ตอนที่ 262 นั่นคือเยี่ยนเยี่ยน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 262 นั่นคือเยี่ยนเยี่ยน

ตอนที่ 262 นั่นคือเยี่ยนเยี่ยน

ซูเถาคลิกที่ลิงค์ เมื่อเห็นภาพเขาเต็มตัวก็ทำให้เธอไม่สบายใจ

แม้ว่าโบนวิงส์จะดูเหมือนชายหนุ่ม แต่ใบหน้าที่งดงามของเขาทำให้ความทรงจำของซูเถาย้อนกลับไปในครั้งแรกที่เธอเห็นมัน

หลังจากถอดความไร้เดียงสาของวัยรุ่นออกไป โบนวิงส์หนุ่มตัวนี้ก็ดูเลือดเย็นมากขึ้น และมีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเมื่อเทียบกับตอนที่มันยังเป็นเด็ก มันดูไม่ต่างจากคนธรรมดาเลย!

สีผิวบนใบหน้านั้นเหมือนจริงมาก ดูเหมือนว่ามีหัวใจเต้นอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนมนุษย์ ไม่น่าแปลกใจที่มีข่าวลือว่าแทบไม่มีใครเชื่อว่าเป็นซอมบี้

ผู้ที่ไม่เข้าใจจะไม่นึกถึงซอมบี้เลย พวกเขาแค่คิดว่ามันเป็นฆาตกร

สือจื่อจิ้นขมวดคิ้ว

“โดยพื้นฐานแล้ว ลักษณะของใบหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก หลิวพ่านพ่านอาจสงสัยได้ถ้าเห็นมัน”

ถ้าหลิวพ่านพ่านเห็นภาพนี้ขึ้นมาล่ะ

ทุกวันนี้ เธอใช้ชีวิตอย่างน่าสงสาร เธอมักจะกำรูปถ่ายของเยี่ยนเยี่ยนเอาไว้ และเอาแต่เหม่อลอยทุกวัน

ในช่วงเวลานั้น อาจารย์ใหญ่เหมียวก็โทรหาเธอเพื่อบอกว่าหยางหยางป่วยและร้องให้โทรหาแม่ของเขา

หลิวพ่านพ่านกำลังจะหลั่งน้ำตา แต่เธอก็ยังทนไม่ได้ที่จะมองไปที่หยางหยาง

ในตอนกลางคืน เธอเกือบคิดสั้นทำร้ายตัวเองด้วยมีดด้ามหนึ่ง

แต่ทุกครั้งที่ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำพูดของเถ้าแก่ซู

ถ้าหากว่าเยี่ยนเยี่ยนยังมีชีวิตอยู่ เขาคงกำลังรอเธออยู่

เธอเช็ดน้ำตาและพยายามดึงสติ

เธอกำลังจะไปขอโทษอาจารย์ใหญ่เหมียว แต่ขณะที่กำลังออกจากห้อง ก็ได้ยินกลุ่มผู้เช่าที่คุ้นเคยสองสามคนรวมตัวกันที่ทางเดินเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับข่าวหนึ่ง

เดิมทีหลิวพ่านพ่านตั้งใจทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม

แต่คุณย่าเฉินกระตือรือร้นที่จะพาเธอมาและขยายรูปภาพบนอุกปรณ์ให้เธอดู

“เสี่ยวพ่าน เธอต้องดูหน้าคนไม่ดีคนนี้ไว้นะ เขาฆ่าคนไปมากมาย ฉันได้ยินมาว่าเขาหนีมาที่ตงหยาง ทุกครั้งที่เธอไปศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอต้องระมัดระวังตัวนะ และเมื่อเธอเห็นเขา เธอต้องวิ่งหนีนะ แล้วก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีที่เธอมีโอกาส แล้วนี่เธอกำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ แต่ฉันแนะนำว่าช่วงสองสามวันนี้อย่าเพิ่งออกไปไหนเลย ข้างนอกมันอันตรายมาก”

ในตอนแรกหลิวพ่านพ่านไม่อยากเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก แต่เมื่อเธอมองไปที่คนในรูปถ่าย ใบหน้าของเธอก็เริ่มซีดลง

หน้าตาแบบนี้…

ดวงตาของเธอร้อนขึ้น และรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย

เป็นเพราะเธอคิดถึงเยี่ยนเยี่ยนมากเกินไปจนเริ่มมีอาการประสาทหลอน?

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าชายในภาพนั้นคล้ายกับเยี่ยนเยี่ยนมาก เหมือนกับที่เธอจินตนาการไว้นับครั้งไม่ถ้วนเมื่อเยี่ยนเยี่ยนเติบโตขึ้น

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงภาพถ่าย และบุคคลในภาพนั้นเป็นชายหนุ่มอย่างชัดเจน

แต่เธอรู้สึกว่านี่คือเยี่ยนเยี่ยนของเธอ

เธอพยายามเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา แต่ท่าทางของคนในรูปถ่ายยังคงเหมือนเดิม

เธอปิดปากของเธอและมองไปที่ทุกคน รู้สึกเหมือนเธอกำลังมีฝันร้ายที่ยาวนาน

ผู้อาวุโสเหม่ยเรียกเธอที่ประตู “เสี่ยวพ่าน!”

