ตอนที่ 156 คันไม้คันมือ?

“ข้าตกลง!” หยางเย่มองไปที่ชายหนุ่มก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่น ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของเขาก็ลงไปเผชิญตรงหน้าชายหนุ่ม

“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?” ฉินเฟิงที่ยืนข้างมู่หรงเหยาเอ่ยถาม

ประกายเย็นเยือกเผยผ่านมุมปากมู่หรงเหยา “ฉินเฟิง ข้าทราบว่าเจ้าดูถูกหยางเย่เล็กน้อย และคิดว่าเขาอยู่ เพียงแค่ขั้นปราณสวรรค์ระดับสอง แต่ข้าจะบอกให้ทราบ แม้แต่ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ ซีตูโบกําลังหาเรื่องใส่ตัวเข้าแล้ว!”

“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?” ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขายอมรับว่าคนที่สามารถเข้าไปถึงชั้นยี่สิบสองได้นั้นไม่ใช่ขยะ แต่ไม่เชื่อว่าความแข็งแกร่งของหยางเย่จะไม่ได้ด้อยไปกว่าสตรีปีศาจข้างเขา เพราะเวลามันสั้นเกินไปสําหรับการบ่มเพาะพลังของเขา และยังอยู่ขั้นที่ต่ํากว่าซีตโบหลายระดับ

มู่หรงเหยาไม่กล่าวสิ่งใดต่อและมองไปยังหยางเย่ ความร้ายกาจของหีบดาบล้ําค่าในวันนั้นยังติดตานางอยู่จนถึงวันนี้ โดยเฉพาะวิชาดาบที่ลึกลับ ถึงแม้จะเป็นนางก็ยังเกรงกลัวมัน

“ศิษย์พี่ซีต หยางเย่สามารถเข้าไปถึงชั้นยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้ดาบ มันเหมาะสมงั้นหรือที่จะให้น้องชายซีตูโบทําเช่นนี้? เพราะพรสวรรค์ของหยางเย่นั้นนับได้ว่าสามารถเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจในอนาคตได้” ชายหนุ่มข้างซีตูหรงเอ่ยขึ้น

“เจ้ากําลังกล่าวถึงเรื่องอนาคต!” ซีตหรงมองหยางเยู่ด้านล่าง “ข้ายอมรับว่าถ้าพวกเขาทั้งสองมู่หรงเหยา และหยางเย่มีเวลาบ่มเพาะพลังมากพอ ในอนาคตพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเราแน่นอน แต่แล้วยังไงล่ะ? หรือน้องชายข้าจะไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไปยังเทียบอันดับสวรรค์งั้นหรือ? ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อ่อนแอ แน่นอน และข้าก็ยอมรับไม่ได้ที่เขาต้องถูกตัดสิทธิ์เพียงเพราะหยางเย่ เจ้าน่าจะทราบดี!”

ชายหนุ่มข้างซีตหรงพยักหน้าเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่ามันหมายคว่าว่าอะไร “ไม่ว่าใครก็ตามที่มาแทนที่ เราไม่พอใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่อยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับสอง ทั้งยังต่ํากว่าเรามาก!!

“พวกเจ้าคิดว่าใครจะชนะ?” ศิษย์นอกคนหนึ่งยืนอยู่ด้านล่างเอ่ย

“ซีตูโบ ไม่เพียงแต่จะเป็นศิษย์ในแล้ว เขายังอยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับเจ็ด ส่วนหยางเย่กําลังเข้าสู่ขั้นปราณสวรรค์ไม่ใช่หรือ?” ด้วยความห่างขั้นขนาดนั้น จะไม่ให้เขาพ่ายแพ้ซีตโยได้ยังไง? อันที่จริงข้าก็สงสัยเช่นนั้น ข้าสงสัยว่าเหตุใดสํานักดาบราชันถึงมอบตําเหน่งให้หยางเย!”

“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าหยางเย่สามารถสังหารหลิวชิงอรี่ขณะอยู่ที่ขั้นปราณมนุษย์?”

“ถูกต้อง หยางเย่สามารถสังหารคนยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ขณะที่ขั้นปราณมนุษย์ ตอนนี้เขายังอยู่ขั้นปราณสวรรค์แล้ว มันจะน่าสะพรึงเพียงใดกันนะ? ผู้อาวุโสคงไม่โง่เขลาแน่นอน ที่เขาให้ตําเหน่งหยางเยู่ก็เพราะมีเหตุผล”

“เอาล่ะ เอาล่ะ! พวกเจ้าเลิกโต้เถียงกันได้แล้ว พวกเรายังไม่ผลคําตอบไม่ใช่หรือ?”

ภายนอกค่ายกล ซีดูโบชี้ดาบขึ้นเล็กน้อยไปที่หยางเย่ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถไปได้ถึงชั้นยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้ดาบ”

หยางเย่พยักหน้าเล็กน้อย “ลงมือได้แล้ว!”

