บทที่ 240 งานเลี้ยง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 240 งานเลี้ยง

อีกด้านหนึ่ง ห้องทำงาน จิวเวลรี่มู่เหม่ย

มู่เซิ่งกำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน ดูยอดขายที่เพิ่งขึ้นในช่วงนี้

นักอัญมณีศาสตร์ของตระกูลกู่ได้มาถึงเมืองเยียนจิงแล้ว ความวุ่นวายที่ขาดแคลนนักประเมินในครั้งนี้ผ่านไปแล้ว จิวเวลรี่มู่เหม่ยกลับมาอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องอีกครั้ง กำไรของแต่ละวันถึงแม้จะเยอะ แต่ยังห่างไกลจากความคาดหมายของมู่เซิ่ง

“ประธานมู่ หยกที่คุณเพิ่งเปิดออกช่วงนี้วางขายในงานประมูล ขายออกในราคาห้าสิบเจ็ดล้าน” เลขา หมี่รั่วอวี้รายงานอยู่ด้านข้าง ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ตัวมู่เซิ่ง

หลายวันมานี้ ยิ่งรู้จัก เธอยิ่งรู้สึกถึงความลึกลับของมู่เซิ่ง

ชายตรงหน้าคนนี้ เหมือนกับมีตาทิพย์ สามารถมองทะลุคุณภาพของหยกทุกชิ้นได้ ต่อให้ไปเปิดหยกที่ร้านจิวเวลรี่มู่เหม่ยตามใจชอบ ก็ไม่มีชิ้นไหนที่ราคาต่ำกว่าสี่สิบล้าน!

นี่น่ามหัศจรรย์มาก!

และจุดนี้ ทำให้หมี่รั่วอวี้คิดหาวิถีทางเพื่อเอาใจมู่เซิ่งทุกวัน ในเมื่อความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อให้เรียนรู้แค่ผิวเผิน ก็เพียงพอตลอดชีวิตเธอแล้ว

ในตอนนี้เอง ร่างในชุดคลุมสีดำ ผลักประตูเข้ามาช้าๆ แล้วเดินมากลางห้องทำงาน

ร่างชุดคลุมดำไม่เข้ากับห้องทำงานเป็นอย่างมาก แต่แทบไม่มีใครเห็นว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ รอให้ชายวัยกลางคนชุดคลุมดำยืนอยู่ตรงหน้ามู่เซิ่ง หมี่รั่วอวี้ถึงได้สังเกตเห็นร่างนี้ เธออดสูดหายใจเข้าไม่ได้

“คุณ คุณเข้ามาได้อย่างไรคะ?” หมี่รั่วอวี้ตกตะลึง

“เลขาหมี่ คุณออกไปก่อน” ดวงตาของมู่เซิ่งแข็งทื่อ โบกมือพูดขึ้น

ชายชุดคลุมดำคนนี้ ก็คือที่พึ่งพาที่ท่านพ่อของเขาได้เป็นผู้นำตระกูลมู่ ลุงหราน!

ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นนักเสวียน แต่ผู้อาวุโสยืนอยู่ตรงหน้ามู่เซิ่ง ออร่าที่เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาเพียงพอที่จะทำให้มู่เซิ่งรู้สึกหวาดกลัว อย่างน้อยจากความสามารถของเขาในตอนนี้ หากลงมือ เขามีความมั่นใจที่จะชนะเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เห็นน้ำเสียงของมู่เซิ่ง หมี่รั่วอวี้ไม่ได้พูดอะไร เธอพยักหน้า เดินออกไปปิดประตูห้องทำงาน

“ลุงหราน” มู่เซิ่งยืนขึ้น รินน้ำชาให้ชายชุมคลุมดำ

“มู่จงหยุนเป็นคนทำ” ลุงหรานไม่ได้ดื่มชา หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้ ก็เดินออกไป

เดินผ่านไปอย่างเงียบๆ แม้กระทั่ง หมี่รั่วอวี้ที่เพิ่งออกไปก็ไม่สังเกตเห็น ชายคนนี้ออกไปก่อนเธออีก

