บทที่ 233 ทวงหนี้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

คนอื่น ๆ ในบ่อนรวมทั้งคนที่เดินผ่านไปมาต่างรีบเดินมามุงดูความโกลาหลทันที

เฉิงโซวผิงเดินโซเซไปที่ด้านข้างของซูอัน ด้วยใบหน้าบวมปูด เขากอดต้นขาของซูอันพร้อมกับร้องโหยหวนออกมาด้วยความไม่พอใจ “นายน้อย ไอ้สารเลวที่อยู่ตรงนั้นฉีกตั๋วเดิมพันของเรา!”

เปลือกตาของซูอันกระตุก “หยุดใช้เสื้อผ้าของข้าเป็นผ้าซับน้ำมูกของเจ้าเดี๋ยวนี้!”

เมื่อเห็นว่าฉู่ชูเหยียนอยู่ที่นี่ด้วย ผู้จัดการจากบ่อนสี่สมุทรก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีหยิ่งผยองอีกต่อไป เขารีบก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาที่เขียวปั้ดของเขาทำให้เขาดูค่อนข้างตลก “ยินดีต้อนรับคุณหนูใหญ่ฉู่ ๆ ผู้น้อยเฒ่าตู๋เป็นผู้จัดการของบ่อนแห่งนี้ ผู้น้อยต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่ต้อนรับท่านอย่างไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ว่าแต่ลมอะไรหอบท่านมาที่บ่อนอันต่ำต้อยของผู้น้อยในวันนี้?”

ฉู่ชูเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาทันที “ถ้าข้าไม่มาที่นี่ ข้าคงไม่เห็นว่าหยาบคายกับคนของข้าได้ถึงขนาดไหน!”

“ผู้น้อยไม่กล้าๆ!” เฒ่าตู๋ตอบอย่างเร่งรีบสีหน้าประหม่า “ผู้น้อยไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามาที่นี่ภายใต้คำสั่งของท่าน ดังนั้นโปรดยกโทษให้ผู้น้อยด้วยสำหรับความหยาบคายของผู้น้อยก่อนหน้านี้”

ซูอันโบกมือพร้อมกับพ่นลมหายใจอย่างแรงราวกับว่าเขากำลังหงุดหงิด “พอแล้ว! ข้าไม่ต้องการเสียเวลากับคำพูดสอพลอของเจ้า รีบ ๆ จ่ายหนึ่งล้านตำลึงเงินที่เจ้าเป็นหนี้เรามาเดี๋ยวนี้!”

เฒ่าตู๋ดูประหลาดใจในขณะที่เขาถาม “นายน้อยซู ข้าเกรงว่าข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูดสักเท่าไหร่ ตั๋วเดิมพันที่คนใช้ของท่านนำมาให้เราเป็นของปลอม ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถเบิกเงินให้ท่านได้”

“ตั๋วเดิมพันจะเป็นของจริงหรือไม่ เจ้าควรจะให้ทุกคนเป็นพยาน เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่เจ้าจะฉีกมันโดยพลการแบบนั้น นั่นเป็นการกระทำที่ผิดหลักการและน่าแคลงใจเป็นอย่างยิ่ง!” ซูอันเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

คำพูดนี้ทำให้ฝูงชนวิจารณ์กันอย่างรุนแรง การกระทำของเฒ่าตู๋น่าสงสัยในสายตาของพวกเขาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เฒ่าตู๋ได้เตรียมคำตอบสำหรับเรื่องนี้แล้ว “ต้องขออภัยในการกระทำของข้าด้วยจริง ๆ แต่ข้าแค่คิดว่าคนรับใช้คนนี้กำลังปลอมแปลงตั๋วเดิมพันลับหลังของท่านดังนั้นเมื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของตระกูลฉู่ ข้าจึงฉีกตั๋วเดิมพันทันที มิฉะนั้นมันอาจจะนำไปสู่การติฉินนินทาโดยไม่จำเป็น ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาทำภายใต้คำสั่งของท่าน…”

เนื่องจากตั๋วเดิมพันถูกทำลาย ซูอันจึงไม่มีทางพิสูจน์คำพูดของเขาอีกต่อไป แถมคำพูดของเฒ่าตู๋ก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีเช่นกัน

ตามที่คาดไว้ฝูงชนหันกลับมามองที่ซูอันอย่างสงสัยทันที

“โอ้ เจ้าพยายามจะเล่นลิ้นกับข้างั้นเหรอ” ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “โชคดีจริง ๆ ที่ข้าเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า! ข้าคิดเอาไว้ไม่ผิดเลยว่าเจ้าจะต้องมีอุบายอะไรบางอย่างดังนั้นข้าก็เลยเก็บตั๋วเดิมพันจริงเอาไว้กับตัวข้าเอง!”