หลิวพ่านพ่านหันมามองเขาด้วยน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณคะ เหมือนว่าฉันจะรู้สึกไม่ค่อยสบาย”

เธอคงจะไม่สบายจริง ๆ

เธอมองฆาตกรที่อยู่ในรูปเป็นเยี่ยนเยี่ยนของเธอได้อย่างไร

เจิ้งซิงรีบวิ่งไปข้างหน้าและจับมือหลิวพ่านพ่านแน่น “ป้าพ่านพ่าน!”

ซูเถาและสือจื่อจิ้นก็รีบมาที่นี่เช่นเดียวกัน

ทันทีที่มาถึง ก็เห็นภาพใบหน้าที่ตื่นตกใจของคุณย่าเฉิน และหัวใจที่แตกสลายของหลิวพ่านพ่าน ทุกคนรู้สึกว่าอากาศถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ

ซูเถาร้องเรียกออกมาอย่างระมัดระวัง “พี่พ่าน”

จู่ ๆ หลิวพ่านพ่านก็คว้าเครื่องสื่อสารในมือของคุณย่าเฉินที่กำลังตกตะลึง และนำรูปถ่ายของเยี่ยนเยี่ยนออกมาอย่างสั่นเทา พร้อมกับแสดงให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเห็นทีละคน และพูดต่อไปว่า

“ดูสิ ดูสิ…พวกเขาดูไม่ต่างกันเลย ฉันคงจะไม่สบายแน่ ๆ”

ซูเถาและคนอื่น ๆ ไม่ได้พูดอะไรสักคำหลังจากที่ดู

เมื่อถึงตาคุณย่าเฉินและผู้เช่าอีกสองคนที่ดู พวกเขาทั้งหมดอุทาน

หลิวพ่านพ่านจ้องมองพวกเขาอย่างแน่วแน่ “พวกคุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหม”

คุณย่าเฉินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอปิดปากและส่ายหัว

ผู้เช่าอีกสองคนที่ยังงุนงง ต่างมองหน้ากันด้วยความกลัว แล้วพูดออกมาว่า

“คล้าย!”

จู่ ๆ หลิวพ่านพ่านก็รู้สึกวิงเวียน

คล้ายเหรอ?

เยี่ยนเยี่ยนของเธอเป็นฆาตกร?

ไม่สิ ไม่ เธอสับสนไปหมดแล้ว เยี่ยนเยี่ยนของเธออายุเพียงสี่ขวบไม่ใช่เหรอ

ซูเถาก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองเธอ

หลิวพ่านพ่านคว้าตัวเธอเอาไว้ราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตและถามว่า

“สิ่งที่พวกเขาพูดมันจริงเหรอ เถ้าแก่ซู ฉันเชื่อคุณที่สุด คุณบอกฉันทีว่าเป็นเพราะฉันป่วย หรือมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ฉัน ฉัน…”

ซูเถารู้สึกว่าเสียงในลำคอของเธอฝืดเคือง และดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง

เมื่อเห็นเธอเช่นนี้ ซูเถาตกใจและหวาดกลัวที่จะพูดมันออกมา “ฉันจะบอกคุณ”

สือจื่อจิ้นก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับนำทั้งสองคนเข้าไปในห้องของผู้อาวุโสเหม่ยแล้วปิดประตู

คุณย่าเฉินเอามือทาบที่หน้าอกของด้วยความหวาดกลัว

“เมื่อครู่เสี่ยวพ่านทำฉันตกอกตกใจหมด หัวใจเกือบวาย…”

ผู้เช่าสองคนถัดจากเธอก็ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปอย่างรวดเร็ว

ซูเถาปลอบใจหลิวพ่านพ่านก่อนที่จะมองไปที่สือจื่อจิ้น

สือจื่อจิ้นพยักหน้าให้เธอ

ซูเถาสูดลมหายใจลึก “นั่นคือเยี่ยนเยี่ยน”

……

หลิวพ่านพ่านแค่รู้สึกว่าฝันร้ายอันยาวนานนี้กลายเป็นจริงแล้ว มันไม่มีทางที่เธอจะหลบหนีเรื่องนี้ไปได้ เธอได้ยินเถ้าแก่ซูพูดว่าฆาตกรคือเยี่ยนเยี่ยนของเธอ อีกทั้งยังบอกว่าเขาเป็นซอมบี้

เขาฆ่าคนไปมากมายและบุกมาที่ตงหยางเพื่อจะมาฆ่าเธอ

แต่เยี่ยนเยี่ยนจะฆ่าเธอได้อย่างไร

หลังจากที่ซูเถาพูดจบ ดวงตาของหลิวพ่านพ่านก็ว่างเปล่า ราวกับว่าวิญญาณของเธอถูกดูดหายไป

“พี่พ่าน?!” ซูเถาตะโกนพร้อมกับโอบไหล่เธอ

ดวงตาของ หลิวพ่านพ่านมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่าอย่างช้า ๆ และถามว่า

“ถ้าเขากลายเป็นซอมบี้ เขาจะยังเจ็บปวดอยู่ไหม?”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่านี่เป็นคำถามแรกที่เธอถาม

ซอมบี้รู้สึกเจ็บปวดได้ไหม?

