ฟังคำพูดสองคำที่ทั้งโทษตัวเองและยินดีนี้ของเขา วารุณีจึงทนความกลัวในใจไม่ไหวอีก โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วร้องไห้อย่างหนักออกมา
ไม่มีใครรู้ว่า นาทีนั้นที่รถตู้ชนรั้วกั้นจนตกหน้าผาลงไป เธอกลัวมากแค่ไหน
นาทีนั้น เธอคิดจริงๆว่าตัวเองต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่โชคดีคือ เธอยังรอดมาได้
รู้สึกถึงหญิงสาวในอ้อมแขนกำลังสั่น นัทธีจึงกอดเธอไว้แน่น ตบหลังปลอบเธอเบาๆ“ร้องไห้เถอะ ร้องออกมาก็จะดีขึ้นเอง”
วารุณีซุกไปที่แผ่นอกของเขา ร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้
และก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน เสียงร้องไห้ของวารุณีค่อยๆเบาลง สุดท้ายก็เบามากจนหายไป
นัทธีก้มหน้ามอง จึงพบว่าเธอร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไป
นัทธีวางเธอลงที่หมอนเบาๆ หลังจากห่มผ้าห่มให้เธอแล้ว ก็ลุกขึ้นออกไปจากห้อง ลงไปหาหน่วยSWATสองคนนั้น
“คุณนัทธี”หน่วยSWATสองคนทักเขา
“พวกคุณเจอเธอที่ไหน?”นัทธีใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเสื้อเชิ้ตที่หน้าอกที่ถูกวารุณีร้องไห้จนเปียก ถามเสียงทุ้ม
หนึ่งในหน่วยSWATตอบว่า:“ก็ตอนที่พวกเราค้นหา ได้ยินชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆพูดกัน บอกว่ามีรถตู้ตกลงมาจากภูเขา ตกลงไปในน้ำ จากนั้นพวกเราก็ไปพูดคุยกับชาวบ้าน ให้ชาวบ้านพาพวกเราไป ตอนนั้นคุณวารุณีเคาะหน้าต่างอยู่ในรถตู้ พวกเราเลยช่วยเธอมาได้”
หน่วยSWATอีกคนเสริมว่า“ที่โชคดีก็คือ หลังจากรถตู้ตกไปในน้ำ ท้ายรถเอียงขึ้นมา คุณวารุณีอยู่ตรงตำแหน่งท้ายรถ น้ำที่เข้าไปในรถไม่ได้ท่วมเธอ ไม่งั้นกลัวว่าคงจะจมน้ำตายไปกับคนอื่นในน้ำแล้วครับ”
ที่แท้ก็แบบนี้เอง!
นัทธีพยักหน้าทันที
ต้องบอกว่า คนอย่างวารุณี โชคดีมาโดยตลอด ถึงแม้จะประสบความลำบากอันตรายมามากมาย แต่ทุกครั้งเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี และพระเจ้าเมตตา
“คนสองสามคนนั้น จมน้ำตายหมดเลย?”นัทธีทิ้งผ้าเช็ดหน้า
“มีอีกคนที่รอดครับ แต่ว่าน้ำเข้าปอดไปเยอะมาก ถูกหัวหน้าพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่รู้ว่าจะรอดไหม”
“ถ้ารอดได้บอกผม ผมมีคำถามมากมายจะถามเขา”นัทธีมองทั้งสองคนแล้วพูด
“แน่นอนอยู่แล้ว งั้นคุณนัทธี พวกเราไปที่ริมแม่น้ำก่อนนะครับ ช่วยหัวหน้ากู้รถตู้”
นัทธีพยักหน้า
หลังจากหน่วยSWATสองคนไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหามารุต
โทรติด ไม่รอให้เขาพูด เสียงของมารุตก็ดังขึ้นมาก่อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรน“ประธาน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ผมได้ยินหัวหน้าหน่วยSWATบอกว่าคุณกระโดดลงหน้าผาไป!”
