ตอนที่ 127 บุคคลที่สาม!

เหมยหลานสาวผมดําหัวเราะคิกคักและพูดว่า

“จิ้งจอกขาวตัวน้อยนั่นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! แม้ว่าจะอาศัยพลังของวิญญาณธาตุลมเพื่อเอาชนะ แต่ความสามารถระดับนั้นที่ทําได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าประสบความสําเร็จเป็นอย่างมากแล้ว!”

ในฐานะผู้ตรวจสอบ จือรัวและเหมยหลานมีสมบัติในการสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ทั้งหมด

แน่นอนว่าพวกเขายังได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง ถังลี่เสวี่ยและ [สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ] อย่างชัดเจนจากการฉายภาพตรงหน้าพวกเขา

การฉายภาพนี้มาจากการมองเห็นหุ่นนกอินทรีหลายตัวที่บินอยู่เหนือปา

“ความเร็วของพวกเขาค่อนข้างเร็วสําหรับลูกของวิญญาณธาตุลม และสัตว์อสูร หากจิ้งจอกขาวนั้นวิวัฒนาการต่อไปเป็นสัตว์อสูร มันจะไปถึงระดับชั้นสูงได้อย่างง่ายดายแน่นอน!เหมยหลานจิ้งจอกขาวตัวนี้ ฉันต้องการให้เข้าชั้นเรียนของฉัน!” จือรัว เด็กหญิงผมแดงประกาศขณะชี้นิ้วไปที่ร่างของถังลี่เสวี่ยในการฉายภาพที่ยังคงวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาที่รกร้าง

“ฮีฮี ไว้ค่อยมาดูกันที่หลังว่าเขาจะเลือกเรียนคลาสไหน” เหม่ยหลานหยุดพูด และขมวดคิ้วเมื่อเห็นการฉายภาพอีกอัน

มีคนสวมชุดดํากระโดดลงจากทะเลสาบใกล้กับพื้นที่ป่าเป็นจํานวนมาก

จือรัวขมวดคิ้วและถามเหมยหลานด้วยความสงสัย

” คนเหล่านี้ทําตัวน่าสงสัยจริงๆ คุณคิดว่าพวกเขาเป็นใคร?”

“พวกเขาควรเป็นคนจากนิกายปีศาจ นิกายดาบอมตะกําลังพัฒนาเร็วเกินไป ดังนั้นพวกเขาจงมาที่นี่เพื่อทําลายการสอบเข้าของศิษย์ใหม่ของสํานักดาบอมตะเพื่อเป็นการเตือน” เหมยหลานหัวเราะแล้วตอบอย่างเกียจคร้าน

“ตอนนี้เราควรทําอย่างไรดี เราควรยกเลิกการทดสอบครั้งที่สอง และเปลี่ยนสถานที่หรือเราควรฆ่าพวกมันให้หมด?” จือรัวถามเหมยหลานอีกครั้ง

“ทําไมเราต้องทําอย่างนั้นด้วยล่ะ? ฉันคิดว่าพวกเขามาถูกเวลาแล้วนะ การทดสอบครั้งที่สองนี้เริ่มน่าเบื่อหน่อยเกินไปแล้ว ฉันว่าจากนั้นมันจะมีชีวิตชีวา และน่าสนใจยิ่งขึ้นอีก!” เหมยหลานหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข และดวงตาออบซิเดียนที่ชวนให้หลงใหลของเธอก็ส่องประกายอย่างคาดหวัง

จือรัวกลอกตา และพูดกับเหมยหลาน

“แล้วมันจะอันตราย และวุ่นวายขึ้นอีกมั้ย?! ”

ทุกคนคงคิดว่า จือรัว เป็นคนที่โหดร้ายที่สุดในบรรดาสองคนนี้ เนื่องจากเธอเป็นผู้สอนจากคลาสปฏิบัติการ บุคลิกของเธอก็หยาบคาย และพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเธออย่างชัดเจนเสมอ

