บทที่ 290 จบอย่างไม่น่ายินดี

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 290 จบอย่างไม่น่ายินดี

บทที่ 290 จบอย่างไม่น่ายินดี

“เมื่อกี้อู๋ฝานเพิ่งพูดว่าเขาเป็นเถ้าแก่ของที่นี่งั้นเหรอ?” เสียงเงียบงันภายในห้องดำเนินต่อไปสักพัก ก่อนเพื่อนร่วมรุ่นชายคนหนึ่งโพล่งคำถามขึ้นมา “ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่านะ?”

กลุ่มคนที่เงียบงันต่างส่ายศีรษะ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่อู๋ฝานพูดเมื่อครู่ พวกเขาได้ยินอย่างชัดเจนและครบถ้วน

“เป็นไปได้ยังไง?” เพื่อนร่วมรุ่นชายคนเดิมพูดต่อ “เปิดร้านนี้ต้องจ่ายเงินมากมายขนาดไหนกัน? อู๋ฝานไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน?”

“มีอะไรเป็นไปไม่ได้?” เจ้าเซียวถิงทักท้วงขึ้นมา “คนสวยเมื่อครู่ที่ชื่อถังอวี่เฟย นาฬิกาข้อมือที่เธอใส่นั่น ราคาก็ปาเข้าไปหกแสนห้าหมื่นแล้ว และอู๋ฝานยังเป็นคนซื้อให้เธอเองด้วย นายพร้อมจะใช้เงินหกแสนห้าหมื่นเพื่อซื้อของให้คนอื่นอย่างไม่ใส่ใจอะไรไหมล่ะ?”

แน่นอนว่าเรื่องที่ถังอวี่เฟยแอบส่งบัตรให้กับอู๋ฝาน เจ้าเซียวถิงไม่ได้ทราบเลยแม้แต่น้อย

คำพูดของเจ้าเซียวถิงทำให้กลุ่มคนยิ่งตื่นตะลึง อู๋ฝานสร้างตัวจนร่ำรวยขนาดนี้? เงินหกแสนห้าหมื่นหยวน ไม่ใช่หกสิบห้าหยวน มีเหรอจะมอบให้คนอื่นโดยไม่คิดอะไรได้?

นอกจากแสดงถึงความใจกว้างไม่คิดอะไรมากแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยของอู๋ฝาน หากเขาไม่มีเงินล้นเหลือ มีเหรอจะให้ของขวัญคนอื่นมูลค่าเกินครึ่งล้านได้ง่าย ๆ?

ตอนนี้เองที่กลุ่มคนจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าเซียวถิงจึงเลือกยืนหยัดอยู่ข้างอู๋ฝาน ที่แท้ก็เป็นเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเดิมที่เคยเป็น ดังนั้นจึงต้องการเกาะต้นขาเอาไว้ให้แน่น

กลุ่มคนเริ่มนึกเสียใจ แต่พวกเขาคล้ายลืมเลือนไปว่าพวกตนเองก่อนหน้านี้ก็คิดเกาะต้นขาหม่าอิงเฟยเช่นกัน

“นี่ฉันพูดไม่ดีกับอู๋ฝานมากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?” เพื่อนร่วมรุ่นคนที่พยายามขยี้ปมอู๋ฝานก่อนหน้านี้ หันไปถามกับเพื่อนข้าง ๆ ด้วยท่าทีกังวล

“ฉันเองก็พูดไม่ดีเหมือนกัน เอาเป็นว่า ทำไมพวกเราไม่ลองชวนอู๋ฝานไปทานมื้อเย็นวันอื่น จะได้เป็นโอกาสขอโทษเขาด้วยเลยล่ะ?” เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เองก็เผยความกังวลออกมาทางสีหน้า

กลุ่มคนที่ก่อนหน้านี้พูดจาไม่ดีใส่อู๋ฝาน ต่างก็กังวลใจ พวกเขาทราบดีว่าการจะเปิดร้านอาหารที่ใหญ่ขนาดนี้ ในทำเลเช่นที่นี่ได้ ไม่เพียงแต่ต้องมีเงิน แต่ยังต้องมีเส้นสาย! หมายความถึงชายหนุ่มไม่ใช่คนยากไร้เช่นที่พวกเขาเคยรู้อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จก้าวหน้า การปล่อยให้อีกฝ่ายโกรธเคืองเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า มันไม่เป็นผลดีกับพวกเขาแม้แต่น้อย อย่างน้อยมันก็เป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาไม่อาจแบกรับไหว!

