ตอนที่ 222 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรตีตัวออกห่าง (3)

หวนคืนชะตาแค้น

กู้​ซิ่ว​ถิ​งมุ​่​นคิ​้ว​ ​เขา​คิด​อยาก​พูด​อะไร​ต่อ​อีก​สักหน่อย​ ​ทว่า​ฉับพลัน​เขา​ก็​สาวเท้า​ด้วย​ความเร็ว​พุ่งตัว​ไป​เปิด​ประตู​ที่​ปิด​สนิท​ออก​ด้วย​ท่าที​ดุดัน​ ​ร่าง​ของ​หญิงสาว​ตัวเล็ก​อรชร​ก็​ถลา​เข้ามา​ ​“​เจ้า​เป็น​ใคร​”​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​เอ่ย​ถาม​เสียง​ขรึม

หญิงสาว​ผู้​นั้น​เป็น​บ่าว​รับใช้​ของ​จวน​ผิง​อ๋อง​ซึ่ง​ไม่​ค่อย​เตะตา​ใคร​นัก​ ​แต่​นาง​เป็น​บ่าว​รับใช้​ข้าง​กาย​ของ​พระ​ชายา​ผิง

“​ท่าน​…​ท่าน​อ๋อง​…​กู้​ ​กู้​…​”​ ​บ่าว​รับใช้​ตกใจ​ไม่น้อย​ ​ถึงแม้​จะ​รีบ​ปิดปาก​ ​แต่​แววตา​ที่จับ​จ้อง​กู้​ซิ่ว​ถิ​งก​ลับ​เต็มไปด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​และ​หวาดผวา

“​เจ้า​รู้จัก​ข้า​ด้วย​หรือ​”​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​เลิก​คิ้ว​ถาม​ ​ถึงแม้​เขา​จะ​ไม่ได้​สวมหน้ากาก​ ​แต่​รอยแผล​เป็น​บน​ใบหน้า​ ​อีกทั้ง​เขา​ไม่ได้​ปรากฏตัว​ใน​เมืองหลวง​มา​หลาย​ปี​แล้ว​ ​คนใน​เมืองหลวง​ที่​พอ​จะ​จำ​เขา​ได้​คงมี​ไม่​มาก​ ​บ่าว​รับใช้​ผู้​นั้น​ส่าย​ศีรษะ​ด้วย​ท่าที​ลนลาน​ไม่ยอม​พูด​อะไร​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​เลย​กล่าว​เสียง​เรียบ​ ​“​ให้​ข้า​ลอง​คิดดู​ก็แล้วกัน​ว่า​เจ้า​เป็น​ใคร​ ​ฝ่า​บาท​…​กง​อ๋อง​…​หรือ​จื้อ​อ๋อง​”

“​ท่าน​อ๋อง​…​บ่าว​…​บ่าว​ไม่ได้​…​”​ ​บ่าว​รับใช้​ผู้​นั้น​มอง​มู่​หรง​ซีพร​้​อม​ท่าที​วิงวอน​ ​มู่​หรง​ซียิ​้ม​พลาง​อย่างสงบ​เอ่ย​ ​“​ซิ่ว​ถิง​ ​ไม่ต้อง​กังวล​ไป​ ​บ่าว​รับใช้​ผู้​นี้​…​เป็น​คน​ของ​น้อง​เจ็ด​ ​ไม่​สิ​ ​นาง​เป็น​คน​ของ​จวน​แม่ทัพ​ใหญ่​”​ ​บ่าว​รับใช้​จ้องมอง​มู่​หรง​ซีด​้วย​ท่าที​ตกตะลึง​ ​นาง​คิด​ว่า​ตัวเอง​ปกปิด​สถานะ​ได้ดี​อย่างไร​้​ที่​ติมา​ตลอด​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​มู่​หรง​ซีจะ​รู้​ภูมิหลัง​ของ​นาง​มานาน​แล้ว

“​มู่​หรง​จ้าว​หรือ​”​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​มอง​บ่าว​รับใช้​ผู้​นั้น​ ​“​เช่นนั้น​คง​เก็บ​เจ้า​ไว้​ไม่ได้​แล้ว​”