เขาเข้าใจสิ่งที่อวี่เพิ่งคิด เมื่ออวี่เพิ่งต้องต้องการทดสอบฝีมือเขา เช่นนั้นหยางเย่ก็ไม่ปกปิดพลัง ยิ่งกว่านั้น นอกจากจะแสดงพลังของตนให้อวี่เพิ่งเห็น เขายังจะแสดงให้ทุกคนที่เข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ทราบ เพราะความแข็งแกร่งนั้นสามารถถูกยอมรับได้ เขาเข้าใจหลักการนี้ดี ดังนั้นจึงได้ตอบตกลงที่จะสู้กับชายตรงหน้า

ใบหน้าของซีตโบจมดิ่ง หยางเย่ไม่แม้แต่จะชักดาบขณะบอกให้เขาลงมือ เขากําลังเยาะเย้ยเรางั้นหรือ?

อนแอกว่า!” ซีต

“ชักดาบของเจ้าเดียวนี้ ข้าให้โอกาสเจ้าสามกระบวนท่า เดียวผู้คนจะหาว่าข้ารังแก โบกล่าวด้วยท่าที่มืดดําหยางเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจะต่อให้สามกระบวนท่า?”

เมื่อเห็นท่าที่ซีตโบ หยางเย่เข้าใจทันทีที่ว่าเขากําลังคิดว่าตนเองถูกเย้ยหยัน หยางเย่ไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น เขากระทืบพื้นก่อนจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เวลานั้นพื้นดินได้เหลือแค่รอยเท้าของเขา

หยางเย่ยังคงไม่ชักดาบ เขากําหมัดแน่นพร้อมชกไปที่ซีตโบโดยตรง เขาไม่ใช้กระบวนท่ามากมาย มันเป็นเพียงแค่หมัดธรรมดา

ซีตูโบยังไม่ริเริ่มจะโจมตี เขากล่าวต่อหน้าสาธารณะชนว่าจะต่อให้หยางเย่สามกระบวนท่า ดังนั้นจะให้เขากลับคําได้ยังไง?

แต่เมื่อหมัดหยางเย่มาถึงตรงหน้า เขาแทบจะรู้สึกเสียใจกับคําก่อนหน้านั้น

การชกที่ดูธรรมดาก่อนหน้านี้กลายเป็นการชกที่รุนแรงขณะมาถึงตรงหน้าซีตูโบ ยิ่งกว่านั้น ความแข็งแกร่งของหมัดยังทําให้อากาศรอบด้านแผดเสียงอย่างรุนแรง

ซีตูโบตกตะลึง ศิษย์ที่เข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ทุกคนเองก็ตกตะลึง ประกายแห่งความประหลาดใจปรากฏผ่านดวงตาอวี่เหิงเช่นกัน

ซีตโบไม่สนใจคําที่กล่าวก่อนหน้าอีกต่อไป เขาเรียกดาบออกมาฟันไปที่หมัดหยางเย่ เขาไม่ได้ใช้วิชาใด หรือกล่าวว่าไม่มีเวลาใช้มากกว่า ยิ่งกว่านั้นเขายังประมาทและทําให้หยางเย่มาใกล้ได้ถึงเพียงนี้ ดังนั้นมันจึงยากที่จะหลบหมัดอันทรงพลัง และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปะทะซึ่ง ๆ หน้า

หยางเย่ไม่คิดจะหลบดาบ และความเร็วของหมัดก็ยังเร็วขึ้นไปอีก

ปิ้ง!

หมัดของเขาปะทะกับดาบโดยตรง ดาบขั้นสีดําระดับต่ําสั่นสะเทือนก่อนจะแตกร้าวออกราวกับใยแมงมุม ใบหน้าของซีตโบซีดเผือดด้วยความหวาดผวา ทันทีที่ดาบของหยางเยู่ปะทะกับดาบ ดาบในมือของเขาก็หลุดมีอกระเด็นไปทันที ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขานั้นร้ายกาจเพียงใดกัน พลังป้องกันทางกายภาพยังน่าสะ พรึงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

ไม่ใช่แค่ซีตูโบที่ตกตะลึง ทุกคนรอบด้านเองก็เช่นกัน หลังจากดาบปะทะกับหมัด ไม่เพียงแค่หมัดของเขาจะไม่บาดเจ็บ ดาบยังแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง เขาเป็นสัตว์อสูรมั้นหรือ?

ท่าที่มู่หรงเหยาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่เห็น เพราะนางก็คิดประเมิณหยางเย่ต่ําไปเช่นกัน แต่เดิมนางคิดว่าหีบดาบล้ําค่าเป็นไพ่ตายของเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยังมีอะไรมากกว่านั้น

ท่าทีของซีตหรงเองก็เคร่งขรึมเช่นกัน ปะทะกับดาบขั้นสีดําระดับต่ํา แต่หมัดยังไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย นี่มันเป็นความแข็งแกร่งทางกายภาพทัดเทียมกับสัตว์อสูรแล้ว! ทําไมเจ้าคนที่ชื่อหยางเยถึงได้มีพลังอันน่าสะพรึงนี้ได้?”

ด้านนอกค่ายกล ซีตโบไม่มีเวลาคิดหรือรู้สึกตกตะลึง เพราะมันหมัดของหยางเย่กําลังพุ่งมาอีกครั้ง

ซีตูโบเหวี่ยงดาบฟันไปที่หยางเยอีกครั้ง

ปิ้ง!