“ผมไม่เป็นไร”นัทธีถูคิ้ว
มารุตโล่งอก“งั้นก็ดี งั้นก็ดีครับ งั้นคุณวารุณีล่ะ ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เธอก็ไม่เป็นไร แต่ว่าเธอช็อกมาก ตอนนี้หลับอยู่ เดี๋ยวผมจะส่งที่ตั้งให้คุณ แล้วคุณเอาเฮลิคอปเตอร์ของผมมารับพวกเรา”นัทธีหาที่นั่งลง กำชับออกไป
“เข้าใจแล้วครับ”มารุตพยักหน้า
นัทธีถามอีกว่า“จับสุภัทรได้ยัง?”
“จับได้แล้วครับ ตอนนี้ถูกขังไว้”มารุตตอบ“แล้วก็ที่ศาล ประธานวรวีพูดคุยเรียบร้อยแล้วครับ เลื่อนวันพิจารณาคดีไปอีกสองวัน”
“ดีมาก”นัทธีพยักหน้า
เวลาสองวัน น่าจะเพียงพอที่วารุณีเดินออกมาจากเรื่องครั้งนี้ได้
โทรศัพท์เสร็จ นัทธีวางโทรศัพท์ลง รอเฮลิคอปเตอร์มาด้วยความอดทน
รอประมาณครึ่งชั่วโมงได้ เฮลิคอปเตอร์ก็มา จอดอยู่ที่ตรงหน้าอาคารบ้านพักอาศัย ดึงดูดสายตาของชาวบ้านจำนวนมาก
นัทธีขึ้นมาอุ้มวารุณีลงไป ขึ้นเฮลิคอปเตอร์
มารุตกลับอยู่ด้านนอก หลังจากให้เงินขอบคุณก้อนหนึ่งแก่ชาวบ้านที่ให้วารุณีอยู่ที่นั่นชั่วคราวแล้ว จึงตามขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป
เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆบินขึ้น แป๊บเดียวก็ออกไปจากที่นี่ บินไปที่โรงพยาบาลของพิชิตโดยตรง
ถึงแม้ภายนอกวารุณีไม่ได้บาดเจ็บใดๆ แต่นัทธียังไม่วางใจ เตรียมให้พิชิตตรวจให้เธอ
หลังจากตรวจเสร็จ พิชิตออกมาจากห้องสำรวจ นัทธีก็เดินเข้ามาถาม“เธอเป็นไงบ้าง?”
“เธอไม่เป็นไร ก็แค่อะดรีนาลีนค่อนข้างสูง เพราะถูกทำให้ตกใจ นอกนั้นก็ใบหน้าบวมเล็กน้อย อย่างอื่นไม่เป็นไร พักผ่อนสองวัน ฟื้นตัวเล็กน้อยจิตใจก็จะดีขึ้น”พิชิตถอดถุงมือแล้วตอบกลับ
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกโล่งอก สีหน้าที่ตึงเครียดก็ดูดีขึ้นเยอะ
พิชิตยืนอยู่ข้างเขา พิงกำแพงตามเขา หยิบซองบุหรี่อันหนึ่งออกมาจากเสื้อกาวน์ แล้วเขย่าออกมาสองมวน“เอาไหม?”
พิชิตถาม
นัทธีมองแวบหนึ่ง ยื่นมือไปรับมามวนหนึ่ง แล้วคาบไว้ที่ปาก
พิชิตก็ก้มลงคาบไว้มวนหนึ่ง จากนั้นหยิบไฟแช็ก จุดไฟให้เขาก่อน แล้วจึงจุดให้ตัวเอง
จุดไฟเสร็จ พิชิตก็สูบไปรอบหนึ่งอย่างดูดี จากนั้นจึงถามว่า“วารุณีเจออะไรมากันแน่ ทำไมตกใจกลัวจนเป็นแบบนี้ พวกแกคงไม่ได้ไปเดทที่บ้านผีสิงหรอกนะ?”