บ่าว​รับใช้​ดิ้นรน​หาทาง​หนี​ไป​จาก​ห้อง​หนังสือ​อย่าง​หวาดผวา​ ​จู่ๆ​ ​มู่​หรง​ซีที​่​นั่ง​อยู่​ด้าน​ข้าง​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​ ​จากนั้น​ก็​มีแสง​สีเงิน​ประกาย​พาด​ผ่าน​ไป​อย่างรวดเร็ว​พร้อม​ปรากฏ​รอย​เลือด​บน​ลำคอ​ของ​นาง​ค่อยๆ​ ​ไหล​ซึม​ออกมา​ ​จู่ๆ​ ​ช่วง​วินาที​สุดท้าย​ของ​ชีวิต​นาง​ก็​ตระหนัก​ได้​ว่า​ ​ถึงแม้​คุณชาย​ซิ่ว​ถิง​จะ​เป็น​เพียง​ผู้​มากความ​รู้​ฝีมือ​การต่อสู้​ไม่ได้เรื่อง​ ​แต่​อดีต​องค์​รัชทายาท​ผิง​อ๋อง​นั้น​เคย​ได้รับ​การขนานนาม​ว่า​ผู้​เก่ง​รอบด้าน​ ​อีกทั้ง​ในเมื่อ​จวน​แม่ทัพ​ใหญ่​ส่งตัว​บ่าว​รับใช้​ที่​มี​วิทยา​ยุทธ์​แฝง​เข้ามา​ใน​จวน​ ​เกรง​ว่า​ผิง​อ๋อง​คง​สงสัย​นาง​ตั้งแต่แรก​แล้ว​กระมัง

กู้​ซิ่ว​ถิ​งก​้​มห​น้า​ลง​มอง​หญิงสาว​ที่นอน​ตายตาไม่หลับ​บน​พื้น​ ​จากนั้น​ก็​ล้วง​หยิบ​ขวด​เคลือบ​ลายคราม​สวยงาม​ออกมา​อัน​หนึ่ง​ ​เขา​เขย่า​เท​ผง​ใน​ขวด​ออกมา​อย่างเบามือ​ ​เวลา​เพียง​ครู่เดียว​ร่าง​ศพ​ของ​สาวน้อย​บน​พื้น​ก็​หาย​ไป​อย่างไร​้​ร่องรอย​ ​เหลือ​ทิ้ง​ไว้​เพียง​รอยประทับ​สีเข้ม​รอย​หนึ่ง​บน​พื้น​เท่านั้น

มู่​หรง​ซี​เอ่ย​ถาม​อย่าง​สงสัย​ว่า​ ​“​นี่​มัน​ผง​ทลาย​ศพ​ใน​ตำนาน​มิใช่​หรือ​ ​ไป​เอา​มาจาก​ที่ใด​กัน​”​ ​หาก​บอกว่า​เป็น​ของ​ใน​ตำนาน​ก็​ไม่ใช่​เรื่อง​เกิน​จริง​เลย​สักนิด​ ​ในเมื่อ​มู่​หรง​ซี​เคย​แต่​ได้ยิน​ชื่อ​มาบ​้าง​แต่​ไม่เคย​เห็น​เจ้า​นี่​มาก​่อน​เลย​สักครั้ง​ ​หาก​มี​ผง​ทลาย​ศพ​ทั่วทุก​ที่​ ​เช่นนั้น​ใน​วัง​คง​ไม่มี​ศพ​คนตาย​มาก​ขนาด​นี้​ ​รวมถึง​บน​โลก​ใบ​นี้​คงมี​คน​หายตัว​ไป​นับไม่ถ้วน​ด้วย​ ​กู้​ซิ่ว​ถิง​เก็บ​ขวด​ใบ​นั้นแล​้ว​เอ่ย​ยิ้ม​ๆ​ ​“​มู่​ชิง​อี​เป็น​คน​ให้​ไว้​”​

มู่​หรง​ซี​เลิก​คิ้ว​ ​“​ชิง​อี​หรือ​ ​นาง​น่าสนใจ​ไม่น้อย​ ​แม้แต่​ของ​พวก​นี้​ยัง​หามา​ได้​ด้วย​”​

กู้​ซิ่ว​ถิง​ยิ้ม​ตอบ​ไม่​ปริปาก​พูด​อะไร​ ​ใน​มือ​ของ​ชิง​อี​มี​ของ​น่าสนใจ​เยอะ​มาก​จริงๆ​ ​ส่วน​นาง​เอา​มาจาก​ไหน​ซิ่ว​ถิ​งก​็​พอ​เดา​ได้​อยู่​บ้าง​ ​ครั้น​นึกถึง​คน​หน้าด้าน​ทำตัว​เหลาะแหละ​ไป​วัน​ๆ​ ​ขึ้น​มา​ ​คุณชาย​ซิ่ว​ถิ​งก​็​อด​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ไม่ได้

