บทที่36 แต่งงานกับเจ้าดีจังเลย

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่36 แต่งงานกับเจ้าดีจังเลย

พวกหมอคนอื่นต่างก็เห็นด้วยกันหมด เพราะยังไงพวกเขาก็เข้าวงการแพทย์มานาน ไม่เคยเจอเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน

โม่ฉือหานสีหน้าบึ้งตึง เส้นเลือดปูดนูนขึ้นบนหัว สายตาเต็มไปด้วยความแค้น: “ให้ตายสิ หยุนถิง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

ตอนกลางวันเขานำกำลังทหารไปที่จวนซื่อจื่อ แต่ก็แพ้ย่อยยับกลับมา จวินหย่วนโยวมีองครักษ์เงามังกร ถึงแม้จะใช้อำนาจทั้งหมดที่มีก็ไม่มีทางชนะแน่นอน

ดังนั้นโม่ฉือหานจึงไม่ได้ไปจวนซื่อจื่ออีก แต่พานางงามลั่วเข้าวังแทน

เขาไม่เชื่อว่า ถ้าเสด็จพี่เห็นหยุนถิงทำร้ายคนขนาดนี้ จะไม่ลงโทษนางอีก

ไม่ใช่เพราะโม่ฉือหานรักนางงามลั่วหรอก แต่หยุนถิงรู้ว่านางงามลั่วเป็นผู้หญิงของเขา แต่ก็ยังทำแบบนี้กับนาง นี่มันตบหน้าเขาชัดๆ ถ้าเขาไม่สนใจ หยุนถิงก็หัวเราะจนฟันร่วงน่ะสิ

นางงามลั่วซาบซึ้งใจมาก นางกลายเป็นสภาพแบบนี้แล้ว ท่านอ๋องก็ยังพานางเข้าวัง นางงามลั่วรู้สึกซึ้งใจมาก

แต่นางหารู้ไม่ว่า หลีอ๋องทำแบบนี้ก็เพื่อหน้าตาของเขาทั้งนั้น

ณ วังหลวง

หลีอ๋องขอเข้าเฝ้ากลางดึก ฮ่องเต้หลับนานแล้ว ซูกงกงอยากให้พวกเขาออกไป แต่เห็นนางงามลั่วหัวเราะไม่หยุด หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลออกมา ก็ยังหัวเราะอยู่ ซูกงกงก็มีสีหน้ารังเกียจและโมโห

“บังอาจนัก ฝ่าบาทพักผ่อนแล้ว ยังกล้าหัวเราะเสียงดังหน้าตำหนักอีก เจ้ารู้หรือไม่หากรบกวนการพักผ่อนของฝ่าบาทจะเป็นอย่างไร” ซูกงกงพูด

นางงามลั่วตกใจจนรีบคุกเข่าลง พยายามส่ายหน้าอยากอธิบาย แต่กลับพูดไม่ออก ทำได้แค่หัวเราะไม่หยุด

“กงกง ข้ามาเพราะเหตุนี้ นางงามของข้าโดนหยุนถิงยัยอัปลักษณ์นั่นทำร้าย หลังจากหลับมาก็หัวเราะไม่หยุด ก็เหมือนกับที่กงกงเห็น ข้าเชิญหมอกับหมอหลวงไปก็ไม่มีประโยชน์ หมอหลวงหลิวก็ทำอะไรไม่ได้ บอกว่าหยุนถิงปองร้ายนางงามของข้า

ข้าว่าจะไปถามที่จวนซื่อจื่อ แต่จวินหย่วนโยวมีองครักษ์เงามังกรคอยดูแล ขวางข้าไว้นอกประตู แถมยังฆ่าทหารของข้าไปอีก ขอเสด็จพี่ทวงความยุติธรรมให้ข้าด้วย” หลีอ๋องพูดอย่างเย็นชา

ซูกงกงได้ฟัง มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ: “หลีอ๋องรอก่อน บ่าวจะไปรายงานเดี๋ยวนี้”

