ตอนที่ 192 แสดงความรัก
เย่ฮ่าวหรานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกยุ่งเหยิงจนทนไม่ไหวแล้ว จมอยู่ในวงจรชั่วร้ายที่เอาแต่ด่าตัวเอง อารมณ์เสียอย่างน่าเหลือเชื่อ
คนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ มองดูเขาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะขยับตัวไปข้าง ๆ สองก้าว เพื่อรักษาระยะห่างออกจากอีกฝ่ายสักหน่อย ป้องกันไม่ให้ตนเองกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้าย
“หลานเฉิง นี่ก็สายแล้ว พวกเราต้องไปกันแล้ว” เย่ฮ่าวหรานทึ้งเส้นผมแรง ๆ ในที่สุดก็ตะโกนออกมาเพราะทนไม่ไหว เรียกให้เด็กสองคนที่กำลังนั่งเล่นหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขขึ้นรถม้า
เย่หลานเฉิงเป็นเด็กที่เชื่อฟังคำพูดมาก เขาได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องมารยาทมาตั้งแต่เล็ก ต่อให้มาอยู่ข้างนอกก็ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเกินไป หากไม่ใช่เพราะข้าง ๆ มีหนานหนาน เขาคงไม่กล้าแม้แต่จะบอกให้อาแปดจอดรถเพื่อลงมาด้านล่าง
ครั้นได้ยินเสียงเย่ฮ่าวหรานที่หมดความอดทนแล้ว เย่หลานเฉิงจึงรีบดึงแขนเสื้อหนานหนาน กระซิบโน้มน้าวใจว่า “หนานหนาน พวกเราต้องไปกันแล้ว ดูเหมือนว่าอาแปดเริ่มโมโหแล้วนะ”
หนานหนานถอนหายใจ ทำท่าทำทางอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็พบว่าถังหูลู่เสียบไม้ในมือตนเองค่อนข้างใหญ่ เกิดอาลัยอาวรณ์จนยื่นถังหูลู่ที่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยกลับไปให้พ่อค้าหาบเร่ที่ยืนหน้าดำทะมึนแล้ว จากนั้น…ก็เริ่มต่อรองราคา
“พี่ชายท่านนี้ ท่านดูข้าสิอายุแค่นี้เอง เงินก็มีไม่มาก ท่านลดราคาให้สักหน่อยเถิด หนึ่งอีแปะได้หรือไม่?”
พ่อค้าแทบกระอักเลือดออกมา นี่เรียกว่าลดราคาลงสักหน่อยหรือ? ของที่มีราคาห้าอีแปะ เขากลับต่อรองราคาจนเหลือแค่หนึ่งอีแปะ? มุมปากของพ่อค้ากระตุกวูบ จ้องมองเย่ฮ่าวหรานที่สวมใส่ด้วยเสื้อผ้าหรูหราที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล ก่อนจะมองไปที่เด็กสองคนที่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่โต จึงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ไม่ได้ ห้าอีแปะ”
หนานหนานถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความโกรธเคือง “งั้นพวกเราถอยกันคนละก้าวดีหรือไม่? สองอีแปะสองไม้ ไม้อันนั้นที่ข้าคืนให้ท่านก็ซื้อไปแล้วด้วย ท่านลองคำนวณดูสิ ข้าต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกตั้งหนึ่งอีแปะแน่ะ ท่านเองก็ได้เงินเพิ่มอีกไม้ด้วย ข้าเห็นท่านเองก็ดูเป็นคนใจดีมากเลย จึงช่วยคำนึงถึงการค้าขายของท่าน ให้ท่านขายหมดเร็ว ๆ และกลับบ้านเร็ว ๆ ไง”
