บทที่ 218 ระยะห่างของช่องว่างใหญ่เหลือเกิน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 218 ระยะห่างของช่องว่างใหญ่เหลือเกิน

บทที่ 218 ระยะห่างของช่องว่างใหญ่เหลือเกิน

จากที่ระบบแอนนาบอก กล่องเก็บของนี้มีฟังก์ชันในการซ่อนอยู่ กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือคนที่เห็นมันได้มีแค่เจ้าของเท่านั้น

ซูเสี่ยวเถียนเคยถามแอนนาด้วย แต่แอนนาบอกไม่ชัดว่ามันเก็บได้มากสุดเท่าไร

แต่อีกฝ่ายบอกว่ามันต้องใช้พลังงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งมันพึ่งพาจากการที่เสี่ยวเถียนอ่านหนังสือ

ยิ่งใส่ของมากเท่าไร พลังงานที่ใช้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จากพลังงานที่เสี่ยวเถียนได้จากการเรียนทุกวัน ทำให้มันเก็บของไว้ได้ไม่น้อยเลย

แอนนาบอกไม่ได้ว่ามีของอยู่เท่าไร แต่ระบบจะเตือนเองเมื่อใกล้ถึงขีดจำกัดสูงสุด

ด้วยเหตุนี้เอง ช่วงนี้เสี่ยวเถียนจึงมีแรงบันดาลใจในการเรียนมากขึ้น เธอเรียนได้วันละสิบ ชั่วโมงต่อวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

หลังจากได้รับกล่องเก็บของแล้ว เสี่ยวเถียนก็ขึ้นเขาเข้าเมือง เก็บของทั้งหมดที่หามาได้ใส่เอาไว้ในนั้น

แม้กระทั่งครั้งก่อนที่มาอำเภอ เธอยังกล้าไปตลาดมืดด้วย ที่นั่นเธอเคยใช้ตั๋วอาหารแลกกับของดี ๆ มาซ่อนไว้เพียบเลย

แล้วยังไปตรวจสอบที่สถานีรีไซเคิลมารอบหนึ่งด้วย เธอเข้าไปโดยใช้เส้นสายของเฉินจื่ออัน

แต่ไม่รู้ว่าสถานีแห่งนี้มันเล็กไปหรืออย่างไร เธอไม่ได้ของดี ๆ มาเลย ได้แต่หนังสือเก่าแก่หายากไม่กี่เล่มเท่านั้น

หนังสือเก่าแก่พวกนี้ หากอยู่ในช่วงสิบปีให้หลัง มันมีค่ามาก แต่ถ้าเป็นในยุคแบบนี้มันไม่มีค่าหรอก

แต่ทุกสิ่งที่ได้มาดูเหมือนจะไม่ดีเท่าแหวนไพลินวงนี้

เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมไพลินที่มีคุณภาพเช่นนี้ถึงฝังอยู่ในแหวนเงิน ใช้ทองคำไม่ดีกว่าหรือ?

“งั้นหนูจะรับไว้ค่ะ พรุ่งนี้หนูจะมาดูพวกคุณอีกนะคะ จะเอายามาทาอาการบาดเจ็บให้ คุณจะได้ดีขึ้น” ซูเสี่ยวเถียนรับแหวนมา ก่อนจะพูดต่ออีกหน่อยแล้วดึงอาใหญ่ออกไป

ซูหม่านซิ่วลังเลที่จะพูดมาตลอดทาง พอกลับถึงบ้านเธอก็พูดกับหลานสาวทันที “เสี่ยวเถียน ทำไมบ้าบิ่นแบบนี้ ถ้าเกิดโดนจ้องขึ้นมา…”

เธอกลัวจริง ๆ เสี่ยวเถียนยังเด็ก เป็นลูกวัวเพิ่งเกิดไม่กลัวเสือ*[1]

