ตอนที่ 245 ผู้อำนวยการเขตมาเยือน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 245 ผู้อำนวยการเขตมาเยือน

“พี่ให้ฉันมาที่นี่ บอกว่าอยากได้คนสอนขับรถแทรกเตอร์” ฟางจั๋วเยวี่ยตอบพร้อมมองไปรอบ ๆ “ไหนล่ะคนที่จะให้สอน?”

หลินม่ายชี้ไปที่หลี่หมิงเฉิงแล้วตอบว่า “เขา”

ฟางจั๋วเยวี่ยแสดงสีหน้าผิดหวังแบบไร้ซึ่งการปกปิด “น่าผิดหวังชะมัด น่าจะเป็นเด็กผู้หญิง”

มุมปากของหลี่หมิงเฉิงกระตุก พูดอย่างกับว่าเขาอยากจะเรียนกับผู้ชายอย่างนั้นล่ะ

ฟางจั๋วเยวี่ยขับแทรกเตอร์ออกไปกับหลี่หมิงเฉิงพี่หาที่เหมาะ ๆ สำหรับการเรียนต่อ

กว่าทั้งคู่จะกลับมาก็ปาไปห้าโมงเย็น

หลินม่ายต้อนรับฟางจั๋วเยวี่ยแบบแขกคนสำคัญ เตรียมอาหารดี ๆ ไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ

ทำให้แขกกิตติมศักดิ์ได้กินของอร่อยอย่างมีความสุข

ฟางจั๋วหรานเหลือบมองน้องชาย “ไม่ใช่ว่ามาเพื่อของกินอย่างเดียวหรอกนะ ที่ให้ไปสอนได้เรื่องไหม”

คนถูกถามหยิบคากิสมุนไพรขึ้นมาแทะคำใหญ่ “ผู้ชายคนนั้น หลี่หมิงเฉิงน่ะ ใช้ได้เลยนะ เรียนไปแค่ช่วงบ่ายแปบเดียวก็เรียนรู้ได้เร็วมาก ฝึกอีกซักสองสามวันก็ออกถนนได้สบาย ๆ แล้ว”

พี่ชายเลยเอ่ยต่อ “ถ้างั้นก็มาสอนอีกสองสามวันจนกว่าจะขับเองได้ละกัน”

ฟางจั๋วเยวี่ยพยักหน้าตอบอย่างง่ายดาย

หลินม่ายจึงถามขึ้นบ้าง “แล้วนี่ ไม่ต้องไปทำงานเหรอ”

ฟางจั๋วเยวี่ยบ่นออกมา “โรงงานโทรม ๆ มีแต่คนแก่ ๆ แบบนั้นจะเข้าไปหรือไม่ ก็ไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงเงินก็น้อยนิดไม่พอยาไส้อยู่ดี”

หลินม่ายนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

เธอรู้ว่าหวังหรงกับฟางถิงจบเพียงชั้นมัธยมปลาย แต่คนหนึ่งทำงานที่การไฟฟ้าและอีกคนทำงานที่โรงงานยาสูบ เป็นหน่วยงานที่ดีทั้งคู่

แต่ฟางจั๋วเยวี่ยที่จบมหาวิทยาลัยทำไมถึงได้ไปอยู่ในที่ทำงานที่แย่กว่า

หลังจากที่น้องชายแฟนกลับไป เธอก็ถามคุณหมอฟางถึงเรื่องนี้

ฟางจั๋วหรานก็เล่าว่า หลังจากน้องชายเรียนจบพ่อของเขาก็หาตำแหน่งงานในบริษัทน้ำมันให้ แต่ฟางจั๋วเยวี่ยกลับปฏิเสธ ทำตามคำสั่งที่ได้จากมหาวิทยาลัย ไปทำงานตามหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ใช้เส้นสายของพ่อ เพราะไม่อยากถูกบงการชีวิต

หลินม่ายได้ยินก็ถึงกับเอ่ยชม “น้องชายคุณดูเก่งมาที่พยายามจะไม่พึ่งพาคนที่บ้าน”

คุณหมอฟางยิ้มตอบโดยไม่ได้พูดอะไร

น้องชายคนนี้แสดงด้านเก่งกาจกับพ่อแม่ แต่แสดงความจนต่อหน้าพี่ชายคนเดียวเท่านั้น

เช้าวันต่อมาหลินม่ายแบ่งเป็ดอบซอสกับเบคอนจากหูหนานครึ่งหนึ่งเอาไว้สำหรับไปฝากคุณปู่คุณย่าฟาง