ไม่มีใครสามารถรู้ได้

แต่ซูเถายังคงพูดอย่างหนักแน่น

“ไม่เจ็บหรอก มีแต่คนเจ็บไข้เท่านั้นที่เจ็บปวด”

หลิวพ่านพ่านหัวเราะ “ถ้าเขาไม่ต้องเจ็บปวดก็ดี”

เธอหัวเราะออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดในใจ

ผู้อาวุโสเหม่ยก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เขาหันศีรษะไปเช็ดมุมตาของเขา

เด็กชายอายุสี่ขวบ เขาได้อยู่ในโลกนี้เพียงไม่กี่ปี และในช่วงชีวิตอันแสนสั้นของเขานี้ นอกเหนือจากความล่มสลายหลังวันสิ้นโลกแล้ว ก็มีแต่ความเจ็บป่วยเท่านั้นที่เขาต้องเผชิญ

ถ้าเมื่อเขากลายเป็นซอมบี้แล้วไม่ต้องเจ็บป่วยอีกต่อไป นั่นก็เป็นเรื่องน่าโล่งใจ

หลิวพ่านพ่านมองไปที่สือจื่อจิ้นและถามเขาอย่างกระอักกระอ่วนว่า “คุณจะจับเขาไหม”

สือจื่อจิ้นตอบเธอด้วยความเงียบ

หลิวพ่านพ่านหลุบตาลง เปลือกตาของเธอสั่นระริกเป็นเวลานาน จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเขาครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ฉันช่วยพวกคุณได้…”

สือจื่อจิ้นมองเธอด้วยความประหลาดใจ

“เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ เพราะความประมาทเลินเล่อของฉันเองที่สร้างสิ่งอันตรายให้กับผู้คนมากมาย ถึงฉันจะสละชีวิตตัวเองก็ยังไม่เพียงพอ”

เธอหัวเราะอย่างน่าสมเพช เหมือนคนเสียสติ

ซูเถาหันศีรษะของเธอออกไป

เหมือนว่าหมอกที่ปกคลุมมาโดยตลอดกำลังจะถูกกำจัดออกไป หลิวพ่านพ่านอาสาเป็นเหยื่อล่อ โดยมีเผยตงนำคนกลุ่มหนึ่งมาพาเธอไปในวันนั้น

เผยตงยังจ้องมองไหลิวพ่านพ่านเข้าไปในรถ จากนั้นก็ปิดประตู เธอมองไปทางสือจื่นจิ้นและพนักหน้าให้เขา

“ท่านพลตรี เราจะวางกับดักในพื้นที่ที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูหมายเลข 5 เมื่อปลาติดเบ็ด คุณต้องมาให้ทันเวลานะ เพราะฉันเกรงว่ามันจะหนีไปได้”

สือจื่อจิ้นพยักหน้า “ ถ้ามีการเคลื่อนไหวใดรีบแจ้งผมทันที”

เผยตงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ความเป็นไปได้ในการจับโบนวิงส์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยเหยื่อล่อ

สือจื่อจิ้นชำเลืองมองซูเถาซึ่งกำลังคุยกับหลิวพ่านพ่านผ่านกระจกอยู่และพูดว่า

“ผมจะพยายามปกป้องหลิวพ่านพ่าน”

ซูเถาไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เพราะความสนใจของเธออยู่ที่รถเท่านั้น

หลิวพ่านพ่านยิ้มเล็กน้อยและพูดกับเธอผ่านกระจก

“ฉันยังติดค้างคำขอโทษอาจารย์ใหญ่เหมียวและหยางหยาง”

“ฉันจะบอกพวกเขาให้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ผู้อาวุโสเหม่ยรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยให้เจิ้งซิงมาพบคุณแทน”

หลิวพ่านพ่านรู้ว่าผู้อาวุโสเหม่ยไม่เต็มใจที่จะส่งเธอออกไป

เจิ้งซิงเบียดใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเข้ากับกระจกและมองมาที่เธอ “ป้าพ่าน ป้าพ่าน….”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เวลากับหลิวพ่านพ่านมากนัก

แต่ป้าพ่านก็เอ็นดูเขาและรักอาจารย์มาก คอยเอาอกเอาใจ คอยช่วยเหลือทุกอย่าง

เขาคิดอยู่เสมอว่าหลิวพ่านพ่านเปรียบเสมือนแม่ของเขา

ถ้าเธอต้องจากไป…เจิ้งซิงก็คงรู้สึกโศกเศร้าไม่น้อย

รถแล่นออกไปแล้ว แต่เขาไม่อาจตามไปได้ด้วย