War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1601
ตอนที่ 1,601 : ชื่อเสียงสนั่นไปทั่วประเทศฝูเฟิง

“นั่นเป็นลูกสะใภ้กับหลานข้าทั้งคน ไฉนท่านพี่ถึงกล่าวเช่นนี้? ท่านพี่จะให้ข้านิ่งดูดายและฝากพวกนางไว้กับชะต้าฟ้าลิขิตเช่นนั้นหรือ!?”

ต้วนหรูเฟิงที่ได้ยินลี่หรัวกล่าวก็ทำได้แค่ยิ้มขื่นขมออกมาสองตาละห้อย “หรัวเอ๋อ…พี่เคยบอกเรื่องภูมิภาคเบื้องบนให้เจ้าฟังแล้วมิใช่หรือ? เจ้าเองก็รับทราบเรื่องขุมพลังอันน่ากลัวที่อยู่ในภูมิภาคเบื้องบนแล้ว…ถึงแม้ตำหนักเมฆาครามของพวกเราจะทรงอำนาจและไม่ด้อยกว่าขุมพลังใดในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้…แต่พวกเราก็มิอาจกระทำอันใดได้เลย!”

“ลัทธิบูชาไฟ เป็น 1 ใน 3 ลัทธิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…เป็นขุมพลังที่ดำรงอยู่อย่างยิ่งใหญ่ทั้งเรืองอำนาจข้ามผ่านกาลเวลามานับพันหมื่นปี! กระทั่งก่อนที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังไม่ถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ภูมิภาค พวกมันก็นับเป็นขุมพลังระดับสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว! ยามนี้กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนาน น่ากลัวว่าพวกมันก็จะยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น..”

วาจาท้ายประโยคของต้วนหรูเฟิง เผยให้เห็นถึงความอับจนหนทางนัก

ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ ต่อให้มันเป็นจ้าวตำหนักอันไร้ผู้ต้าน และตำหนักเมฆาครามก็ไม่ต้องกริ่งเกรงใครหน้าไหน หรือแม้แต่ต่อให้ขุมพลังทั้งหลายมัดรวมกันมาพวกมันก็ไม่หวั่น!!

อนิจจาพลังอำนาจนี้ใช้ได้แต่กับเฉพาะภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้เท่านั้น…

ในภูมิภาคเบื้องบนยอดฝีมือดั่งหมู่เมฆ ขุมพลังอันร้ายกาจก็ดั่งปลาหลีที่แหวกว่ายในลำธาร…!

หากยกตำหนักเมฆาครามในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ไปอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน น่ากลัวว่ายังไม่อาจเทียบได้กับค่าเฉลี่ยของขุมพลังทั้งภูมิภาคเบื้องบนด้วยซ้ำ! เพราะขุมพลังอื่นๆแม้จะเทียบไม่ได้กับนิกายโบราณหรือลัทธิบูชาไฟ แต่ก็ยังเป็นมหาอำนาจที่พวกมันไม่อาจต่อกรได้!!

“ลัทธิบูชาไฟ…เป็นขุมพลังชั้นนำของภูมิภาคเบื้องบนงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินวาจาเสียงอ่อนด้วยจนปัญญาของต้วนหรูเฟิง ลี่หรัวก็รู้สึกเสมือนทั่วร่างสิ้นไร้เรี่ยวแรงตัวยังเซไปเจียนล้ม ยังดีที่ต้วนหรูเฟิงยังเร็วพอที่จะมารับร่างของนางเอาไว้ได้ทัน

มันย่อมเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของภรรยาดี…

ในอดีตมันไม่เพียงแต่ได้ยินภรรยาพร่ำกล่าวถึงเค่อเอ๋ออย่างนู้นอย่างนี้ ทำให้มันรับทราบว่าสถานะของเค่อเอ๋อในใจลี่หรัว ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกชายในไส้อย่างต้วนหลิงเทียนเลย

“พี่เฟิง…ท่านว่าเค่อเอ๋อกับลูกในท้องของนางจักมีอันตรายหรือไม่?”

ลี่หรัวกล่าวออกด้วยสายตาห่วงกังวล

“มิมีใดหรอก น้องพี่เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย…”

ต้วนหรูเฟิงกล่าวปลอบออกมาด้วยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คนที่พาตัวเค่อเอ๋อไป ได้กล่าวอ้างว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของนาง อีกทั้งจากที่เทียนเอ๋อกล่าวบอก ทีท่าของนางยังแลดูเป็นห่วงเป็นใยในตัวเค่อเอ๋ออย่างยิ่ง นางย่อมมีมีวันทำร้ายเค่อเอ๋อของเจ้าแน่”

แน่นอนว่าถึงแม้ต้วนหรูเฟิงจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใจมันก็รู้ดีว่าเรื่องราวอาจต่างออกไปจากนี้เป็นคนละเรื่อง!

