําสําเร็จได้เพียงท่านคนเดียว แต่ต้องใช้คนของสํานักมามายเมื่อท่านเป็นท่านเจ้าสํานักดาบราชันแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ยากอีก ท่านคิดเห็นเช่นไร?”

ซูชิงฉือเองก็เห็นด้วยเล็กน้อย ผ่านไปชั่วครู่นางมองหยางเย่ก่อนจะเอ่ย “หากข้ากลายเป็นเจ้าสํานักดาบราชั้นเจ้าจะกลับมาสํานักหรือไม่?”

หยางเย่ยิ้มอย่างขมขื่นคําถามนี้อีกแล้ว