พ่อค้าชะงัก ก็จริงที่เขาได้เงินเพิ่มมาหนึ่งอีแปะ และเขาก็ทำค้าขายเพิ่มได้อีกหนึ่งไม้ด้วย เพียงแค่ ดูเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เย่ฮ่าวหรานถึงกับเกิดเส้นสีดำสามเส้นผุดขึ้นที่กลางหน้าผาก ร่างกายของเขาที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงกับโซเซจนเกือบยืนอยู่บนขาไม่ไหว เจ้าเด็กคนนี้…แตกต่างจากคนอื่นจริง ๆ ดูแนวคิดในการขโมยของเขาสิ น่าทึ่งจริง ๆ
แต่ก็น่าขายหน้าจริง ๆ เขาเป็นถึงองค์ชายแปดแต่กลับต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่เพราะเงินไม่กี่อีแปะ หากถูกแพร่งพรายออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
เย่ฮ่าวหรานล้วงมือเข้าไปด้านในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหยิบก้อนเงินเล็ก ๆ ออกมาหนึ่งก้อน ยื่นให้พ่อค้าด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม “พอแล้ว ถังหูลู่นี้พวกเราขอซื้อไว้” ระหว่างที่พูด ก็หันไปส่งสายตาให้เย่หลานเฉิง เพื่อให้อีกฝ่ายรีบดึงสหายที่อยู่ข้างกายออกไปจากที่นี่
ทว่าก้อนเงินนั้นถูกส่งไปถึงมือของพ่อค้าภายใต้สายตาของหนานหนานเช่นนี้ เขาจะยอมได้อย่างไร? จึงรีบกระโดดสูงสามชุ่น หยิบเงินนั้นมาไว้ในอ้อมกอดของตนเอง ก่อนจะยื่นเงินห้าอีแปะให้พ่อค้า กล่าวว่า “ห้าอีแปะ ไม่ต้องหาแล้ว”
มือเล็ก ๆ ขยับขึ้นและลง ร่างกายเล็ก ๆ กระโดดดึ๋ง ๆ การเคลื่อนไหวนั้นง่ายดาย ชัดเจนและรวดเร็ว โอกาสเพียงชั่วพริบตา พ่อค้ายังไม่ทันได้ดีใจ เงินที่อยู่ในมือก็หายไปแล้ว
เขาถลึงตามองไปยังหนานหนาน กำเงินห้าอีแปะในมือจนแน่น ขี้งก ขี้งกเกินไปแล้ว เหตุใดลูกคนมีเงินถึงได้ขี้งกขนาดนี้? ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าไม่ต้องหาเงินห้าอีแปะแล้ว? เงินส่วนนี้เดิมทีก็ไม่ต้องหาอยู่แล้ว
เย่ฮ่าวหรานไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายซื้อถังหูลู่เสร็จ จึงรีบดึงคอเสื้อของเด็กทั้งสองไว้ในมือ ก่อนจะลากขึ้นรถม้า จนกระทั่งโยนพวกเขาเข้าไปด้านใน เขาจึงลอบถอนหายใจออกมา ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก แอบรู้สึกว่าช่างเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่เสียจริง
เรื่องที่เสด็จพ่อมอบหมายให้เขาทำ ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดจริง ๆ
รถม้าเริ่มแล่นไปด้านหน้าจนเกิดเสียงกุบกับ เย่ฮ่าวหรานหันมองสหายเด็กคนนั้นที่นั่งเลียถังหูลู่อยู่ข้าง ๆ ไปพลางส่ายหน้าไปพลาง ไม่ได้มีความละอายใจที่เก็บเงินของเขาไปแม้แต่น้อย ใบหน้าพลันบิดเบี้ยวขึ้นทันที
เย่หลานเฉิงเห็นสีหน้าของเย่ฮ่าวหรานดูผิดปกติ จึงกระซิบโน้มน้าวใจคนที่อยู่ข้าง ๆ “หนานหนาน เจ้าคืนเงินนั่นให้ท่านอาแปดเถอะ”
พรืด…เย่ฮ่าวหรานแอบเบือนหน้าไปอย่างเงียบ ๆ เขาสนใจเงินแค่เล็กน้อยนั่นหรือ? เขาเป็นถึงท่านอ๋องแปดยังต้องสนใจเงินแค่นั้นหรือ? น่าขันสิ้นดี เขาสนใจเรื่องศักดิ์ศรีต่างหากล่ะ ศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ถูกสหายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเพิกเฉยด้วยท่าทางดูหมิ่นเช่นนี้ ศักดิ์ศรีของตระกูลราชวงศ์จะไปไว้ที่ใด?