และยังเอาหินดอกเบญจมาศขนาดใหญ่ที่คุณหมอฟางซื้อกลับมาไปให้ท่านทั้งสองด้วย

ผู้ใหญ่ทั้งสองชอบหินดอกเบญจมาศมาก ๆ โดยเฉพาะหญิงชราที่แทบจะไม่ได้วางมันลงเลย

หลินม่ายซื้อข้าวโพดแล้วก็กลับไปที่เจียงเฉิงหลังจากกินมื้อกลางวันกับคุณปู่คุณย่าฟาง

ทันทีที่รถแทรกเตอร์มาถึงถนนเจี่ยเฟิงเพื่อนบ้านคนหนึ่งก็เข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“ม่ายจื่อ แย่แล้ว เธอถูกรายงานว่าเอาข้าวโพดมาขายเก็งกำไร ตอนนี้ที่เขตส่งคนมารวบรวมหลักฐานและก็สอบปากคำคนในร้านเธอแล้ว”

“รีบเอาแทรกเตอร์ไปซ่อนที่ไหนซักที่ก่อน ถ้าเขาเห็นว่ามีข้าวโพดเยอะขนาดนี้เดี๋ยวโดนจับนะ”

หลินม่ายยังไม่ทันคิดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและกำลังจะเลี้ยวรถแทรกเตอร์เพื่อหลบ กว่าจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็มีชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากร้านของเธอ

เขาชี้มือมาทางนี้แล้วจะโกนเสียงดัง “หยุดก่อน”

หลินม่ายเลยจำเป็นต้องหยุดรถ

เพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่แถวนั้นถึงกับบ่นกับตัวเอง “จบแล้วฉัน หนีไม่รอดแน่”

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีชายคนนั้นก็มาถึงตัวหลินม่ายแล้วเอ่ยกับเธอด้วยท่าทางเป็นมิตร “เรามาที่นี่เพื่อตรวจสอบเท่านั้น อย่ากลัวไปเลย”

หลังจากนั้นหลินม่ายก็ตามชายคนนั้นไปที่ร้านอาหารของตัวเอง

โจวฉายอวิ๋นและคนอื่น ๆ ดูอ้ำอึ้งอยู่ในร้าน

ชายคนนั้นแนะนำให้หลินม่ายรู้จักกับผู้ชายวัยสี่สิบเศษอีกคนที่แต่งกายดูภูมิฐานอย่างระมัดระวัง “ท่านนี้คือผู้อำนวยการเขตโอวหยางของเรา”

ผู้อำนวยการเขตยิ้มอย่างใจดี ผายมือเชิญให้หลินม่ายนั่งลงตรงข้ามกับตัวเองแล้วเริ่มเข้าเรื่อง “คุณคิดยังไงถึงได้เริ่มเอาผลผลิตจากชาวบ้านมาขาย?”

ก็ต้องเป็นเรื่องทำกำไรอยู่แล้วสิ

แต่คงจะพูดแบบนั้นไปตามตรงไม่ได้

หลินม่ายตอบอย่างเคร่งขรึม “เพราะทุกครั้งที่กลับบ้านในชนบท ก็เห็นว่าชาวบ้านขายผลผลิตไม่ได้ ฉันเลยเห็นใจพวกเขา จ่ายเงินซื้อผลผลิตพวกนั้นมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน”

ผู้อำนวยการเขตโอวหยางกล่าวชื่นชม “คุณเป็นคนดีมาก”

เขาเริ่มถามต่อ “ถ้ามีอะไรเป็นอุปสรรคในการขายสินค้าของชาวบ้านก็บอกผมได้เลยนะ”

หลินม่ายยิ้มอย่างเขินอายและพูดขึ้นว่า ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เราแก้กันเองได้ค่ะ ไม่อยากจะรบกวน ผู้อำนวยการเขตที่งานล้นมืออยู่แล้ว”

“อย่าเกรงใจเลย เรื่องเล็กแค่ไหนก็มาปรึกษาได้ ผมจะช่วยแก้ปัญหาให้เอง”

หลินม่ายเอ่ยต่อ “ความจริงมีเรื่องยากอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นค่ะ เราไม่มีที่จะขายสินค้า หากเอาไปขายตามชุมชน ชาวบ้านคงไม่ยอมให้วางขายตามถนนเพราะกระทบกับการสัญจร น่าจะดีมากถ้ารัฐจะแบ่งที่ในตลาดให้ฉันซักสองคูหา”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ผมจะจัดการให้คุณในสองสามวัน”

ชายสวมแว่นตาวัยประมาณสามสิบที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบจดประโยคสองสามประโยคนี้ลงไปในสมุดบันทึกเล่มเล็ก เผื่อว่าจะมีอะไรตกหล่นหลังจากนี้

ผู้อำนวยการเขตคุยกับหลินม่ายต่อ ขอบคุณเธอที่เอาสินค้าจากชาวบ้านมาขาย แล้วก็กลับไปพร้อมลูกน้องของเขา