ดาบแตกเป็นเสี่ยงขณะที่หมัดของเขายังไม่ชําลงแม้แต่น้อย และมันยังตรงไปยังหน้าอกของซีตูโบ

ซีตูโบตกใจจนสวนหมัดกลับไปปะทะกับหมัดหยางเย่

กร็อบ!

ทันทีที่หมัดกระทบกัน ท่าทีซีตโบเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเสียงกระดูกหักได้ดังลั่นขึ้น ไม่นานร่างของซีตโบได้กระเด็นลอยไปราวกับจรวด เขาลอยไปไกลถึงสิบห้าเมตรก่อนจะร่วงลงกับพื้น

ทุกคนเงียบกันหมด รอบด้านกลายเป็นความเงียบที่น่าประหลาด

เขาจะแพ้เช่นนั้นหรือ? ซีตโบที่อยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับเจ็ดจะพ่ายแพ้เพราะหมัดเพียงสองครั้งเนี้ยนะ?” ทุกคนโดยรอบต่างตกตะลึง

หยางเย่เก็บหมัดพร้อมส่ายหัวขณะมองซีตูโบที่นอนกองอยู่บนพื้น จากนั้นเขาหันหลังเดินเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย ซีตูโบนับว่าความแข็งแกร่ง แต่ซีตูโบไม่ควรประเมิณคู่ต่อสู้ต่ํา หากเขาไม่ประเมิณคู่ต่อสู้ต่ําเกิน และรีบใช้วิชาดาบตั้งแต่เริ่ม เช่นนั้นก็ยังมีโอกาสที่จะชนะหยางเยได้มากกว่าต้องอับอายเช่นนี้

โชคร้ายที่ซีตูโบประมาทเกินไป ไม่เพียงแต่จะให้หยางเย่เข้ามาประชิดตัว แต่ยังแลกหมัดกับหยางเย่โดยตรง มันเท่ากับเขารนหาที่ตาย

ซีตหรงกระโจนออกจากค่ายกลก่อนจะไปอยู่ข้างซีตโบ เมื่อเห็นแขนของน้องชายบิดเบี้ยว ใบหน้าของเขาเผยความดุร้ายออกมาก่อนจะหันไปมองหยางเย่ “มันเป็นแค่การประลอง แต่เจ้ากลับโจมตีอย่างหนักกับคนในสํานัก เจ้าช่างหยาบช้นัก!”

“ข้าออมแรงที่สุดแล้ว!” หยางเย่หยุดเดินพร้อมหันไปมองซีตหรง จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าค่ายกลต่อ

“ออมแรง?” ใบหน้าของซีตหรงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก “เจ้าออมแรงงั้นหรือ ฮี! ศิษย์น้องหยางเยมีความแข็งแกร่งที่น่าตกตะลึง มือของข้ามันคันอยากจะประลอง ข้าต้องการคําชี้แนะจากศิษย์น้องหยางเยู่สักหน่อย ข้าสงสัยว่าศิษย์น้องหยางเย่จะให้เกียรติได้หรือไม่?”

หยางเย่หยุดชะงักอีกครั้ง เขาหันไปมองซีตหรงพร้อมกล่าว “ท่านมั่นใจหรือว่าที่คันนั้นเป็นมือไม่ใช่ผิวหนัง?”

เขาออมแรงอย่างแท้จริงก่อนหน้า มิเช่นนั้นหากเขาใช้กําลังเต็มที่ กระดูกทั่วร่างซีตโบคงแหลกไปหมดแล้ว การประลองกับซีตโบนั้นธรรมดามาก และเขาได้คิดจะสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับซีตโบ หากซีตูโบไม่คิดจะสังหารเขา

แต่หากซีตหรงกล้าลงมือ เช่นนั้นเขาคงทําให้ซีตหรงไม่สามารถเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ได้ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากแววตาของซีตูหรง

“ฮ่า ๆ ๆ !” ซีตหรงเริ่มหัวเราะอย่างเกรี้ยวกราด ช่างโอหังยิ่งนัก เขาคิดว่าตนเองเป็นใคร?”

ขณะที่เขาจะเข้าจู่โจมหยางเย่ อวี่เพิ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา จากนั้นได้มองไปที่ซีตูโบที่นอนกองอยู่บนพื้นก่อนจะมองหยางเย่ “เจ้าทําให้เขาบาดเจ็บหนัก!”

“ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ!” หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา “เขาควรรู้สึกโชคดีที่เจอกับข้า หากเจอกับศิษย์สํานักภูตผี หรือสํานักอื่น ท่านผู้อาวุโสบัญชาดาบคิดว่าเขาจะมีชีวิตรอดงั้นหรือ?”

อวี่เหิงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัว “ยุติเรื่องนี้เถอะ รีบไปเทียบอันดับสวรรค์ได้แล้ว!”

ภายใต้สายตาอันขุ่นเคืองของซีตหรง หยางเย่ก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง พร้อมกับคนอื่น ๆ