บทที่ 293 จับสัตว์

บทที่ 293 จับสัตว์

ฝั่งผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวน อู๋ฝานมองว่าสิ้นหวังแล้ว อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้ควรจะต้องทำอะไร ขณะที่กองทัพกบฏออกอาละวาดรอบเทศมณฑล อีกฝ่ายก็ยังทำเป็นเมินเฉย นี่หรือสิ่งที่ผู้ปกครองแห่งเทศมณฑลชิงหยวนควรกระทำ?

แต่อู๋ฝานเองก็เป็นแค่คนธรรมดาที่มีบรรดาศักดิ์หนานเจี๋ย ทำให้ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงผู้ปกครองเทศมณฑลได้ อย่างน้อยก็ไม่อาจออกคำสั่ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้าน เขาต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

“ครั้งนี้นำคนกลับมาด้วยจำนวนเท่าไหร่?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“สองร้อยแปดสิบเก้าคนขอรับ!” หลี่ว์ปินตอบ

“เยอะขนาดนั้น?” อู๋ฝานชะงักไปเล็กน้อย สองครั้งก่อนหน้านี้ แต่ละครั้งจะนำคนมาด้วยราวเกือบหนึ่งร้อยคน ทว่าครั้งนี้ กลับเพิ่มมากขึ้นเกือบสามเท่า “แล้วทางสำนักปกครองเทศมณฑลมีการตอบสนองอะไรหรือไม่?”

มันไม่ใช่เพียงแค่การนำคนมาด้วยเพียงหนึ่งหรือว่าสอง อู๋ฝานเชื่อว่ามันจะต้องเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ทางสำนักปกครองเทศมณฑลย่อมทราบ เพียงแต่ไม่อาจทราบว่าพวกเขาจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร

“สำนักปกครองเทศมณฑลน่าจะไม่รับรู้ขอรับ” หลี่ว์ปินตอบกลับ “นายท่านไม่ต้องเป็นกังวลนะขอรับ พวกนั้นปรารถนาให้เรารับผู้อพยพไปจนหมดสิ้นเสียด้วยซ้ำ เพราะปล่อยไว้ก็มีแต่เป็นภาระของเทศมณฑล นำคนออกมาบ้าง ก็ช่วยลดแรงกดดันให้กับทางเทศมณฑล พวกเขาคงจะยินดีไม่น้อยขอรับ”

อู๋ฝานก็คิดเช่นเดียวกัน

กัวจื่อหมิงเลือกที่จะปิดประตูเมืองเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ผู้อพยพลี้ภัยไม่อาจเข้าเมืองได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มองผู้อพยพเหล่านี้เป็นคนเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ผู้อพยพถูกนำตัวไปส่วนหนึ่ง ย่อมเป็นการผ่อนแรงกดดันของทางด้านนั้นไปด้วย ยามนี้คงปรารถนาให้อู๋ฝานรับไปเสียให้หมดด้วยซ้ำ

“ถ้าเป็นแบบนั้น ครั้งหน้าก็พากลับมาสักห้าร้อยคน” อู๋ฝานตอบกลับ “หลังจากนั้น ให้หยุดการคัดเลือกพาคนกลับมาอีก เรื่องนี้จำเป็นต้องมีช่วงเว้นพัก”

เพื่อการก่อสร้างของหมู่บ้าน ผู้คนนับพันยังไม่ใช่จำนวนที่มากจนเกินไป แต่ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีภาระที่มากขึ้นเท่านั้น ความสามารถในยามนี้ของอู๋ฝาน หากมีคนมากมายเกินไปจะไม่สามารถสนับสนุนและควบคุมได้ ทำให้หลังจากนี้ต้องเว้นช่วงออกไป

“การเดินทางครั้งถัดไปคงต้องขอให้ช่วยนำของไปส่งที่เทศมณฑล แล้วให้โจวกวงนำไปยังเมืองหลวงเพื่อเป็นของขวัญให้แก่องค์หญิงเจ็ดในนามของข้า” อู๋ฝานกล่าวบอกคนทั้งสอง

ตอนนี้ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงกำหนดการในเดือนถัดไป แต่สถานที่นี้ไม่ได้อยู๋ใกล้เมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย อู๋ฝานไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาด ภารกิจผิดพลาดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่การทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากอีกฝ่ายสั่งลงโทษเขาขึ้นมา เรื่องคงไม่น่ารับชม