“หม่าอิงเฟย ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย! ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาย พวกเราคงไม่เพ่งเล็งจะเล่นงานอู๋ฝานอะไรถึงขนาดนั้น”

“ใช่แล้ว! ตอนนี้เห็นกันชัด ๆ ว่านายไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเถ้าแก่ของร้านนี้เป็นใคร แต่กลับคุยโวบอกว่ารู้จักเถ้าแก่ของที่นี่เป็นอย่างดี”

“หม่าอิงเฟย นายควรขอโทษอู๋ฝานนะ เรื่องที่นายทำครั้งนี้มันมากเกินไป”

กลุ่มที่เคยเล่นงานอู๋ฝาน ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะหันไปต่อว่าหม่าอิงเฟย

ในความเห็นของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะหม่าอิงเฟย พวกเขาก็คงไม่ต้องหาเรื่องอู๋ฝาน ทั้งหมดจึงตกเป็นความผิดของอีกฝ่าย

“ไอ้พวกเวรนี่! ฉันบอกให้พวกแกพูดแบบนั้นหรือไง? พวกแกทำตัวเองกันทั้งนั้น กล้าดียังไงมาโทษฉัน?!” หม่าอิงเฟยตอบโต้อย่างกราดเกรี้ยว

เดิมการถูกแฉว่าโกหกต่อหน้าคนมากมาย โดยเฉพาะต่อหน้าเจ้าเสวี่ยอี๋ ก็ทำหม่าอิงเฟยอับอายแทบมุดแผ่นดินอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นยังพร้อมใจต่อว่าเขา จึงยิ่งทำให้ชายหนุ่มมีโทสะพลุ่งพล่านในใจ

เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ต้องการทำดีเอาหน้าเข้าตัวเอง ทว่ากลับกลายเป็นไปหาเรื่องอู๋ฝาน แล้วตอนนี้ยังกล้าจะโทษคนอื่นอีก!

“หม่าอิงเฟย ไม่คิดเลยว่านายเองมันก็แค่นี้ เทียบกันแล้วอู๋ฝานมีอำนาจมากกว่านายไม่รู้กี่เท่า”

“นายก็แค่ทายาทที่สืบทอดมรดก ไม่ได้หาเงินมาด้วยตัวเอง การได้ดื่มด่ำอิ่มเอมกับอาหารหรือของกินของใช้ ก็ไม่ได้มีอะไรน่าภูมิใจเลยสักนิด นายไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายเองด้วยซ้ำ ทำได้ก็แค่ดูหมิ่นอู๋ฝาน เพื่อถีบให้ตัวเองสูงขึ้น!”

เพื่อนร่วมรุ่นหลายคนตอนนี้ไม่กลัวเกรงหม่าอิงเฟยอีกต่อไป ทั้งตอนนี้ยังพร้อมใจกันโต้เถียงหม่าอิงเฟยซะด้วยซ้ำ

เพียงแต่ตอนที่พวกเขาโต้เถียงกับหม่าอิงเฟย พวกเขาก็พร้อมใจกันมองทางโหวเสี่ยวกวงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าต้องการแสดงด้านดีของตนเองให้อีกฝ่ายเห็น แล้วเมื่อถึงเวลาค่อยยืมปากของโหวเสี่ยวกวง ส่งต่อเรื่องราวผ่านไปยังหูของอู๋ฝาน เพื่อช่วยลบล้างความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีต่อพวกเขา อย่างน้อยโกรธน้อยลงก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า ถ้ามีโอกาสซื้อใจ พวกเขาก็พร้อมจะกอดเอาไว้ให้แน่น!

ในใจของคนเหล่านี้ อู๋ฝานเริ่มต้นจากการที่ไม่มีอะไรเลย แต่กลับสามารถก้าวหน้าถึงขนาดเปิดร้านหรูแถวหน้าได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งปี เห็นได้ชัดว่าดีกว่าทายาทตระกูลที่มั่งมีแต่แท้จริงมีอำนาจน้อยนิดอย่างหม่าอิงเฟยเป็นไหน ๆบราวนี่ออนไลน์

คำพูดของเพื่อนร่วมรุ่นทำให้หม่าอิงเฟยโกรธจัดจนหน้าเขียว ปีกจมูกยังกระพือออกอย่างรุนแรง ถลึงตามองด้วยความเกลียดชัง ราวกับคิดฉีกกลุ่มคนตรงหน้านี้ให้เป็นชิ้น ๆ

“ทุกคนสงบใจกันก่อนเถอะ ดื่มกันดีกว่า ดื่ม!” เมิ่งเว่ยฟางที่เป็นหัวหน้าห้องสมัยเรียน ต้องก้าวเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์อีกครั้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“ดื่มกับผีสิ! ไม่ดื่มแล้วโว้ย!” หม่าอิงเฟยกระแทกแก้วไวน์ลงกับโต๊ะตรงหน้าดัง ‘ตึง!’ พร้อมลุกพรวดขึ้นยืนเพื่อเดินทางกลับ