ตรงกันข้ามทุกการเคลื่อนไหวของเหมยหลานนั้นเต็มไปด้วยความสง่างามอยู่เสมอ ใบหน้าที่ชวนให้หลงใหลของเธอ และวิธีการแสดงของเธอ เธอมักจะเปล่งประกายออร่าที่อ่อนโยนซึ่งทําให้หัวใจของทุกคนผ่อนคลาย เธอยังเป็นผู้สอนจากคลาสผู้ตรวจสอบ

น่าเสียดายสิ่งที่ทุกคนที่เชื่อมั่นในความประทับใจแรกพบครั้งนี้ มันผิดพลาดครั้งใหญ่!

หญิงสาวผมแดง จือรัว เป็นจิ้งจอกที่ภายนอกดูแข็งแต่ข้างในอ่อนโยน เธอดูเหมือนผู้สอนที่เข้มงวด แต่จริงๆ แล้วเธอมักจะปกป้องนักเรียนของเธอจากอยู่เสมอ และเธอจะไม่ทําให้นักเรียนของเธอตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายใดๆ

เหมยหลานที่มีผมสีดํานั้นตรงกันข้ามกับจือรัวโดยสิ้นเชิง เธอดูเหมือนผู้สอนที่อ่อนโยนสําหรับนักเรียนของเธอทุกคน แต่ในความเป็นจริงเธอมักจะฝึกนักเรียนของเธออย่างโหดร้ายเสมอ

เธอจะโยนนักเรียนทั้งหมดของเธอให้เข้าไปในสถานการณ์อันตรายต่างๆ และไม่เคยช่วยพวกเขาเพื่อที่จะทําให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น อัตราการเสียชีวิตของนักเรียนของเหมยหลานสูงที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมด

จือรัวเริ่มสงสารจิ้งจอกทั้งหมดที่เลือกเข้าร่วมคลาสผู้ตรวจสอบในปีนี้

ถังลี่เสวี่ยและญาญ่าเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวหลังจากผลของ [การสถิตร่างของเทพ] หมดลง

โชคดีที่คราวนี้ไม่มีใครขัดจังหวะการนอนของพวกเขา พวกเขานอนหลับได้จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

ถังลี่เสวี่ยและญาญ่าค่อยๆลืมตาขึ้น และท้องทั้งสองก็ดังก้อง ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา

ญาญ่าใช้ [กระสุนอากาศ) เพื่อเปิดทางเข้าถ้ํา และทั้งคู่ก็เดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์

หลังจากทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดครั้งใหญ่ และผล็อยหลับไปในถ้ําที่อุดอู่เป็นเวลาครี่งวันมันสบายมากสําหรับพวกเขาเมื่อสูดอากาศภายนอกเต็มปอด

“ไปกันเถอะญาญ่า! เราจะออกล่าสัตว์อสูรเพื่อกินเป็นอาหารเช้า จากนั้นเราจะเริ่มการค้นหาอีกครั้ง

ถังลี่เสวี่ยบอกงานที่พวกเขาต้องทําในวันนี้ผ่านความคิดของเธอไปยังญาญ่า

ญาญ่าพยักหน้าหัวเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และก็ยิ้มอย่างมีความสุข

สําหรับญาญ่าแล้ว การได้อยู่กับถังลี่เสวี่ยตลอดเวลาคือความสุขที่แท้จริงของเธอ

เธอเต็มใจที่จะได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยถังลี่เสวี่ย และเต็มใจที่จะอดอาหารตราบเท่าที่เธอจะได้อยู่กับถังลี่เสวี่ยเสมอ

ญาญ่าและถังลี่เสี่ยออกสํารวจบริเวณโดยรอบเพื่อค้นหาสัตว์อสูรที่จะกิน แต่น่าแปลกที่พวกเขาไม่พบสิ่งใดเลย แม้จะค้นหาเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้วก็ตาม

“นี่มันแปลกจริงๆ! มันจะเข้าใจได้อยู่นะ ถ้าเราหามนุษย์ไม่เจอ เพราะสุนัขจิ้งจอกตัวอื่นๆ ก็ตามล่าอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้กลับไม่พบสัตว์อสูรสักตัวเลย ที่จะนํามาเป็นอาหาร! นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!