เห็นซูกงกงเดินเข้าไป หลีอ๋องก็ถึงโล่งอก

ถึงเขาจะไม่เข้าวังมารายงาน แค่เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของนางงามลั่ว กลางดึกแบบนี้คงทำให้เสด็จพี่ตื่นแล้วล่ะ

พริบตาเดียวซูกงกงก็ออกมา: “ท่านอ๋อง เชิญตามข้าเข้ามาได้เลย”

“รบกวนซูกงกงด้วย” หลีอ๋องพานางงามลั่วเข้าไป

ฮ่องเต้ถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก สีหน้าไม่พอใจ เมื่อกี้ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาก ทั้งแสบหูและแปลกใจ ได้ยินแบบนี้ตอนกลางคืนก็สยองอยู่เหมือนกัน

มองดูนางงามลั่วที่มีสีหน้าซีดเหลือง ขอบตาดำก่ำ ไม่เหมือนกับนางงามที่รู้จักเลย ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว: “ซูกงกงบอกข้ามาแล้ว เรื่องราวความเป็นไปเป็นยังไงข้าจะตรวจสอบให้ละเอียด ข้าจะสั่งให้คนเรียกหยุนถิงมาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้”

“ขอบพระคุณเสด็จพี่”

ซูกงกงไปตามคำสั่ง เห็นประตูจวนซื่อจื่อปิดสนิท เขาใช้ให้คนเคาะประตูเสียงดังอย่างไม่ลังเล

ข้ารับใช้เห็นซูกงกงมา ก็รีบเข้าไปรายงานซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงที่นอนกลับแล้ว ทันใดนั้นก็ถูกคนปลุกให้ตื่น จวินหย่วนโยวมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ยังไงซูกงกงก็เป็นข้ารับใช้คนสนิทกับฮ่องเต้ จวินหย่วนโยวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ซื่อจื่อ ซูกงกงมากลางดึกมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” หยุนถิงง่วงมาก ยังไม่ลืมตาก็ถามอย่างงัวเงีย

“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไปดูก่อน เจ้านอนต่อเถอะนะ” จวินหย่วนโยวห่มผ้าให้หยุนถิง ก็ถึงเดินออกไป

ซูกงกงเห็นเขามาคนเดียว ก็รีบทำความเคารพ: “บ่าวขอคารวะซื่อจื่อ ฝ่าบาทเรียกตัวคุณหนูหยุนเข้าวังโดยด่วน ขอซื่อจื่อร่วมมือด้วย”

“ฝ่าบาทอยากเจอหยุนถิงตอนดึกเหรอ เรื่องอันใดกัน ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ พรุ่งนี้ข้าค่อยพานางเข้าวัง?” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเย็นชา

“ซื่อจื่อ รอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้หรอก หลีอ๋องกับนางงามลั่วยังรออยู่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในวังหลวง” ซูกงกงร้อนใจมาก แต่ก็ไม่กล้าทำเสียมารยาท

ทุกคนต่างก็รู้ว่าจวินหย่วนโยวจิตไม่ปกติ อำมหิตโหดเหี้ยม ฆ่าคนตาไม่กะพริบ ถ้าเขาโมโหขึ้นมาจริงๆ เขาก็คงเดินออกจากจวนซื่อจื่อไม่ได้เหมือนกัน ขันทีคนหนึ่งก็เป็นแค่มดตัวเล็กในสายตาของจวินซื่อจื่อ

“หลีอ๋อง นางงามลั่ว” จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว สักพักก็นึกออก: “หลีอ๋องเก่งจริงเลยนะ ไปฟ้องถึงหน้าฮ่องเต้เลยเหรอ”

“ซื่อจื่อ นางงามลั่วเป็นหนักมากจริงๆ ตอนนี้ท่าทางอย่างกับผี หัวเราะไม่หยุด น่าสงสารมาก” ซูกงกงพูดขึ้น

“ซูกงกงรอก่อน ข้าจะไปเรียกหยุนถิง” จวินหย่วนโยวเดินกลับเข้าห้อง

“ขอบพระคุณซื่อจื่อ”

ภายในห้อง หยุนถิงนอนหลับงัวเงีย ได้ยินจวินหย่วนโยวพูด: “หลีอ๋องไปฟ้องเจ้าที่หน้าฮ่องเต้ ตอนนี้พานางงามลั่วรอเจ้าอยู่ในวัง เจ้าจะไปไหม?”

