ตอนที่ 264 ใช้ชีวิตอย่างดีในเถาหยาง
ตอนที่ 264 ใช้ชีวิตอย่างดีในเถาหยาง
หลังจากเหตุการณ์นี้ ซูเถารู้สึกว่ากองกำลังป้องกันตนเองของเถาหยางจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นในไม่ช้า
ไม่เช่นนั้น เธอจะต้องจ้างคนอื่นทุกครั้งที่มีภารกิจ
เธอต้องเลือกที่ดินผืนหนึ่งให้เป็นสนามฝึกสำหรับกองทัพปกป้องตนเองเถาหยาง เช่นเดียวกับดินแดนของกลุ่มเป้าถู
สวีฉีแนะนำให้เลือกสถานที่ฝึกของสถานีเก่า
“ค่อนข้างใกล้กับอาคารธุรกิจเถาฉือ อยู่ที่ด้านหลัง มันจะมีพื้นที่เปิดโล่งอยู่ที่นั่น”
ซูเถาฟังคำแนะนำของเขา และรีบไปที่นั่นด้วยตนเอง ขอแค่ดินแดนนั้นอยู่รอบ ๆ เถาฉือ เธอก็สามารถเข้ายึดครองได้โดยการใช้ผลึกนิวเคลียส
สนามฝึกซ้อมเก่ามีพื้นที่ขนาดใหญ่ อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่า 1,500 ตารางเมตร แต่มันโกโรโกโสเกินไป พื้นเป็นถนนลูกรังซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นเมื่อรถวิ่ง
มีบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมอยู่รอบ ๆ และดูเหมือนว่ายังคงมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นภาพนี้ สวีฉีรู้สึกเหมือนเห็นภาพตัวเองในอดีต เขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่สมเพชและพูดว่า
“เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดว่าเป็นปัญหาเลย กลุ่มของพวกเราฝึกฝนที่นี่ แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยใจแล้ว ที่นี่น้ำไฟดับอยู่บ่อย ๆ ไม่ต้องพูดถึงการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย เพราะว่าการอาบน้ำล้างหน้านั้นลำบากมาก ซึ่งพอวันรุ่งขึ้นทุกคนก็ต้องแต่งตัวและออกไปลุยโคลนอาบเหงื่อกันต่อ”
หลังจากอาศัยอยู่ในเถาหยางได้สองสามเดือน แล้วหันกลับไปดูสภาพนี้แล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจว่าที่ผ่านมาพวกเขาทนไปได้ยังไงเป็นสิบ ๆ ปี
ซูเถาพยักหน้า เธอวางแผนว่าคืนนี้เธอจะเข้ายึดครองที่ดินตรงนี้
เธอวางแผนว่าในระหว่างทางที่เดินทางไปซินตู เธอก็จะค่อย ๆ สร้างมันขึ้นมา และหลังจากที่พวกเขากลับมา สวีฉีและคนอื่น ๆ ก็สามารถเริ่มการฝึกได้เลย
เธอมองไปที่สวีฉี และจู่ ๆ ก็คิดได้ว่าโควตาอีกสามแห่งสำหรับการประชุมสุดยอดพันธมิตรยังไม่ได้กำหนดว่าใครจะไป
“เหล่าสวี คุณอยากเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรไหมคะ”
สวีฉีตกตะลึง “เข้าร่วมเหรอ ไม่ใช่ผู้ติดตามใช่ไหม?”