เพราะบรรยากาศที่หงซินดีเสียจนเสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันตึงเครียดขนาดไหน มีกี่คนต่อกี่คนที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นคิดจะจับหางเปีย*[2] คนอื่นทั้งวัน

เด็กสาวยิ้มก่อนปลอบโยนอาใหญ่ ถึงไม่พูดว่าตัวเองรู้จักขอบเขตดี แต่อาใหญ่ก็รู้ว่าเสี่ยวเถียนเป็นอย่างไร

“อาใหญ่ หนูจะซ่อนไว้อย่างดี ไม่ให้ใครเจอเลย”

หม่านซิ่วคิดจะพูดอย่างอื่น แต่ก็ตัดสินใจปล่อยมันไป

หลังจากเหล่าซานกลับมา เขาก็เอาสมุนไพรที่เสี่ยวเถียนสั่งไว้มาให้ เด็กสาวเอามาทำเป็นยาทาแล้วส่งให้ถานจื่อสือ

สามวันต่อมาพอเห็นว่าอาการของคู่สามีภรรยาเฒ่าดีขึ้น ก็แอบส่งข้าวให้พวกเขาแล้วกลับหงซินไป

ไม่ต่างไปจากที่คุณย่าซูคิดไว้ เสี่ยวเถียนใกล้จะได้ไปเรียนในอำเภอแล้ว จึงต้องใช้เวลาอยู่หงซินเป็นเพื่อนย่าให้มากขึ้น

หลังจากกลับไปถึง พวกพี่น้องบ้านซูก็ขึ้นเขาลงห้วย ยุ่งวุ่นวายกันมาก

ทั้งนกทั้งปลาจับมาได้มากมาย แม้แต่แพะป่าก็ยังจับกลับมาได้

คุณย่าซูมีภูมิต้านทานเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะหลานสาวโชคดีเสมอ นับประสาอะไรกับแพะป่า ต่อให้ได้หมูป่าเธอก็ยังใจเย็นอยู่เหมือนเดิม

กลับกันเสียวจิ่วดันเสียใจ ทำไมได้แพะป่ามา ทำไมไม่ได้หมูป่า?

แพะป่าตัวเล็กเกินไป คนในบ้านมีตั้งเยอะยังไม่ทันกินก็หมดแล้ว!

ถ้าจับหมูป่าได้ ทั้งครอบครับก็กินได้นานด้วย

แต่เสี่ยวเถียนเป็นคนมองโลกในแง่ดีตั้งแต่เกิด และมีจิตใจที่พอประมาณ แค่ได้อะไรมาก็มีความสุขมากแล้ว

วันนั้นตอนที่เธอกำลังเก็บเห็ดใต้ไม้ใหญ่ ฉับพลันก็ได้ยินเสียงของระบบแอนนาเตือนว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว

ได้ยินเสียงแอนนาดังขึ้นอย่างกะทันหันเธอตกใจมาก

ภารกิจอะไรน่ะ? ช่วงนี้ระบบก็ให้ภารกิจแล้วไม่ใช่หรือไง?

เหมือนจะไม่มีนะ แล้วภารกิจไหนมันเสร็จเนี่ย?

เสี่ยวเถียนเห็นพี่ ๆ ง่วนอยู่กับการหาสมบัติ เธอจึงหามุมที่ลับหน่อยแล้วแอบเปิดแผงระบบ

มันเป็นภารกิจที่ระบบให้มานานแล้ว นั้นคือภารกิจที่คอยกระตุ้นให้พวกพี่ชายได้คะแนนดีเยี่ยม

ภารกิจนี่เกือบสามปีแล้วที่ได้รับมา นานจนเกือบลืม

เดี๋ยวก่อน ๆ จู่ ๆ ภารกิจก็เสร็จ หมายความว่าไงเนี่ย?