หยุนถิงตื่นขึ้นมา ต่อมาก็บ่นว่า: “หลีอ๋องไปฟ้องฮ่องเต้เหรอ เป็นผู้ชายจริงหรือเปล่า เรื่องแค่นี้จัดการเองก็ได้ไหม”

“เกรงว่าคงจับจุดอ่อนเจ้าได้พอดี เลยคิดจะให้ฮ่องเต้ลงโทษเจ้า”

“ให้ตายสิ โม่ฉือหานคนขี้ขลาดคนถ่อย ข้าจะรีบเข้าวังเดี๋ยวนี้ เขาคงกำลังว่าร้ายข้าอยู่ ซื่อจื่อนอนต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า” หยุนถิงลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า

“ข้าไปกับเจ้านะ” จวินหย่วนโยวพูด

“ไม่ต้องหรอก กลางคืนอากาศหนาวแถมมีลมพัดด้วย ท่านยังไม่แข็งแรงดี ไม่ต้องไปกับข้าก็ได้”

“ไม่เป็นไร ถ้าผู้หญิงตัวเองยังปกป้องไม่ได้ งั้นข้าก็ไม่คู่ควรกับการเป็นซื่อจื่อแล้ว” จวินหย่วนโยวพูด

หยุนถิงซึ้งใจมาก: “ซื่อจื่อ แต่งงานกับท่านดีจริงๆเลย”

คำพูดนี้มาจากใจจริงของนาง

“เด็กโง่ เกรงใจข้าทำไม” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า กลับเห็นหยุนถิงยังไม่ขยับตัว: “ทำไมไม่ใส่แล้วล่ะ”

หยุนถิงทำท่าหงุดหงิด: “ซื่อจื่อ ชุดกระโปรงนี้ใส่ยากจริงๆ มีหลายชั้นเกินไป ข้าใส่ไม่เป็น ถ้าใส่ชุดผู้ชายที่ข้าซื้อมา จะดูไม่เป็นทางการหรือเปล่า”

จวินหย่วนโยวมองดูท่าทางของนาง ก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา: “ข้าช่วยเจ้าใส่เอง”

“ซื่อจื่อใส่ชุดผู้หญิงเป็นด้วยเหรอ หรือเมื่อก่อนท่านเคยใส่ให้ผู้หญิงอื่นมาก่อน?” หยุนถิงถามอย่างสงสัย

“ห้ามพูดจาไร้สาระ ข้าไม่เคยใส่ให้หญิงอื่นมาก่อน เสื้อผ้าของผู้หญิงผู้ชายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แค่เห็นก็ทำเป็นแล้ว” จวินหย่วนโยวหยิบกระโปรงมาใส่ให้นาง

หยุนถิงตะลึง: “ซื่อจื่อฉลาดมากจริงๆ แค่มองตาเดียวก็ทำเป็นแล้ว ข้ามองยังไงก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี”

“พรุ่งนี้ข้าสอนเจ้านะ” พอพูดจบ จวินหย่วนโยวก็รู้สึกกระอักกระอ่วน

ผู้ชายสอนผู้หญิงใส่เสื้อผ้า ฟังยังไงก็พูดทะแม่งๆแปลกๆ

“ได้เลย ขอบคุณซื่อจื่อมาก ซื่อจื่อเก่งทั้งภายนอกและภายในบ้านเลยนะ แถมยังหล่อเหลาด้วย ข้าได้แต่งงานกับท่าน ช่างเป็นบุญบารมีของข้าจริงๆ” หยุนถิงเอ่ยชม

เพราะใส่เสื้อผ้า ทำให้ทั้งสองใกล้กันมากขึ้น จวินหย่วนโยวช่วยนางผูกกระโปรง มือก็แตะโดนเนื้อตัวเป็นบางครั้ง บวกกับที่เสียงลมหายใจที่ประสานกัน สายตาของจวินหย่วนโยวลึกซึ้งมากขึ้น