พวกเขามีหน้าที่ปกป้องเถ้าแก่ซูและคนอื่น ๆ ซึ่งพวกเขาก็จะไปซินตูด้วย แต่พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่เพื่อเข้าร่วมการประชุม
“ใช่ เข้าร่วมการประชุม”
“ได้ด้วยเหรอ?” เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
“ได้สิคะ คุณทำได้ นี่คือจดหมายเชิญสามฉบับ คุณลองถามมี๋อู้และเนี่ยซือป๋อได้นะคะ หากพวกเขาเต็มใจ คุณทั้งสามคนก็สามารถเข้าร่วมการประชุมได้”
สวีฉียังคงมึนงงเล็กน้อยเมื่อเขาได้รับจดหมายเชิญ
เขาเคยติดตามถานหย่งมาก่อน และสถานีเก่าไม่เคยมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรเลย ต่อให้แม้จะมี ก็จะเป็นชวีจิ้งอวิ๋นหรือไม่ก็เว่ยเสียงที่ได้ไป
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรในครั้งนี้
ผู้ที่ไปล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงและมีอำนาจ
เถ้าแก่ซูมอบโควตาให้ทั้งสามคนอย่างไม่ลังเลใจ
ซูเถาไม่คิดมากเลย เธอได้โควตามาเป็นจำนวนมาก ไม่ไปก็เปล่าประโยชน์ เธอให้ทั้งสามคนออกไปท่องโลกดีกว่า
เมื่อกองกำลังป้องกันตนเองเถาหยางก่อตั้งขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นรุ่นบุกเบิก
สวีฉีไม่คิดมาก เขาระงับความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ และเมื่อเขากลับไปเขาก็เรียกมี๋อู้และเนี่ยซือป๋อเพื่อจัดการประชุมเล็ก ๆ และส่งจดหมายเชิญให้พวกเขา
ทั้งสองตกใจเมื่อเห็นจดหมายเชิญ
พวกเขารู้ว่าโควตานี้เป็นที่ต้องการและมีค่ามากแค่ไหน เพราะในทุก ๆ ปีถานหย่งจะขอความอนุเคราะห์ไปที่ฐานที่มีโควตาและขอซื้อโควตาต่อในราคาสูง
แต่ก็ไม่เคยซื้อได้
มีอยู่ปีหนึ่ง ถานหย่งถึงกับขอให้ชวีจิ้งอวิ๋นเข้าไปพัวพันกับผู้เข้าร่วมฐานอื่น ๆ เพื่อที่จะได้เข้าร่วมโดยไม่คิดถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง
มี๋อู้ตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่พวกเขาได้รับ “เถ้าแก่ซูให้เราในสิ่งที่ถานหย่งไม่สามารถขอได้ในตอนแรก และมอบโควตาให้เราสามสิทธิ์อีก”
เนี่ยซือป๋อเองก็รู้สึกประทับใจมากเช่นกัน
“เมื่อวันอังคารที่แล้ว พี่เว่ยโทรหาฉันและถามฉันว่าเป็นยังไงบ้าง และอยากไปที่ฐานลั่วหนานกับเขาหรือเปล่า”
พี่เว่ยก็คือเว่ยเสียง
ในเวลานั้นที่เถ้าแก่ซูเข้าครอบครองสถานีเก่า เขาไม่ต้องการอยู่ที่นั่นต่อและพาพี่น้องหลายคนออกไป เขารู้สึกว่า เถ้าแก่ซูจะปฏิบัติต่อพวกเขาไม่ดี ดังนั้นเลยตั้งใจจะออกไปตั้งตัว หรือไม่ก็ไปหาที่หลบภัยในฐานอื่น
เพราะคิดว่าถ้าไปอยู่ในเถาหยางจะไม่จบลงด้วยดี
สวีฉียกเปลือกตาขึ้นและมองไปที่เนี่ยซือป๋อ “ทำไม นายอยากไปเหรอ”
เนี่ยซือป๋อแค่นเสียงในลำคอ
“ฉันอยากไปก็บ้าแล้ว ที่เถาหยางดีทุกอย่าง เว้นซะแต่ว่าฉันรู้สึกหัวเสียที่ได้ค่าตอบแทนทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำงานหนักอะไรเลย อย่างอื่นดีมาก เถ้าแก่ซูปฏิบัติต่อเราอย่างดี และเธอยังให้โอกาสเรามีส่วนร่วมในการประชุมในครั้งนี้อีกด้วย”
“ที่เขาโทรมาครั้งล่าสุด พี่เว่ยยังคงอวดดีกับฉันโดยบอกว่าเขาพาพี่น้องของเขาไปที่ฐานลั่วหนาน ได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญ แม้ว่าจะไม่รวมค่าที่พัก แต่เงินเดือนก็ไม่เลว ฉันก็เลยถามเขาว่าฉันจะทำถ้าฉันอยากไปอยู่ที่นั่นต้องทำยังไง จะให้เงินตอบแทนเท่าไหร่”
“นายรู้ไหมว่าเขาตอบว่าได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่?!”