ถังลี่เสวี่ยกัดฟัน และไม่เชื่อว่าเธอไม่สามารถหาเหยื่อได้จริงๆ

เธอเปิดใช้งาน (ร่างเทพ] และเรียกจิตวิญญาณการต่อสู้ [ปลาทองบิน] ออกมา และ สั่งให้ญาญ่ากระจายออกไปช่วยกันตามหา ดังนั้นเขาจึงมุ่งไปในคนละทิศทางกัน

ถังลี่เสวี่ยและจิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอยังคงไม่พบอะไรเลยหลังจากค้นหามานานกว่าสิบห้านาที แต่เธอก็ได้รับสารด่วนจากญาญ่า

จิตใจของถังลี่เสวี่ย และจิตใจของญาญ่ายังคงเชื่อมโยงกัน แม้ว่าจะแยกจากกันไปแล้วก็ตามดังนั้นพวกเขาจึงยังสามารถสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย

ถังลี่เสวียรีบเรียกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอ และมุ่งหน้าไปยังที่ญาญ่าอยู่ เธอยังใช้ทักษะ [ก้าวพริบตา] อย่างรวดเร็ว

“ญาญ่า เกิดอะไรขึ้น? คุณพบอาหารของเราแล้วหรอ หรือเจอมนุษย์ที่เราควรจะจับ??

Sr 90

ญาญ่าสายหัวในตอนแรก จากนั้นก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นญาญ่าชี้นิ้วไปที่พุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง

ถังลี่เสวี่ยจ้องที่ญาญ่าอย่างสงสัย และมองออกจากพุ่มไม้เหล่านั้น

จากนั้นเธอก็เห็น กลุ่มมนุษย์ชุดดํา นําคนหลายคนมาด้วย

“เอ๊ะ…เดี๋ยวก่อน….จิ้งจอกดําในมือนั้นดูคุ้นตาจังเลย…”

กลุ่มมนุษย์ชุดดําน้ําจิ้งจอกดําสามหางขนาดเท่าวัวมาด้วย พวกเขาผูกแขนขาทั้งสี่ของมันไว้บนแท่งเหล็กยาว แล้วแบกมันเหมือนหมูปา

ถังเสวี่ยและญาญ่ารู้จักจิ้งจอกดําตัวนี้เป็นอย่างดี จะมีใครอีกถ้าไม่ใช่ศัตรูพวกเขา สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ]

ถังลี่เสวี่ยมักจะอ่านใจของญาญ่าได้ ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าใจความหมายของญาญ่าได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามถังลี่เสวี่ยไม่เข้าใจสิ่งที่ญาญ่าพยายามจะพูดกับเธอ แต่ตอนนี้ถังลี่เสวี่ยรู้แล้วว่า ทําไม ญาญ่าจึงไม่สามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม [สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ) ในตอนนี้แตกต่างจากตอนที่ถังลี่เสวี่ย และญาญ่าต่อสู้มาก่อนอย่ามาก

ร่างกายและผิวหนังของมันเหี่ยวเฉาราวกับว่าเลือดของมันถูกดูดจนแห้งแล้ว

“เฮ้ย เฮ้ย… เฮ้ยไอ้หัวขโมย! ขโมยเหยื่อของฉันไปอย่างนั้นได้ยังไง! และเจ้าคนพาลใหญ่เจ้าปล่อยให้ตัวเองโดนโจรพวกนั้นจับได้ยังไง! ความภาคภูมิใจของคุณในฐานะวายร้ายตัวใหญ่อยู่ที่ไหนหมด!”