เพื่อนบ้านหลายคนเห็นว่าไม่เพียงแต่หลินม่ายจะไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร แถมยังได้คำชมเชยจากผู้ใหญ่ก็ต่างรู้สึกว่าเป็นโชคดีของเธอ

พวกเขาจงใจยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านแล้วพูดอย่างประชดชันว่า “คนบางคนมีเจตนาไม่ดี อุตส่าห์วางแผนทำร้ายคนอื่น น่าเสียดายที่เสี่ยวหลินคนนี้โชคดี ไม่ใช่แค่แผนชั่ว ๆ ล่มไม่เป็นท่า แต่ยังได้คำชื่นชมมาอีกต่างหาก”

เพื่อนบ้านอีกคนถามอย่างจงใจ “คุณว่าใครที่ไปรายงานเสี่ยวหลิน”

มีคนรีบตอบอย่างทันควัน “ก็ต้องเป็นคนที่แค้นเสี่ยวหลินน่ะสิ”

สายตาทุกคู่ต่างหันไปทางป้าหูและชุนซิ่งเป็นตาเดียวอย่างพร้อมเพรียง

ชุนซิ่งรีบแก้ตัวทันที “อะไร มองฉันทำไม ฉันไม่เกี่ยวนะ”

ไม่มีใครเถียงชุนซิ่ง เพียงแต่จ้องไปที่หล่อนราวกับกำลังจะบอกว่า ‘ใครเชื่อก็โง่แล้ว’

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเชื่อหล่อน ชุนซิ่งก็โมโหขึ้น

ส่วนป้าหูแอบดีใจที่ชุนซิ่งถูกสงสัย

หลินม่ายขอให้หลี่หมิงเฉิงเป็นคนจัดการเรื่องการส่งข้าวโพดตามคำสั่งซื้อ

หลังจากนี้งานทั้งหมดจะเป็นของเขา เพราะงั้นเลยอยากให้เขาเรียนรู้เอาไว้

เพื่อนบ้านหลายคนรุมล้อมหลินม่ายและถามว่า “เสี่ยวหลิน จะแนะนำช่างทำเตาย่างให้เราเมื่อไร ถ้าไม่มีเตาย่างแบบของเธอ ต้นทุนมันจะสูงเกินไป”

หลินม่ายคิดว่าเธอดึงเวลาจนพอใจแล้ว พวกเขาเองก็เข้าใจว่าเธอไม่ได้หัวอ่อนอย่างที่คิด หญิงสาวเลยตัดสินใจจะแนะนำให้พวกเขารู้จักกับนายช่างจาง

เธอแสร้งทำเป็นครุ่นคิดซักครู่แล้วตอบรับออกไป “งั้นฉันจะพาคุณไปเจอนายช่างตอนนี้เลย”

หลินม่ายไปที่บ้านฝั่งตรงข้ามและบอกกับนายช่างจางว่ามีคนสนใจอยากจะสั่งทำรถปิ้งข้าวโพดแบบเดียวกับของเธอ

นายช่างรีบถามต่อว่า “พวกเขาเป็นคนรู้จักของเธอเหรอ”

หลินม่ายเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “ถึงจะเป็นคนรู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เป็นแค่เพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจฉัน ฉันบอกพวกเขาไปว่าต้องจ่ายค่าสั่งทำ 25 หยวน คุณอาจจะลดให้พวกเขาก็ได้ซัก หนึ่งหรือสองหยวนแล้วแต่เลย”

นายช่างจางพยักหน้าอย่างขอบคุณ “เข้าใจแล้ว”

เขาคิดเงินหลินม่ายเพียง 15 หยวน เอากำไรจากเธอแค่คันละ 5 หยวนเท่านั้น

หลินม่ายบอกราคา 25 หยวนไป เพราะต้องการให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้น

ทันทีที่เจ้าของร้านสาวพานายช่างจางข้ามถนนมา เหล่าเจ้าของร้านก็พากันมารุมล้อมเขา

หญิงสาวเอ่ยแนะนำ “ทุกคน นี่คือนายช่างจาง ช่างทำรถปิ้งข้าวโพด คุยกับเขาเองได้เลยตามสบาย” หลังพูดจบเธอก็ออกจากวงสนทนาไป

เธอไม่ควรช่วยนายช่างต่อรองเรื่องเงิน เพราะจะถูกเข้าใจว่าเธอร่วมมือกับเขามาหลอกขายของได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจะมีเรื่องวุ่นวายเพิ่มไปอีก

เธอเลยช่วยเขาด้วยการหลีกออกมาแทน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เห็นคนอื่นมาใกล้ชิดแฟนไม่ได้เลยนะพี่หมอ

ถ้าเจตนาในการกระทำดี ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนจับหรือโดนสอบสวนหรอก

ไหหม่า(海馬)