บางทีพี่สาวของเค่อเอ๋อคงไม่ทำร้ายอะไรเค่อเอ๋อ…ทว่ากับลูกในท้องนั้น น่ากลัวว่านางอาจไม่เอาไว้!

นอกจากนี้ถึงเค่อเอ๋อจะได้รับการคุ้มครองจากพี่สาวฝาแฝดของนาง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะทานทนรับแรงทัดทานจากลัทธิบูชาไฟได้! เพราะเรื่องที่ธิดาเทพของลัทธิสูญเสียพรหมจรรย์ เป็นอะไรที่ร้ายแรงนัก!!

ถึงแม้ตัวต้วนหรูเฟิงเองจะไม่รู้เรื่องราวของลัทธิบูชาไฟอะไรมากมาย

แต่เท่าที่มันทราบ ลัทธิทั้ง 3 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน รวมทั้งลัทธิบูชาไฟ ตัวตนของธิดาเทพคือสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์! เป็นตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์และจุดศูนย์รวมศรัทธาของพวกมัน! แน่นอนว่าต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทินใดๆ!!

อนิจจาเค่อเอ๋อไม่เพียงมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกชายมัน นางกระทั่งยังตั้งครรภ์หลานมันอีกด้วย!

หากปล่อยให้ลัทธิบูชาไฟรับทราบเรื่องนี้ น่ากลัวเค่อเอ๋อคงไร้หนทางรอดแน่แล้ว!

แต่แน่นอนล่ะว่าเรื่องพวกนี้มันไม่กล้าบอกลี่หรัวออกไปเด็ดขาด! หาไม่แล้วนางคงได้เป็นกังวลจนไม่เป็นอันกินอันนอน เสมือนคนไร้วิญญาณไปตลอด จนกว่าจะสามารถยืนยันความปลอดภัยของเค่อเอ๋อได้…และนั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็นแม้แต่น้อย!

นอกจากนี้แม้ต้วนหรูเฟิงจะกล่าวบอกลี่หรัวว่าได้ส่งคนออกไปตามหาต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่อันที่จริงมันก็ไม่ได้ทำอย่างที่ว่าด้วยความจริงจังสักนิด…

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคำ ‘กำชับ’ จากผู้เฒ่าพยากรณ์ที่บอกมันไว้ถึงเส้นทางของต้วนหลิงเทียน!

ตามที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวบอกไว้ ถึงแม้ครอบครัวมันอยากจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง แต่เป็นการดีเสียกว่าหากให้ต้วนหลิงเทียนเป็นฝ่ายค้นพบสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง! ไม่ใช่การกระทำอันเกิดจากอิทธิพลและขอบเขตอำนาจของมัน..

‘เทียนเอ๋อ มิใช่ว่าพ่อโหดร้ายต่อเจ้า…หากแต่นี่เป็นเส้นทางที่เจ้าต้องก้าวเดินด้วยตัวเอง พ่อมั่นใจว่าวาจาของท่านผู้เฒ่าพยากรณ์นั้นล้วนไม่แปลกปลอม เมื่อท่านกล่าวให้พ่อกระทำเช่นนี้ พ่อเชื่อว่าทั้งหมดล้วนส่งผลดีต่อเจ้า’

ถึงแม้ต้วนหรูเฟิงเองก็คิดถึงบุตรชายคนเดียวอยู่ไม่น้อย จนอยากจะออกไปตามหาด้วยตัวเองเสียเดี๋ยวนี้

หากแต่พอคิดถึงอนาคตของบุตรชาย มันก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ หักใจไม่กระทำ!

‘หลังจากนี้อีก 5 ปี เทียนเอ๋อจะเอาชนะตี้จิ่วนั่นได้จริงๆน่ะหรือ?’

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ในใจต้วนหรูเฟิงพลันนึกถึงเรื่องที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวชี้แนะขึ้นมาอีกครั้ง

ทำอย่างไรก็ได้ให้หาหนทางท้าประลองชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรจากเผ่าพันธุ์มังกรให้ต้วนหลิงเทียน…

หากเป็นตัวมันเอง แม้จะเชื่อมั่นในตัวบุตรชายอย่างไร้เงื่อนไขเพียงใด แต่มันก็ไม่คิดว่าบุตรชายของตัวเองจะสามารถใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี ฝึกฝนบ่มเพาะจนมีพลังสามารถสูงถึงขั้นต่อกรกับตี้จิ่ว กระทั่งเอาชนะได้…

หากแต่นี่เป็นการตัดสินใจของผู้เฒ่าพยากรณ์!