“ไม่ใช่”นัทธีพ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆ เคาะเถ้าบุหรี่ออก ตอบกลับเสียงหม่น:“เธอถูกลักพาตัว”
“อะ……แค่กแค่ก แกพูดอะไร?”พิชิตสำลักควันบุหรี่ ถามเสียงสูง
พยาบาลและหมอบางส่วนที่อยู่รอบๆเดินผ่าน ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองมาทางนี้อย่างแปลกใจ
นัทธีหนีบบุหรี่ไว้ที่นิ้วมือ“วันนี้เป็นวันพิจารณาคดีที่พิชญาคัดลอกผลงาน เพื่อไม่ให้เธอเข้าร่วม สุภัทรจึงส่งคนไปลักพาตัวเธอ”
จากนั้น เขาก็เอาทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากวารุณีถูกลักพาตัว พูดออกมา
พิชิตฟังจบ ก็กลืนน้ำลาย“เด็กดี สถานการณ์อันตรายขนาดนี้ เธอยังรอดมาได้ และแขนขาก็ยังแข็งแรง ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด โชคดีขนาดนี้ไม่ไปซื้อลอตเตอรี่ก็คงเสียดายแย่ แต่ว่าครั้งนี้สุภัทรเกินไปมากจริงๆ ถึงไม่ชอบลูกสาวคนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือแบบนี้นี่?”
เดิมทีเขาคิดว่าสุภัทรใส่ร้ายวารุณีในอินเทอร์เน็ต ก็ทำให้มุมมองทั้งสองของคนถูกทำลายไปแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมองสุภัทรต่ำไป
นัทธีไม่พูด ก้มหน้าลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
ตอนนี้เอง มารุตก็เข้ามา“ประธาน สุภัทรจะพบท่านครับ”
“พอดีเลย ผมก็อยากเจอเขา”นัทธีเอาเถ้าบุหรี่กดลงบนถังขยะให้ดับ จากนั้นก้าวเท้าออกไป
หลังจากมารุตพยักหน้าให้พิชิต ก็รีบตามไป
สุภัทรถูกขังอยู่ในห้องรับแขกของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
นัทธีเข้าไป สุภัทรก็เข้ามาต้อนรับ“นัทธี คุณมาสักทีนะ คุณให้คนพาผมมา เรื่องอะไรกันแน่?”
เขาอยู่ที่นี่อย่างน้อยสองสามชั่วโมงแล้ว ยังไปไม่ได้ และก็ติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ ทำให้ในใจเขาตื่นตระหนกสุดๆ
และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่ศาลเป็นอย่างไรบ้าง คำพิพากษาของพิชญาออกมาหรือยัง ถูกตัดสินจำคุกกี่ปี!
นัทธีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เว้นระยะห่างกับสุภัทร มองเขาด้วยสายตาโหดเหี้ยม“สุภัทร เขาบอกกันว่าคนเราโหดแค่ไหนก็ไม่ทำร้ายลูกตัวเองได้ แต่คุณกลับส่งคนไปลักพาตัววารุณี คุณทำให้ผมเห็นโลกกว้างเสียจริง!”
ได้ยินคำนี้ สุภัทรตะลึงก่อน“ลักพาตัววารุณี?นัทธี คุณกำลังพูดอะไรน่ะ ผมส่งคนไปลักพาตัวเธอเมื่อไหร่กัน?”
นัทธีหรี่ดวงตาเย็นชาคู่นั้นลง“ยังไม่ยอมรับอีก ไม่ใช่ว่าคุณส่งคนไป ขัดขวางวารุณีไปศาลเหรอ?”
สายตาสุภัทรกะพริบอย่างร้อนตัว“คุณ……คุณรู้แล้วเหรอ?”
นัทธีทำเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา“เพื่อพิชญาแล้ว คุณลักพาตัววารุณีและขัดขวางวารุณีไปศาล คุณนี่เยี่ยมจริงๆ”
“นัทธี คุณพูดแบบนี้ปรักปรำเกินไปแล้ว ผมยอมรับ ผมส่งคนไปขัดขวางเธอจริงๆ แต่ผมไม่ได้ให้คนไปลักพาตัวเธอ ผมแค่ให้คนไปจับตาดูเธอ ตอนที่เธอออกจากบ้าน ขวางเธอไว้ที่หน้าบ้าน ไม่ให้เธอออกไปได้ ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย!”สุภัทรผายมือออก พูดด้วยสายตาจริงจัง