พอ​ถึง​การประชุม​ราชสำนัก​ใน​เช้าตรู่​วัน​ถัดมา​ ​ฮ่องเต้​แคว้น​หวา​ก็​ทรง​ประกาศ​พระราช​โองการ​ให้​องค์​ชาย​ใหญ่​มู่​หรง​เค​่อ​ ​องค์​ชาย​สี่​มู่​หรง​เสีย​ ​และ​องค์​ชาย​เจ็ด​มู่​หรง​จ้าว​ร่วมมือ​กัน​ทำการ​ตรวจสอบ​คดี​ของ​ตระกูล​กู้​กับ​ศาล​อิง​เทียนฝู​่​ ​ศาล​ต้า​หลี​่​และ​ศาลอาญา​ใหม่​อีกครั้ง​ ​เพราะ​พระราช​โองการ​ครั้งนี้​ทำให้​ทุกคน​ส่งข่าว​เร็ว​แพร่​ออกมา​ว่า​ ​กง​อ๋อง​มู่​หร​งอ​วี​้​ถูก​ฝ่า​บาท​สลัดทิ้ง​อย่าง​สมบูรณ์​แล้ว

ดั่ง​สำนวน​ที่ว่า​ต้นไม้​ล้ม​ ​ฝูง​ลิง​แตก​กระเจิง​ ​แต่​เหตุการณ์​ที่​มู่​หร​งอ​วี​้​เผชิญ​ก็​คือ​ต้นไม้​อย่าง​เขา​ยัง​ไม่ทัน​ล้ม​ ​แต่​บรรดา​ลูกน้อง​ที่​เคย​ติดตาม​เขา​ใน​วันวาน​กลับ​ร้อนอกร้อนใจ​อยาก​ผลัก​เขา​ให้​ล้ม​จนใจ​จะ​ขาด​ ​เหล่า​ขุนนาง​ภายใต้​อาณัติ​ของ​จวน​กง​อ๋อง​ก็​ทะเลาะ​ตี​กันเอง​ไม่​หยุด​ ​จน​สุดท้าย​พอ​รู้ตัว​อีกที​มู่​หร​งอ​วี​้​ก็​ค้นพบ​ว่า​ตัวเอง​นั้น​ไม่​เหลือ​ใคร​แล้ว

ความจริง​คดี​ของ​ตระกูล​กู้​สืบหา​ความจริง​ได้​ไม่ยาก​นัก​ ​ในเมื่อ​หลักฐาน​ตอน​ฆ่า​ตระกูล​กู้​ยก​ครัว​ตอนนั้น​ดู​ไม่​ค่อย​น่าเชื่อถือ​ ​หาก​ต้องการ​พิสูจน์​ความบริสุทธิ์​ของ​ตระกูล​กู้​ ​ขอ​แค่​คนที​่​เคย​จัดการ​ก่อนหน้านี้​ยอมตาม​สืบต่อ​ก็​ไม่ใช่​เรื่อง​ยาก​อะไร​ ​เมื่อ​เทียบ​กัน​แล้ว​ ​หาก​อยาก​สืบหา​หลักฐาน​ที่​มู่​หร​งอ​วี​้​ใส่ร้าย​ตระกูล​กู้​กลับเป็น​เรื่อง​ยาก​พอสมควร​ ​ในเมื่อ​คนที​่​รู้เรื่อง​ใน​ตอนนั้น​มีน​้อย​ ​อีกทั้ง​จู​หมิง​เยียน​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​อย่างแท้จริง​ก็ได้​ตาย​ไป​แล้ว​ ​หาก​ต้องการ​หา​หลักฐาน​พิสูจน์​ว่า​เรื่อง​นี้​มี​ความเกี่ยวข้อง​กับ​มู่​หร​งอ​วี​้​คง​โยง​เขา​เข้ามา​เกี่ยวพัน​ด้วย​ได้​ยาก​ ​ในทางกลับกัน​หลังจาก​จู​หมิง​เยียน​ตาย​ไป​จวน​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ก็​ต้อง​ถูก​โยง​เข้ามา​ใน​คดี​ด้วย​อีกครั้ง​ ​เพราะ​หลักฐาน​มากมาย​บ่งชี้​ว่า​จดหมาย​ปลอม​ที่​กล่าวว่า​ตระกูล​กู้​ทรยศ​บ้านเมือง​ใน​ตอนนั้น​เป็นฝี​มือ​ของ​จู​หมิง​เยียน​ ​อีกทั้ง​ตอนนั้น​จู​หมิง​เยียน​และ​มู่​หร​งอ​วี​้​ก็​ยัง​ไม่ได้​อภิเษก​กัน​ด้วย​ ​ดังนั้น​ความผิด​นี้​จึง​ตกไป​อยู่​ที่​จู​เปี้ยน​แทน