เมื่อพูดจบ ซูอันก็หยิบตั๋วเดิมพันจริงออกจากเสื้อคลุมของเขาและแสดงให้ทุกคนเห็น “ฮ่า ๆๆ น่าล่ะสมเพชเจ้าจริง ๆ ที่เจ้าโง่เง่าและใจร้อนเกินไปจนเจ้าไม่ได้ดูตั๋วเดิมพันอย่างใกล้ชิดส่งผลให้เจ้าพลาดฉีกไปได้แต่ตั๋วเดิมพันปลอมที่ข้าเขียนขึ้นมาเอง!”

เฒ่าตู๋ถึงกับนิ่งงัน

ท่านยั่วยุเฒ่าตู๋สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!

ท่านยั่วยุเจิ้งตานสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!

ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!

ซูอันเหลือบมองไปที่ประตูที่ปิดสนิทหลังจุดแลกเงินรางวัลเมื่อเห็นคะแนนความโกรธของซ่างเชียนและเจิ้งตานหลั่งไหลเข้ามา ทั้งสองต้องซ่อนตัวอยู่ข้างในแน่นอน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลเจิ้ง เด็กหนุ่มก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเจิ้งตานถึงพยายามเข้าใกล้เขาก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วกลับกลายเป็นว่านางมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอยู่ในใจ อาจเป็นไปได้มากว่านางตั้งเป้าเอาไว้ที่ตั๋วหนี้ 7,500,000 ตำลึงเงินที่เขาได้รับจากบ่อนโกยเงิน โดยหวังว่าจะใช้มันเพื่อกลืนกินธุรกิจของสำนักดอกบ๊วย!

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็คงต้องขอยอมรับเลยว่าซ่างเชียนพยายามเทหมดหน้าตักจริง ๆ เขาถึงขนาดให้คู่หมั้นของตัวเองวางกับดักน้ำผึ้งต่อหน้าแถมยังลงทุนให้เจิ้งตานกอดและลูบไล้เขาอีกต่างหาก!

เอ๊ะเดี๋ยวนะ? ไอ้คนนี้มันมีรสนิยมทางเพศแบบแปลก ๆ ด้วยหรือเปล่า? หรือว่ามันชอบให้ภรรยาตัวเองมีชู้มันถึงจะมีอารมณ์? พระเจ้าช่วย ถ้าเป็นเช่นนั้น ตัวเขาควร…คบหามันเป็นเพื่อนจะดีกว่า!

อย่างไรก็ตามนี่มันหมายความว่าพวกเขาไม่รู้ว่าตั๋วหนี้ 7,500,000 ตำลึงเงินไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว งั้นก็ควรบอกเจียงลั่วฝูให้ปิดบังเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะเห็นพวกเขาทั้งสองคนดิ้นรนอย่างสิ้นหวังเพียงเพื่อจะได้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเปล่าประโยชน์!

ตอนนี้เองที่ฉู่ชูเหยียนพูดขึ้นว่า “มันง่ายมากที่จะแยกแยะความถูกต้องของตั๋วเดิมพัน โดยทั่วไปบ่อนจะใช้กระดาษและหมึกแบบพิเศษ รวมไปถึงตราประทับที่ไม่อาจลอกเลียนได้เพื่อป้องกันการปลอมแปลง แถมบันทึกการเดิมพันทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในสำนักงานของผู้พิพากษาเพื่อหลีกเลี่ยงการโต้แย้ง นอกจากนี้ ทุกบ่อนจะเก็บสำเนาตั๋วเดิมพันเอาไว้ด้วยเพื่อใช้เป็นเอกสาร ข้าจะเชิญรองผู้พิพากษามาที่นี่เพื่อให้ท่านตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรม!”

ในฐานะที่นางเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลฉู่ นางจึงมีความรอบรู้เกี่ยวกับธุรกิจและกฎหมายของอาณาจักร…

“คุณหนูใหญ่ฉู่ กรุณารอสักครู่!” ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งออกมาจากห้องด้านหลังจุดแลกเงินรางวัล “ข้าเป็นเจ้าของบ่อนสี่สมุทร เจิ้งกวนซี เป็นเกียรติจริง ๆ ที่คุณหนูใหญ่ฉู่และนายน้อยซู มาเยี่ยมสถานที่ของเรา!”

ไม่มีทางที่ตระกูลเจิ้ง จะปล่อยให้พวกเขาไปหารองผู้พิพากษาในเรื่องนี้เพราะพวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิด สิ่งต่าง ๆ จะกระจ่างชัดขึ้นมาทันทีด้วยการสอบสวนเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ารองผู้พิพากษามาที่นี่เพื่อตรวจสอบสมุดบัญชีของพวกเขา พวกเขาจะไม่ใช่แค่สูญเสียเงินแค่หนึ่งล้านตำลึงเงิน!