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูเสี่ยวเถียนก็ยิ้มออกมาทันที

นี่คงหมายความว่าการสอบของพวกเขาในครั้งนี้ออกมาแล้ว และผลการสอบน่าจะดีมาก

ภารกิจนี้เป็นส่วนสำคัญของภารกิจหลัก และเธอก็มีโอกาสได้จับฉลากอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ

เดิมทีเธอคิดจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยจับฉลาก แต่เธอยับยั้งความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว

หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีพี่ ๆ อยู่แถวนี้ เธอก็กดปุ่มจับฉลาก

ทีนทีที่เคอร์เซอร์หยุดลง เสี่ยวเถียนก็พบว่าของรางวัลในครั้งนี้ไม่ใช่ตั๋ว แต่เป็นทักษะ

ซูเสี่ยวเถียนรู้อยู่แล้วว่าทักษะของระบบหายากขนาดไหน สองปีก่อนเธอได้รับ ‘ทบทวนความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่’ แล้ว เสี่ยวเถียนยังได้ ‘ลงทุนลงแรงน้อย’ ด้วย

ทักษะที่เพิ่งได้มาเป็นทักษะอันที่สาม เรียกว่า ‘รู้จักพลิกแพลง’

ต้องบอกเลยว่าทักษะที่ระบบให้มาเหมาะกับสถานการณ์ในตอนนี้มาก

ทักษะแรก ‘ทบทวนความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่’ ทำให้เธอเข้าใจอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเมื่อทบทวนหนังสือที่อ่าน

ทักษะสอง ‘ลงทุนลงแรงน้อย’ ทำให้เธออ่านเร็วขึ้นมาก และความสามารถในการทำความเข้าใจของเธอก็ดีขึ้นเช่นกัน

แต่ตอนนี้ทักษะที่สาม ‘รู้จักพลิกแพลง’ เป็นทักษะที่ทรงพลังมาก

หลังจากได้รับสามทักษะในสามปี ซูเสี่ยวเถียนตัวเธอนี่เป็นมาตรฐานสำหรับเด็กหัวกะทิเหลือเกิน

ตอนที่เสียวจิ่วหันกลับมาก็เห็นน้องเล็กแย้มยิ้มชั่วร้ายพอดี

“เถียนเถียน ดีใจอะไรอยู่น่ะ?” เสียวจิ่วทนไม่ไหว

“พี่เก้า ตรงนี้มีเห็ดกองใหญ่ด้วย พี่รีบมาดูเร็วเข้า”

อืม ใช่แล้ว เห็ดกองใหญ่ที่ซูเสี่ยวเถียนกำลังเก็บก่อนหน้านี้มีน้ำหนักประมาณสามหรือสี่จิน

เสี่ยวจิ่วที่ตามน้องเล็กขึ้นเขาเห็นจนชินแล้วที่ของดี ๆ ปรากฏอยู่ใต้ฝ่าเท้าเสี่ยวเถียนเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเห็ดกองใหญ่เช่นนี้

หลังจากมองดู เขาก็พึมพำแล้วรีบไปจัดการเรื่องของตัวเอง

เพราะเขาปล่อยวางไม่ได้สินะ ถึงได้ถามมันออกไปน่ะ?

ช่างมัน อย่าไปอิจฉา ๆ อย่าไปอิจฉา ๆ!

เสี่ยวเถียนโชคดี เขาเองก็ไม่ได้แย่!

แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เสี่ยวจิ่วก็ยังรู้สึกว่าอย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีช่องว่างอยู่ และเป็นช่องว่างที่ใหญ่จริง ๆ!

*[1] เป็นสำนวนที่เปรียบกับธรรมชาติของสัตว์ เช่น ลูกวัวที่เพิ่งเกิดใหม่แม้จะเจอเสือก็ไม่แสดงอาการกลัวแต่อย่างใด นั่นไม่ใช่เพราะมันไม่กลัว แต่เพราะลูกวัวเพิ่งเกิดยังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่รู้ว่าเสือดุร้ายและเป็นอันตราย

*[2] จุดอ่อน