เมื่อเห็นสีหน้าอันเหยียดหยามของเขา สวีฉีและมี๋อู้ต้องส่ายหัวเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเดาได้
เนี่ยซือป๋อพูดอย่างรังเกียจ “มีที่พักให้ ไม่รวมค่าอาหาร ให้เดือนละ 15,000 เหลียนปัง”
เขาคงไม่รู้ว่าในเถาหยาง ตราบใดที่เป็นบุคคลที่มีพลังวิเศษ เงินเดือนเริ่มต้นจะได้ 20,000 เหลียนปัง และรวมอาหารสามมื้อ!
และคงไม่มีใครเชื่อว่ามาตรฐานอาหาร 3 มื้อของเถาหยาง สามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการในโรงอาหารและดื่มอะไรก็ได้ที่ต้องการตราบใดที่ไม่กินทิ้งกินขว้าง
ยิ่งไปกว่านั้น ในเรื่องค่าเช่าสามารถหักออกจากเงินเดือนได้ แต่เขาไม่สนใจที่จะบอกเว่ยเสียงเกี่ยวกับสภาพที่อยู่อาศัยนี้หรอก
สวีฉีกล่าวว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาโทรหานาย เขาอาจคิดว่านายเป็นคนซื่อ ๆ และง่ายต่อการหลอกลวง แต่เขาไม่เคยรู้ว่านายใช้ชีวิตอย่างดีในเถาหยาง และนายก็เป็นคนที่หลอกได้ยากด้วย”
มี๋อู้พยักหน้าเห็นด้วย
เนี่ยซือป๋อรู้สึกเศร้าและขุ่นเคือง “เขาดูถูกฉัน แต่แม้ว่าลั่วหนานจะเสนอเงินเดือนให้ฉันเป็นสองเท่า ฉันก็จะไม่ไป เพราะว่าตอนนี้นอกจากเถ้าแก่ซูแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นค่าในความสามารถของฉัน”
ในใจของสวีฉีก็แอบเห็นด้วย
อีกอย่างเถ้าแก่ซูยังจะทำการสร้างสนามฝึกใหม่แก่พวกเขาอีกด้วย
เขาตบไหล่เนี่ยซือป๋อ
“เราต้องประพฤติตัวให้ดีเมื่อไปซินตูครั้งนี้ ระหว่างทางคงไม่ปลอดภัย และเราแต่ละคนต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอ”
เนี่ยซือป๋อพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ยังไงก็ตามเว่ยเสียงยังบอกด้วยว่าพวกเขาจะติดตามผู้นำของลั่วหนานไปซินตูด้วยในครั้งนี้ แต่พวกเขาจะไม่เข้าร่วมการประชุม”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ้ม “ดีไม่ดีฉันอาจจะยั่วยวนเขาด้วยการกินข้าวหน้าเนื้อพริกไทยดำกับไอศกรีมต่อหน้าเขา”
เถ้าแก่ซูนำเสบียงไปมากมายสำหรับการเดินทางครั้งนี้เพื่อให้พวกเขากินของดี ๆ เหมือนในเถาหยาง ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะไม่พอ
เที่ยวกับเจ้านายแบบนี้ หนทางจะลำบากแค่ไหนก็มีความสุข
ทั้งสวีฉีและมี๋อู้ยิ้มและส่ายหัว แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าเป็นการกระทำเด็ก ๆ แต่พวกเขาก็ตั้งตารอที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน…
ซูเถาไม่เพียงเตรียมอาหารและเครื่องดื่มสำหรับทุกคนระหว่างทาง แต่ยังเตรียมของมากมายที่สามารถขายได้ไปอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น ขนมที่บรรจุหีบห่ออย่างสวยงาม ไวน์แดงเหล้าขาว ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น
เธอวางแผนที่จะเปิดร้านค้าปลีกระดับไฮเอนด์ดังกล่าวที่งานแสดงสินค้า และจะเปิดขายเพียงสามวันเท่านั้น และราคาของผลิตภัณฑ์แต่ละรายการจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากราคาเดิม
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาประชุมสุดยอดพันธมิตรล้วนร่ำรวยและมีอำนาจ ยิ่งแพงยิ่งหายากเหมาะกับสถานะของพวกเขา