ดังนั้นอู๋ฝานจึงวางแผนให้คนนำของขวัญแสดงความยินดีออกเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ ทางด้านถังซานแม้รับหน้าที่คอยดูแลจวนในเทศมณฑล แต่ซุนเลี่ยงก็เข้ามารับหน้าที่ดูแลทั้งจวนแทนแล้ว เพราะถังซานต้องรวบรวมข้อมูลอย่างเร่งด่วน ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงโจวกวงที่ว่าง การมอบหมายภารกิจนี้ให้จึงเหมาะสม

หลังส่งหลี่ว์ปินกับลั่วหยางไปพักผ่อน อู๋ฝานก็ตรงไปยังด้านหลังภูเขา เพื่อเตรียมของขวัญสำหรับองค์หญิงที่เจ็ดแห่งราชสำนัก

ของขวัญวันเกิดที่อู๋ฝานเตรียมไว้ให้องค์หญิงที่เจ็ด ย่อมเป็นสัตว์เลี้ยงที่เขาเคยได้พบบริเวณป่าด้านหลังภูเขา จากข้อมูลที่วิชาตรวจสอบบอกมา สัตว์เลี้ยงดังกล่าวนั้นค่อนข้างหาได้ยาก และเป็นที่นิยมชื่นชอบในหมู่ชนชั้นสูง ดังนั้นการมอบมันเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่องค์หญิงที่เจ็ดจึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด

ด้านหลังของภูเขายังคงเงียบสงบเหมือนเช่นที่เคยเป็น แม้ทางฝั่งหมู่บ้านไม่นานมานี้จะมีคนเพิ่มมากขึ้น แต่อู๋ฝานก็ออกคำสั่งชัดเจนแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมายังด้านหลังภูเขาโดยไร้คำสั่ง เพราะมันคืออาณาเขตส่วนตัวของเขา จึงไม่ต้องการให้ใครก็ตามเหยียบย่างเข้ามา

หลังเข้ามาด้านในป่า อู๋ฝานจึงเริ่มมองหาสัตว์เลี้ยง ภายในป่าแห่งนี้มีสัตว์อยู่มากมาย ไม่นานเขาก็หาพวกมันเจอ ทั้งหมดที่พบล้วนน่ารัก เหมาะสมสำหรับการมอบให้แก่สตรี

แต่สัตว์เหล่านี้ค่อนข้างว่องไวพอสมควร กระทั่งความเร็วของอู๋ฝาน ก็ยังยากจะไล่ตามพวกมันได้ทัน

หากเป็นเพียงการล่าสัตว์ธรรมดา อู๋ฝานคงใช้ธนูหรือว่ากับดักไปแล้ว เพราะมันจะช่วยอำนวยความสะดวกในการจับกุม

ทว่าที่อู๋ฝานกำลังเตรียมการนี้จำเป็นต้องส่งต่อไปเป็นของขวัญวันเกิด ดังนั้นจะส่งสัตว์ที่มีตำหนิหรือว่าได้รับบาดเจ็บไปไม่ได้เป็นอันขาด

แล้วต้องทำอย่างไร?

ขณะอู๋ฝานคิดหาทางออก ศีรษะของเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา มันเป็นความเจ็บอันคุ้นเคยที่เขาจำได้ดี

เพียงแค่อู๋ฝานมองขึ้นไปตรงต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้า ก็เห็นแมวเมฆหิมะกำลังยืนเหนือกิ่งไม้มองมา ชายหนุ่มเพียงมองก็ทราบ ว่าเจ้าตัวน้อยตื่นเต้นยินดีขนาดไหน

อู๋ฝานไม่รู้ว่าในป่าแห่งนี้มีแมวเมฆหิมะกี่ตัว แต่เขามั่นใจว่าตัวที่เห็นวันนี้และอีกหลายครั้งก่อนหน้า จะต้องเป็นตัวเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย

เห็นเจ้าตัวน้อย อู๋ฝานก็พบหนทางขึ้นมา

“เจ้าตัวน้อย มาทางนี้มา” อู๋ฝานโบกมือเรียกแมวเมฆหิมะ

แมวเมฆหิมะไม่ได้หวาดกลัวอู๋ฝาน และทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก มันก็พร้อมกระโดดลงมาจากบนยอดไม้อย่างไม่ลังเล พร้อมร่อนลงบนไหล่ของอู๋ฝานอย่างแม่นยำ

“เจ้าตัวน้อย ข้ามีเรื่องขอให้ช่วยนิดหน่อย” อู๋ฝานบอกกับแมวเมฆหิมะ เพราะทราบว่ามันเข้าใจสิ่งที่เขาจะกล่าว “ถ้ายอมช่วย เดี๋ยวข้าจะเล่นด้วย คิดว่าเป็นยังไง?”