ถังลี่เสวี่ยจ้องไปที่ [สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ] เต็มไปด้วยความผิดหวัง

ถังลี่เสวี่ยบอกให้ญาญ่าตามหลังเธออย่างเงียบ ๆ ขณะที่เธอเดินตามชายชุดดําจากด้านหลัง

แผนของถังลี่เสี่ยนั้นเรียบง่ายมาก

เธอต้องการขโมยมนุษย์ที่ถูกจับมาพวกนั้น เพื่อทําภารกิจให้สําเร็จ และนําเหยื่อของเธอ [สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ] คืนมาจากชายชุดดํา

ถังลี่เสวี่ยและญาญ่าตามหลังชายชุดดําอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง และพวกเขาก็มาถึงค่ายของชายชุดดํา

ถังลี่เสวี่ยเพิ่มความระวังของเธอมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอเห็นจํานวนชายชุดดําที่จริง ๆ แล้วมีจํานวนมากกว่าร้อยคน

“ญาญ่า รอตรงนี้ก่อนนะ! ฉันจะเข้าไปสํารวจสถานการณ์ข้างในก่อน จะไว้ อย่าทําอะไรหาก ยังไม่ได้รับคําสั่งจากฉัน เข้าใจมั้ย!”

ถังลี่เสวี่ยมองไปที่ญาญ่าที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ ในขณะที่บอกให้ญาญ่าคอยอยู่ที่นี่ก่อน

ญาญ่ามองไปที่ถังลี่เสวี่ยเต็มไปด้วยความกังวล แต่เธอยังคงพยักหน้าในขณะที่ตบหน้าอกและชี้ไปที่ ถังลี่เสวี่ย ญาญ่ายังพยายามบอกถังลี่เสวี่ยให้ ดูแลตัวเอง และระมัดระวังด้วย”

ถังลี่เสวี่ยพยักหน้ากลับไปที่ญาญ่าด้วย และรีบเข้าไปในค่ายของชายชุดดํา

ถังลี่เสวี่ยแอบเข้าไปในค่ายของชายชุดดําโดยไม่มีใครรู้

ถังลี่เสวี่ยเดาว่าคนชุดดําเหล่านี้ยังไม่อยู่ในระดับการฝึกฝนของผู้อาวุโส พวกเขาน่าจะอยู่ในขั้นการควบแน่นพลังฉีเท่านั้น

แต่ผู้ฝึกฝนขั้นการควบแน่นพลังฉีจากนิกาย และผู้ฝึกฝนขั้นการควบแน่นพลังฉีที่ยังไม่ได้เข้าร่วมนิกายใดๆ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น ผู้เข้าร่วมสอบนิกายเหล่านี้ บางคนถึงขั้นการควบแน่นพลังฉีแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้เรียนรู้เทคนิคศิลปะการต่อสู้ใด ๆ เพราะพวกเขาไม่มีคู่มือศิลปะการต่อสู้

ในขณะที่ชายชุดดําเหล่านี้ได้เข้าร่วมกับนิกายแล้ว และพวกเขาได้เรียนรู้เทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่หลากหลาย ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเหนือกว่าผู้เข้าสอบอยู่มาก

นั่นคือเหตุผลที่ชายชุดดําสามารถปราบผู้เข้าร่วมสอบนิกายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

ชายชุดดําคนหนึ่งถือดาบคม และพร้อมที่จะถลกหนัง [สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ] ที่น่าสงสารในขณะที่ชายชุดดําคนอื่นๆ นําตัวเชลยของพวกเขาเข้าไปในคุก

ถังลี่เสี่ยเริ่มลังเล เธอจะนํา [สุนัขจิ้งจอกเลือดปีศาจ] มาเก็บไว้เป็นอาหาร หรือจะตามชายชุดดําไปยังที่ที่เขาจับเชลยทั้งหมดไว้ดี