ไวน์นี้ไม่อาจดื่ม ห้องส่วนตัวแห่งนี้ก็ไม่อาจอยู่ต่อได้ สายตาของทุกคนที่มองมา มันราวกับตัวเขาคือตัวตลกหนึ่งเดียวในสถานที่นี้

“ประธานหม่า อย่าลืมจ่ายเงินให้ด้วย ก่อนหน้านี้บอกเองว่าจะเลี้ยงพวกเรา หวังว่าจะไม่กลับคืนคำพูดนะ” โหวเสี่ยวกวงเผยยิ้มพลางเอ่ยเตือน “แน่นอนว่าส่วนของฉันนั้นไม่รบกวนให้นายต้องจ่าย”

ตอนนี้โหวเสี่ยวกวงอารมณ์ดี ไม่เพียงปัญหาจะได้รับการคลี่คลาย แต่ยังได้พบว่าอู๋ฝานก้าวหน้าไปได้ด้วยดี ในฐานะเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย โหวเสี่ยวกวงรู้สึกยินดีกับเขาจากใจจริง

หม่าอิงเฟยแค่นจมูกเสียงดังตอบกลับ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

หม่าอิงเฟยกลับไปแล้ว งานเลี้ยงรุ่นวันนี้จึงจบลงอย่างประหลาด แต่ก่อนที่จะแยกย้ายเดินทางกลับ กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นต่างกระตือรือร้นที่จะเข้าหาโหวเสี่ยวกวง กระทั่งพูดจาด้วยท่าทีอบอุ่นเป็นมิตร ทว่าโหวเสี่ยวกวงเมินเฉย เขาทราบดีว่าเหตุใดคนกลุ่มนี้จึงเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน เขายังจำได้ว่าก่อนหน้าคนพวกนี้พูดจาอย่างไรกับตนเองและอู๋ฝาน

แน่นอนว่าทางด้านเมิ่งเว่ยฟางนั้น โหวเสี่ยวกวงยังมีท่าทีดี ๆ เช่นที่เคยเป็น เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายออกหน้าหาทางช่วยแก้ไขปัญหาให้ อีกทั้งยังไม่เคยมองเหยียดกับทั้งเขาและอู๋ฝาน

เจ้าเซียวถิงและเจ้าเสวี่ยอี๋ต่างก็กลับไปพร้อมกัน ที่ทางเข้าของร้าน เจ้าเสวี่ยอี๋หยุดเท้าก่อนจะหันกลับมามองการตกแต่งร้านที่หรูหราแห่งนี้ พร้อมกับพิจารณากิจการที่เต็มไปด้วยผู้คนมาใช้บริการ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงระหว่างร้านแห่งนี้กับอู๋ฝานได้

“เซียวถิง เธอรู้สถานะตอนนี้ของอู๋ฝานอยู่แล้วใช่ไหม?” เจ้าเสวี่ยอี๋เอ่ยถาม

“ฉันรู้แค่ว่าเขารวยแล้ว ส่วนเรื่องเปิดร้านนี่ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย” เจ้าเซียวถิงตอบกลับ

เรื่องที่อู๋ฝานเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้ เจ้าเซียวถิงยอมรับได้เร็วกว่าใครเพื่อน อย่างไรก่อนหน้านี้เธอก็มองและตัดสินเป็นที่เรียบร้อยว่าอู๋ฝานก้าวหน้าจนร่ำรวย เพียงแต่ตอนนี้เหมือนว่าข้อสันนิษฐานของเธอจะยังไม่แม่นยำมากพอ ตนยังประเมินอู๋ฝานต่ำเกินไป

“ฉันคิดไม่ออกเลยว่าไม่เจอกันเพียงแค่หนึ่งปี อู๋ฝานจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้” เจ้าเสวี่ยอี๋ถอนหายใจพร้อมพึมพำ ทว่าในใจกำลังนึกถึงสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยที่อู๋ฝานเคยชอบตัวเอง ตอนนั้นเองเธอก็ดวงตาเป็นประกาย ราวกับมีความคาดหวังอันแน่วแน่ปรากฏขึ้นในใจ

แม้อู๋ฝานจะพูดด้วยตัวเองไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธออีกต่อไป แต่เรื่องแบบนี้ไม่แน่นอน ในความเห็นของเจ้าเสวี่ยอี๋ มันเป็นเพราะเธอปฏิเสธอีกฝ่าย ทำให้เขายอมถอยไปด้วยตัวเอง ขณะที่ในใจจริง ๆ ยังชอบเธออยู่

“เซียวถิง เธอมีช่องทางใช้ติดต่อเขาใช่ไหม?” เจ้าเสวี่ยอี๋หันกลับมามองทางเจ้าเซียวถิง ในสายตาของเธอปรากฏความมุ่งมั่นบางอย่างที่ยากจะอธิบาย