ตอนที่แมวเมฆหิมะได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน มันก็พยักหน้ารัวเร็วด้วยความคาดหวัง

ด้วยเหตุนี้ อู๋ฝานจึงนำแมวเมฆหิมะเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่า ไม่นานก็ได้พบกระต่ายกำมะหยี่ตัวหนึ่ง ชายหนุ่มหมอบตัวลงกับพื้น เพื่อไม่ให้กระต่ายกำมะหยี่เกิดหวาดกลัว จากนั้นจึงกระซิบบอกแมวเมฆหิมะ “พอจะช่วยข้าจับกระต่ายน้อยตรงหน้านั้นได้หรือไม่ จำเอาไว้ว่าต้องไม่ทำร้ายมัน เข้าใจหรือไม่?”

แมวเมฆหิมะมองกระต่ายกำมะหยี่ที่อยู่ไกลออกไปพร้อมพยักหน้ารับ จากนั้นจึงใช้สองเท้าของมันกระโดดออกจากไหล่ของอู๋ฝาน มุ่งทะยานเข้าหากระต่ายกำมะหยี่ ความรวดเร็วของมันมากกว่าชายหนุ่ม ประหนึ่งเป็นสายฟ้าสีขาวเคลื่อนที่ก็ไม่ปาน

อู๋ฝานพบว่าแมวเมฆหิมะไม่ใช่เพียงแค่รวดเร็ว แต่ในระหว่างการออกวิ่งของมัน การเคลื่อนไหวยังเบาอย่างถึงที่สุด เรียกว่าแทบจะไร้เสียงฝีเท้า จนกระทั่งเข้าถึงบริเวณที่กระต่ายกำมะหยี่อยู่ กระต่ายรู้ตัว มันพยายามมองสำรวจด้วยความระมัดระวัง แต่ทันใดนั้นแมวเมฆหิมะก็พุ่งชนเข้าใส่ เป็นการจับกุมกระต่ายกำมะหยี่ในคราวเดียวอย่างง่ายดาย

เห็นดังนี้ อู๋ฝานจึงรีบไปจับตัวกระต่ายกำมะหยี่ที่โดนแมวเมฆหิมะจับกุมเอาไว้ใต้อุ้งเท้า หลังตรวจสอบว่าไม่มีบาดแผลใดเกิดขึ้นกับกระต่ายน้อย เขาก็มองทางแมวเมฆหิมะพร้อมยกนิ้วโป้งให้ “เจ้าตัวน้อย ทำได้ดีมาก!”

แมวเมฆหิมะเผยสีหน้าภาคภูมิใจในตัวเองตอบกลับ อู๋ฝานพบว่าแม้เจ้าตัวน้อยไม่ใช่มนุษย์ แต่มันกลับสามารถแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาได้ เมื่อรวมกับความฉลาดของมัน เห็นชัดว่าระดับไอคิวจะต้องไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน

อู๋ฝานไม่ผิดคำสัญญา เขาเล่นกับแมวเมฆหิมะอยู่พักหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ได้เจอสัตว์อีกหลายตัว จึงขอให้เจ้าตัวน้อยช่วยจับตัวพวกมันมาเพิ่ม เขาวางแผนให้โจวกวงนำพวกมันไปด้วย หากขายได้เป็นเงินย่อมเป็นเรื่องดี อย่างไรเขาก็กำลังรับผิดชอบคนจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางทำเงินเผื่อเอาไว้

หลังเล่นกับเจ้าตัวน้อยอยู่ราวครึ่งชั่วยาม อู๋ฝานจึงพร้อมเดินทางกลับหมู่บ้าน ตอนนี้เขายังเหลือสิ่งที่ต้องทำอีกไม่น้อย ทำให้ไม่อาจใช้เวลาทั้งหมดที่นี่ได้ ทว่าเจ้าตัวน้อยครั้งยังสนุกไม่เต็มอิ่ม มันพยายามดึงขาของชายหนุ่มเอาไว้ พร้อมส่งสายตาชวนเวทนา เป็นการบอกว่าไม่ต้องการแยกกับอีกฝ่าย