สำหรับการกระทำของลุงหราน มู่เซิ่งไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ความทรงจำในวัยเด็กของเขา ลุงหรานเป็นคนที่เย็นชาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ตอนเด็กจะดูแลเขา แต่เวลาหนึ่งเดือนก็พูดกันไม่กี่ประโยค

“มู่จงหยุน? เป็นเขาอีกแล้วเหรอ…”

มู่เซิ่งพึมพำ ในดวงตา เผยความอาฆาตหนักแน่น

ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาเดาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ทำให้มือของลูกชายเขาพิการ มู่จงหยุนจะต้องมาแก้แค้นแน่นอน แต่มู่เซิ่งคิดไม่ถึง มู่จงหยุนใช้การขายหินชุบเลือด มาดึงดูดความสนใจของเขา วิธีที่จะล่อให้เขาไปยังทุ่งกว้างแล้วฆ่าเขา

สถานะของเว่ยสวี่หรานที่แท้จริง น่าจะเป็นทหารรับจ้าง ในมือมีปืน กำลังจะลงมือกับมู่เซิ่ง

ไม่จัดการมู่จงหยุน ท้ายสุดก็จะเป็นหายนะ

เพียงแต่ ยังไม่ต้องรีบร้อน

ถึงแม้จงมู่หยุนจะจิตใจโหดเหี้ยม แต่ก็ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า พรสวรรค์ด้านการบู๊ของเขาพลิกสวรรค์มาก ตอนนี้อายุสี่สิบปีกว่า กลับเป็นนักเสวียนคนที่สองของตระกูลมู่ เมื่อเป็นนักเสวียน ความสามารถก็จะเพิ่มสูงขึ้น เพียงพอที่จะสามารถเผชิญหน้ากับความสามารถของมู่เซิ่งได้

ด้านที่สอง ก็คือตอนนี้เป็นเวลาการแข่งขันชิงตำแหน่งทายาทผู้นำตระกูล จัดการมู่เฟิงไม่เป็นไร ถ้าหากจัดการทั้งครอบครัวมู่จงหยุน ตระกูลมู่อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้

สถานการณ์ตอนนี้ ที่สำคัญคือเพิ่มกำไรให้กับบริษัทมากที่สุด

มู่เซิ่งพบวิธีทางตั้งนานแล้ว

ปริมาณการซื้ออัญมณีของเมืองเยียนจิง มีจำกัด ในเมื่อคนที่ร่ำรวยไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ถ้าหากจำหน่ายอัญมณีไปยังต่างประเทศ เกรงว่ากำไร จะเพิ่มเป็นร้อยเท่า ถึงเวลา ได้รับตำแหน่งทายาทผู้นำตระกูลมู่ ก็เป็นเรื่องง่ายมาก

สำหรับวิธีขายต่ออัญมณีจำนวนมากขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องหาบริษัทการค้าต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเยียนจิง บริษัทเหวินเฟิง

“คุณมู่ คนขับรถรออยู่ที่ด้านล่างแล้วค่ะ” หลังจากได้ฟังคำสั่งของมู่เซิ่ง หมี่รั่วอวี้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

บริษัทเหวินเฟิง

ก่อนหน้านี้มู่เซิ่งเคยไปที่นั่นแล้ว ดังนั้นคุ้นเคยกับเส้นทางของทางนั้นมาก

รปภ.สองสามคนที่ประตู ก่อนหน้านี้ถูกมู่เซิ่งไว้ชีวิต คุ้นเคยกับใบหน้าของเขาเป็นอย่างมาก ตอนนี้เห็นมู่เซิ่งกลับมาอีกครั้ง พวกเขาตกใจอย่างมากในทันที รีบโค้งตัวแสดงความเคารพ

“รปภ.ของบริษัทเหวินเฟิง ทำไมถึงเคารพนบนอบขนาดนี้?” หมี่รั่วอวี้ไม่เข้าใจ สายตามองรปภ.ของที่นี่อย่างประหลาดใจ นึกว่ารปภ.ที่หน้าประตูเคารพทุกคนแบบนี้

มู่เซิ่งแสยะยิ้ม ไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับบริษัทเหวินเฟิง

ทั้งสองคนเดินเข้าบริษัท

ในฐานะบริษัทการค้าต่างประเทศที่มีการพัฒนาที่ดีที่สุดในเมืองเยียนจิง คนที่มาหาบริษัทร่วมมือก็ไม่ขาดสาย ตระกูลระดับสองแม้กระทั่งตระกูลระดับหนึ่งของเมืองเยียนจิงจำนวนไม่น้อยรออยู่ที่หน้าประตู อยากจะพบกับเหยาเผิง

“เหยาเผิงล่ะ? ให้เขาออกมา” มู่เซิ่งยืนอยู่หน้าฟร้อน เอ่ยปากเรียบๆ

พนักงานต้อนรับเงยหน้า เห็นมู่เซิ่ง สะดุ้งตกใจทันที เธอรีบพูด “ประธานเหยาของพวกเรานัดทานอาหารคุยธุรกิจกับคนอื่นอยู่ที่ด้านนอกค่ะ ดังนั้นตอนนี้ไม่อยู่ที่บริษัท ส่วนประธานเหยาของพวกเรามีความเคยชินอย่างหนึ่ง ตอนที่คุยธุรกิจชอบปิดเครื่อง คุณชายท่านนี้ หรือจะมาพรุ่งนี้คะ?”

“ไม่ต้อง คุณบอกฉันมาว่าเหยาเผิงอยู่ที่ร้านอาหารไหนก็พอ” มู่เซิ่งพูดอย่างเรียบเฉย

เขาไม่ได้บอกเหยาเผิงล่วงหน้า เพราะไม่อยากให้เหยาเผิงพิธีรีตองมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาคุยธุรกิจอยู่ที่ด้านนอก นี่มู่เซิ่งสะเพร่าเอง

“อยู่ที่โรงแรมเซวียนหยุนในห้องส่วนตัว” พนักงานต้อนรับพูด

ในไม่ช้า มู่เซิ่งและ หมี่รั่วอวี้ ทั้งสองคนมายังโรงแรมเซวียนหยุน ภายใต้การนำทางของพนักงานที่อยู่ตรงประตู พวกเขาทั้งสองเดินไปยังห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง

“อุ้ย ทำไมถึงได้เจอกับคนคุ้นเคยที่นี่นะ ลูกพี่ลูกน้องขยะของฉัน?”

เพิ่งเดินเข้าห้องส่วนตัว มู่เซิ่งก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เป็นคุณชายรองของตระกูลมู่ มู่ปู้

ตอนนี้ ในห้องส่วนตัวนอกจากมู่ปู้แล้ว ยังมีอีกสองคน เป็นคนที่มู่เซิ่งเรียกชื่อออกมาได้ จงเหล่ย จงซิน ทั้งสองคนคือฝาแฝดของตระกูลจงตระกูลระดับหนึ่ง วิ่งตามเป็นลูกน้องอยู่ด้านหลังมู่ปู้ทั้งวัน ตอนเด็ก รังแกตัวเองอยู่ไม่น้อย

ในดวงตาของมู่ปู้แฝงไปด้วยความประหลาดใจ เดิมทีวางแผนจะรอเหยาเผิงอยู่ในห้องส่วนตัว ปรากฏว่าเหยาเผิงไม่มา กลับเจอคนคุ้นเคยมู่เซิ่ง

“มู่เซิ่ง นายทำไมถึงมาที่นี่? ต้องรู้ไว้ว่า นายเป็นคนที่ไม่มีสิทธิ์มาสถานที่เช่นนี้”

หลังจากมู่ปู้เห็นมู่เซิ่ง ความดูถูกเหยียดหยามเข้มข้นแวบผ่านในดวงตา

มู่เซิ่งไอ้ขยะ เขาไม่ชอบเป็นเดิมอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่รู้ว่ามู่เซิ่งแย่งตำแหน่งทายาทผู้นำตระกูลของเขาไป มู่เฟิงก้ไม่ชอบมู่เซิ่งยิ่งกว่าเดิม

ครั้งนี้เจอกันโดยบังเอิญ จะต้องให้เขาเห็นถึงความเก่งกาจสักหน่อยแล้ว