หนานหนานแลบลิ้นเลีย เหนียวเหนอะหนะไปทั้งปาก ประกอบกับก่อนหน้านี้กินซงโหยวปิ่ง มันเทศปิ้ง เกี๊ยวทอด ขนมเข่ง และผลไม้ ตอนนี้มุมปากจึงมีเศษอาหารเล็ก ๆ ติดอยู่บนนั้นจนเป็นปื้นสีดำ ดู ๆ ไปแล้วช่างน่าขัน
เย่หลานเฉิงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากให้เขา การกระทำของเขาย่อมทำให้เย่ฮ่าวหรานจุกอยู่กลางใจ
“หลานเฉิง เจ้าเป็นถึงซื่อจื่อ ซื่อจื่อคือนายท่าน เหตุใดถึงไปเช็ดปากให้สหายคนหนึ่ง? นี่มันอะไรกัน?”
เย่หลานเฉิงชะงัก มองอาแปดของตนเองที่กำลังวางมาดสั่งสอน จึงเกิดอาการหน้าเจื่อนจาง ๆ “แต่…แต่พวกเราเป็นสหายกัน ระหว่างสหายไม่มีการแบ่งชนชั้นนายบ่าว”
“แต่ในนามของเขาเขาเป็น…”
“โอ๊ย ท่านอา นี่ท่านคงทนเห็นข้าและเสี่ยวเฉิงเฉิงแสดงความรักต่อกันไม่ไหวล่ะสิ? หากท่านเหงาโดดเดี่ยวเอกากาย ก็ไปหาสหายมาอยู่ด้วยสักคนสิ แต่ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ นี่…ท่านลุงที่ขับรถม้าคนนั้นก็ไม่เลวเลยนะ ท่านออกไปพูดคุยแสดงความรักกับเขาสักหน่อยก็ได้” หนานหนานรู้สึกได้ว่าคนนี้ช่างจู้จี้จุกจิกเสียเหลือเกิน เขาจะกินอะไรก็คอยมาบงการ เขาจะใช้เงินก็มาควบคุม เขาอยากให้หยุดรถก็เข้ามาคุมอีก ตอนนี้แม้แต่เสี่ยวเฉิงเฉิงช่วยเช็ดปากให้ก็ยังบ่น นี่มันแม่บ้านชัด ๆ ไม่ถูกสิ พ่อบ้านต่างหากล่ะ
ว่าแล้วเชียวว่าอย่าให้ใครมาติดตาม แบบนี้ไม่มีอิสระเลยสักนิด เจ็บปวดชะมัด
“…” เย่หลานเฉิงเกือบกลิ้งหล่นลงจากด้านหลังของรถม้า
“…” คนขับรถม้าที่กำลังบังคับม้าด้วยท่าทีเรียบเฉยอยู่ด้านนอก บังเหียนที่อยู่ในมือสั่นสะเทือนจนยุ่งเหยิง ม้าตัวนั้นดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความกระสับกระส่ายของเขา จึงเริ่มสะบัดซ้ายขวาด้วยท่าทางฉุนเฉียว
ภายในรถม้า มีเพียงหนานหนานคนเดียวเท่านั้นที่หลังจากพูดคำนั้นจบก็กัดถังหูลู่เย็นลูกที่สองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ออกแรงกัด ‘กรุบ ๆ’ ลิ้มรสหวานจนดวงตาหรี่ลงเป็นเส้นตรง
เย่ฮ่าวหรานเบือนหน้าไปอย่างเงียบ ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง จนกระทั่งลมหายใจกลับมาเป็นปกติจึงหันกลับมาอย่างเงียบเชียบ ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร ก็พบว่าหนานหนานได้แหวกผ้าม่านของรถม้า ดวงตาจ้องมองไปยังแผงขายบะหมี่ที่อยู่ด้านนอกด้วยสายตาเป็นประกาย
เย่ฮ่าวหรานสูดลมเย็นเข้าปากแรง ๆ ไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้เขาลงจากรถไม่ได้โดยเด็ดขาด หากยังล่าช้าแบบนี้ต่อไป กว่าจะถึงโรงเตี๊ยมเยว่หมิงท้องฟ้าคงได้มืดพอดี
เขาตัดสินใจได้ในทันที จึงแหวกม่านรถพร้อมกับมองไปยังคนขับรถที่อยู่ด้านนอกด้วยสายตาเป็นประกาย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ๋องแปดว่าแสบแล้วมาเจอหนานหนานที่แสบขั้นกว่า ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกันดีนะคะ
หนานหนานอย่ายุอ๋องแปดแบบนี้น้า ผู้แปลคิดดีไม่ได้แล้วน้า
ไหหม่า(海馬)