เนื่องจากมันเชื่อมั่นและไว้ใจในตัวผู้เฒ่าพยากรณ์ จึงได้แต่บังคับใจตัวให้เชื่อมั่นในเรื่องนี้ด้วย และพยายามทำใจเชื่อให้ได้ว่า…พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนหลังจากนี้อีก 5 ปี จะสูงพอสยบตี้จิ่วลงได้! ‘หากข้าตามหาเทียนเอ๋อจนเจอ และให้เทียนเอ๋อบ่มเพาะในตำหนักเมฆาคราม แม้จะทุ่มทรัพยากรที่ดีที่สุดให้เทียนเอ๋อ แต่เกรงว่าในเวลาเพียงแค่ 5 ปี ก็มิมีทางยกระดับพลังให้ทัดเทียมกับตี้จิ่วได้เลย…เรื่องนี้จุดเปลี่ยนสมควรเป็นวาสนาปาฏิหาริย์ในโลกภายนอก!’

ด้วยคิดเช่นนี้ ต้วนหรูเฟิงจึงเริ่มเห็นด้วยกับคำของผู้เฒ่าพยากรณ์!

ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ได้รับทราบเรื่องราวอันว้าวุ่นใจอะไรของบิดาตัวเองแม้แต่น้อย

ตอนนี้เขาเริ่มปวดหัวตึ๊บๆ หลังจากกลับมาถึงตระกูลซือถูได้ไม่กี่วัน

นั่นเพราะชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปรวดเร็วเกินไป! ผู้คนมากหน้าหลายตาจึงพากันแห่มาตระกูลซือถูเพื่อทำความรู้จักกับเขา!!

ตอนแรกด้วยเห็นแก่หน้าของซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนจึงยินยอมพบปะเชื่อมไมตรีกับผู้คนที่มาเยือน

ทว่าวันแรกยังพอทน แต่พอวันที่ 2 พวกแห่กันมาดั่งตลาดแตก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ไหวจะปั้นยิ้มรับแขกสืบไป! จากนั้นเขาจึงหนีกลับเข้าไปในห้อง และปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างไม่คิดจะออกมา!!

ไม่ว่าด้านนอกจะมีมรสุมเข้า หรือผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดินปานใด ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในเจดีย์หลงหลิง 7 สมบัติ ก็พบพานแต่ความเงียบสงบ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าก่อนที่เขาจะกลับห้องไปปิดด่านบ่มเพาะ เขาก็ได้แจ้งกับซือถูหังทั้งกำชับเอาไว้อย่างดีแล้ว ยกเว้นเสียแต่มีข่าวคราวของศิษย์พี่เขาป๋ายลี่หง ถึงจะมาเคาะประตูเรียกหาเขาได้

นอกจากนั้นต่อให้ฮ่องเต้ของประเทศฝูเฟิงถ่อมาเองเขาก็ไม่รับแขก!

แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พูดไปงั้นๆ

ถึงแม้เขาจะเอาชนะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย ชิงอันดับที่ 23 ในรายนามนภามา จนกลายเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิงได้…

อย่างไรก็ตามเพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะทำให้ฮ่องเต้ฝูเฟิงเดินทางมาพบเขาด้วยตัวเอง!

ตอนนี้ข่าวการประมือกันระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่ เรียกว่าแพร่สะพัดไปทั่วประเทศฝูเฟิงดั่งไฟลามทุ่ง!

แม่นางเฟิ่งนั้น ทั้งหมดรับทราบกันดีว่านางคืออัจฉริยะอันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิง การที่ถูกบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเอาชนะไปได้เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะเสียอันดับที่ 23 ในรายนามนภา นางยังสูญเสียนาม ‘สุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิง’ ไปอีกด้วย

ส่วนชายหนุ่มนามต้วนหลิงเทียน หรือ ‘ท่านต้วน’ แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแห่งเมืองหลวง ก็กลับกลายเป็นผู้รับช่วงต่อนามแห่งเกียรติยศนามนี้ไป

“ข้ามิคิดเลยจริงๆว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ประเทศฝูเฟิงของเราจักให้กำเนิดสุดยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์ขึ้นมาได้ถึง 2 คน…ด้วยพลังฝีมือของทั้งคู่ แม้จะกวาดตามองไปทั่วเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน น่ากลัวว่าจะเป็นสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์ระดับแนวหน้า!”

“ดูเหมือนว่าฮวงจุ้ยประเทศฝูเฟิงเราประเสริฐยิ่งนัก! แม่นางเฟิ่งก็คนนึงแล้ว ยังมีท่านต้วนผู้นี้ผุดโผล่ขึ้นมาอีกคน อายุอานามก็ยังมิ 40 ด้วยซ้ำ!”

“ข้าพเจ้าจะรีบติดต่อสหายของข้าพเจ้า ให้ภรรยาของมันอั้นเอาไว้ให้เต็มที่ ค่อยมาคลอดลูกที่ประเทศฝูเฟิงของเรา!!”

……

ตอนนี้ในประเทศฝูเฟิง ชื่อเสียงและวีรกรรมของต้วนหลิงเทียนเรียกว่าแพร่กระจายไปทุกแห่งหนแล้วจริงๆ