แม้ว่า​ตน​จะ​ถูก​มู่​หร​งอ​วี​้​พาซวย​ไป​ด้วย​ ​แต่​จู​เปี้ยน​กลับ​ทำได้​แค่​กล้ำกลืน​อดกลั้น​เอาไว้​พูด​อะไร​ไม่ได้​ ​ไม่ใช่​ว่า​ตน​ไม่​อยาก​หา​ข้อ​แก้ต่าง​ให้​ตัวเอง​ ​แต่​เหล่า​องค์​ชาย​ที่​เข้าร่วม​สืบ​คดี​นี้​ตัดสินใจ​แล้ว​ว่า​ไม่เพียงแต่​จะ​ตี​มู่​หร​งอ​วี​้​ให้​แพ้​ยับเยิน​ ​แต่​ยัง​คิด​จะ​โค่น​อำนาจ​ทุกอย่าง​ของ​เขา​ด้วย​ ​อีก​อย่าง​จู​เปี้ยน​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​เป็น​คนใน​เรือ​ลำ​เดียว​กับ​มู่​หร​งอ​วี​้​และ​ช่วย​อะไร​เขา​มาตั​้​งมาก​ ​ดังนั้น​พวกเขา​ไม่มีทาง​ปล่อย​จู​เปี้ยน​ไป​อยู่​แล้ว

“​ท่าน​อ๋อง​”​ ​พระ​ชายา​ผิง​หนาน​ยกแก้ว​ชา​เข้ามา​ใน​ห้อง​หนังสือ​ ​ครั้น​เห็น​สีหน้า​อิดโรย​หลัง​กอง​เอกสาร​ของ​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​นาง​ก็​ขอบตา​แดงก่ำ​ ​หลาย​วัน​มานี​้​เรื่อง​ใน​จวน​ผุด​ขึ้น​มามาก​มาย​เต็มไปหมด​ ​สาเหตุ​การตาย​ของ​บุตรสาว​ยัง​ไม่ทัน​สืบ​กระจ่าง​ดี​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มาเกิด​เรื่องใหญ่​เช่นนี้​ขึ้น​อีก​ ​จู​เปี้ยน​ถูก​กักตัว​อยู่​ใน​จวน​ห้าม​ออก​ไป​ไหน​ ​พวกเขา​ไม่​จับ​คนใน​จวน​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ทั้งหมด​ไป​ขัง​คุก​ก็​นับว่า​เห็นแก่​ความดี​ความชอบ​ของ​รุ่น​บรรพบุรุษ​ของ​จวน​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​มาก​แล้ว​ ​แต่​จู​เปี้ยน​รู้ดี​ว่า​ ​ทันทีที่​ตน​ต้อง​ข้อหา​ใส่ร้าย​ตระกูล​กู้​ขึ้น​มา​เมื่อไร​…​นั่น​ก็​เป็นการ​กำหนด​วัน​ตาย​ของ​เขา​แล้ว

จู​เปี้ยน​อยาก​ขุด​ศพ​ของ​จู​หมิง​เยียน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ขึ้น​มา​ฟาด​แส้​ระบาย​ความโกรธ​นัก​ ​ตอนนั้น​เขา​ใส่ร้าย​ตระกูล​กู้​ก็​จริง​แต่​เป็นช่วง​หลังจาก​ตระกูล​กู้​เข้า​คุก​ไป​แล้ว​ ​เขา​ก็​แค่​ฉกฉวย​สมบัติ​มาก​็​เท่านั้น​ ​ตอนแรก​เขา​ไม่รู้​เรื่อง​ที่​ตระกูล​กู้​ทรยศ​บ้านเมือง​ด้วยซ้ำ​ ​เพียงแต่​น่าเสียดาย​บุตรสาว​กลับเป็น​หนึ่ง​ใน​ตัวการ​หลัก​ของ​คดี​นี้​ ​ตอนนี้​นาง​ตาย​ไป​แล้ว​ใคร​จะ​เชื่อ​บ้าง​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่ได้​เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​เลย​สักนิด​ ​ต่อให้​เป็น​ฝ่า​บาท​…​ก็​คง​ไม่เชื่อ​เขา​แน่นอน​ ​จู​เปี้ยน​รู้แก่ใจ​ดี​ว่า​ฝ่า​บาท​ต้องการ​แค่​หา​แพะรับบาป​ก็​เท่านั้น