“เจ้าเป็นเจ้าของบ่อนสี่สมุทรงั้นเหรอ?” ซูอันเหลือบมองไปยังห้องด้านหลังที่เจิ้งกวนซีเพิ่งวิ่งออกมาในขณะที่เขาพูด

ดูเหมือนว่าเจิ้งตานและซ่างเชียนจะยังคงใจแข็งไม่ยอมออกมา แต่นั่นก็มีเหตุผลเพราะด้วยสถานะของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงในเรื่องที่เกี่ยวกับบ่อนอย่างเปิดเผยได้ มิฉะนั้นชื่อเสียงของพวกเขาจะกลายเป็นที่มัวหมอง ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้พวกเขาจึงจำเป็นต้องให้คนอื่นดูแลบ่อนแทน…

“ใช่ ข้าเอง!” เจิ้งกวนซีตอบกลับพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร

“เจ้าแซ่เจิ้ง? เจ้ามาจากตระกูลเจิ้งงั้นเหรอ?” ซูอันถามกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่…ไม่…ไม่แน่นอน! ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเจิ้งเลย คนต่ำต้อยเช่นข้าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเจิ้งที่สูงส่งได้อย่างไร?” เจิ้งกวนซี ปฏิเสธทันที

หลังจากนี้เขาควรใช้ชื่ออื่นแทนดีไหม? ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คนอื่นจะต้องยิ่งเริ่มสงสัยในภูมิหลังของเขาแน่นอนและสักวันหนึ่งความลับจะต้องแตก! แต่ถ้าคิดอีกที หากยังใช้แซ่เจิ้งอยู่เวลาจัดการกับปัญหาใด ๆ มันจะง่ายกว่ามากเมื่อนำชื่อตระกูลเจิ้งยกขึ้นมาเพื่อกดดันผู้อื่น อ่า…นี่มันเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ

“ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมาจากตระกูลไหน แค่บอกข้ามาว่าเจ้าตั้งใจจะแก้ปัญหานี้อย่างไรก็พอ!” ซูอันถามกลับ

เจิ้งกวนซีหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและปาดเหงื่อเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นบนหน้าผากของเขา “คือแบบนี้นะนายน้อยซูให้ข้าอธิบายกับท่านสักหน่อย การเดิมพันที่ท่านทำลงไปก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเรา โดยที่เฒ่าตู๋…บ่อนของเราไม่รู้เรื่องนี้เลย ข้าคิดว่าเขาทำลงไปทั้งหมดนี้เพราะต้องการได้ลาภก้อนใหญ่โดยที่ไม่ได้ลงทุนเองแน่นอน!”

“???” เฒ่าตู๋

เจิ้งกวนซีไม่ให้โอกาสเฒ่าตู๋อธิบายเลย “เด็ก ๆ ลากมันออกไปแล้วพามันไปหารองผู้พิพากษา!”

เฒ่าตู๋ตื่นตระหนกทันที “เจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!

พั่วะ!

แน่นอนว่าคนของเจิ้งกวนซีได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว เขาชกอย่างแรงไปที่กรามของเฒ่าตู๋จนทำให้เฒ่าตู๋ถึงกับกรามหักพูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป…

“เจ้าไม่จำเป็นต้องแกล้งเล่นละครไร้สาระต่อหน้าข้า แค่ตอบคำถามของข้ามาตรง ๆ ก็พอว่าเจ้าจะจ่ายหรือไม่จ่าย” ซูอันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“แน่นอนว่าทางเราจะจ่ายให้ท่านตามเงินรางวัลที่ท่านควรจะได้รับแน่นอน!” ใบหน้าของเจิ้งกวนซียังคงมีรอยยิ้ม แต่มือของเขาสั่นเทา นี่คือเงินจำนวนหนึ่งล้านที่พวกเขาพูดถึงที่นี่! นับตั้งแต่เปิดบ่อนสี่สมุทร ขึ้นมารายได้รวมของพวกเขายังไม่มากขนาดนั้นด้วยซ้ำ! “แต่เงินก้อนโตขนาดนี้มันมากเกินกว่าที่เราจะหาได้ในทันที เราขอเขียนตั๋วหนี้ให้ท่านก่อนจะได้ไหมนายน้อยซู?”

“ได้แน่นอน แต่เจ้าจะต้องให้ดอกเบี้ยข้าที่ 4ใน10 ส่วนต่อปี!” ซูอันพยักหน้าพร้อมกับตอบออกไป