ครั้น​นึกถึง​จู​หมิง​เยียน​ ​แววตา​ที่​จู​เปี้ยน​ใช้​มอง​พระ​ชายา​ผิง​หนาน​จึง​แฝง​ไป​ด้วย​ความ​เย็นชา​ ​พอ​เห็น​แววตา​เกลียดชัง​ของ​เขา​เช่นนั้น​ ​พระ​ชายา​ผิง​หนา​นก​็​ชะงัก​ไป​ ​น้ำตา​พลัน​ไหล​อาบ​แก้ม​ทันที​ ​“​ท่าน​พี่​…​”

เรื่อง​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​โกรธ​ไป​แล้ว​มีประโยชน์​อัน​ใด​ ​จู​เปี้ยน​โบกมือ​ด้วย​ท่าที​อ่อนล้า​ ​“​เอาล่ะ​ ​เจ้า​ออก​ไป​เถิด​”

“​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​”​ ​เสียง​บุรุษ​ทุ้ม​ต่ำ​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​จาก​ประตู​ ​พวกเขา​สอง​คนใน​ห้อง​หนังสือ​ต่าง​ก็​ตกใจ​ยกใหญ่​ ​มอง​ไป​ทาง​ประตู​อย่าง​พร้อมเพรียง​ ​ไม่รู้​ว่า​มีบุ​รุษ​หนุ่ม​สวม​ชุด​สีเทา​มาป​รากฏ​ตัว​อยู่​ตรงนี้​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​บุรุษ​หนุ่ม​ผู้​นั้น​ใบหน้า​เหมือน​คน​ทั่วไป​ไม่มี​อะไร​โดดเด่น​ ​หาก​จับ​เขา​โยน​เข้าไป​ใน​ฝูงชน​ก็​คง​หา​เขา​ไม่​เจอ​ในทันที​ ​แต่​จู่​ ​ๆ​เห็น​เขา​ปรากฏตัว​ใน​จวน​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​เช่นนี้​ ​ก็​รู้ทัน​ที​ว่า​ไม่ใช่​คนธรรมดา​แน่นอน​ ​นอก​จวน​ผิง​หนานจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ถูก​คน​ของ​ฝ่าย​อาญา​ปิดล้อม​ไว้​หมด​แล้ว​ ​ไม่​อนุญาต​ให้​เข้าออก​ได้​ทั้งนั้น​ ​ในเมื่อ​บุรุษ​หนุ่ม​ผู้​นี้​เข้ามา​อย่าง​เงียบๆ​ ​ได้​ก็​แสดงว่า​ต้อง​มีฝีมือ​วิทยา​ยุทธ์​ที่​ไม่ธรรมดา

จู​เปี้ยน​สงบสติอารมณ์​แล้ว​เอ่ย​ถาม​เสียง​ขรึม​ ​“​เจ้า​เป็น​ใคร​กัน​”

บุรุษ​หนุ่ม​เอ่ย​เสียงต่ำ​ ​“​กระหม่อม​ก็​แค่​มาช​่ว​ยส​่ง​จดหมาย​ให้ท่า​นอ​๋​อง​ก็​เท่านั้น​”​ ​ขณะที่​พูด​บุรุษ​หนุ่ม​ก็​ล้วง​หยิบ​จดหมาย​ที่​ปิดผนึก​ซอง​เอาไว้​ขึ้น​มา​วาง​บน​โต๊ะ​ตรงหน้า​ของ​จู​เปี้ยน​ ​บน​ซองจดหมาย​ไม่มี​ลายมือ​ขีดเขียน​หรือ​ตราประทับ​ใด​เลย​ ​จู​เปี้ยน​ชั่งใจ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​ยื่นมือ​ไป​คว้า​หยิบ​จดหมาย​มา​เปิด​อ่าน​ ​ใน​กระดาษ​แผ่น​บาง​เขียน​อยู่​ไม่​กี่​ประโยค​ ​แต่กลับ​ทำเอา​จู​เปี้ยน​สีหน้า​เปลี่ยน​ยกใหญ่​ ​เขา​โยน​จดหมาย​ลง​โต๊ะ​เสียงดัง​ ​พลั่ก​ ​จู​เปี้ยน​หรี่​ตาม​อง​บุรุษ​หนุ่ม​ตรงหน้า​เอ่ย​ถาม​อย่าง​สงสัย​ว่า​ ​“​ข้า​จะ​รู้​ได้​เช่นใด​ว่านี​่​ไม่ใช่​กับดัก​”