ตอนที่ 194 สถานการณ์ตึงเครียด
เย่หลานเฉิงตะโกนด้วยความรีบร้อน “หนานหนาน…”
ต่อให้หนานหนานอยากควบคุมก็ไม่ทันแล้ว เขารู้สึกได้ว่าหน้าอกของตนเองถูกกระแทกจนเจ็บปวดรวดร้าว ร่างกายของเขาหลุดออกจากหน้าต่างและพุ่งออกไปด้านนอกแล้ว
คนขับรถม้าเกิดความรีบร้อนอยากลงจากรถม้า ทว่าในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เขาจะควบคุมไหวได้อย่างไรกัน จึงเกิดอาการเหงื่อเย็นเปียกชุ่มทั้งแผ่นหลังทันใด
เย่หลานเฉิงอยากออกไปช่วยหนานหนาน มือทั้งสองข้างยื่นออกพร้อมกับยืดลำตัวออกไปครึ่งตัว กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะเกิดแรงดึงจากด้านหลัง ร่างกายของเขาถูกดึงกลับเข้ามาในรถ ตามไปติด ๆ ด้วยเงาหนึ่งที่กระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโอบกอดร่างเล็ก ๆ ของหนานหนานไว้ เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นขณะกระแทกลงบนพื้น ก่อนจะกลิ้งกลุก ๆ ลงบนพื้นที่มีวัชพืชงอกขึ้นมาใหม่อีกสองตลบก่อนจะหยุดนิ่ง
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?” ครั้นหยุดนิ่ง เย่ฮ่าวหรานก็ก้มหน้ามองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด น้ำเสียงเหนื่อยหอบเล็กน้อย
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ สะบัดศีรษะตนเอง ตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ข้างหูก็เกิดเสียงเกือกม้าดังขึ้นอีกหน เย่ฮ่าวหรานรีบเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าด้านหลังมีม้าอีกสามสี่ตัววิ่งตรงเข้ามา คนที่อยู่บนหลังม้าปกคลุมใบหน้าด้วยผ้าสีดำเผยให้เห็นสายตาที่เฉียบคม คนเหล่านั้นไม่มองเย่ฮ่าวหรานและคนอื่น ๆ ทว่ามีดในมือกลับพุ่งเข้ามาเพื่อตัดหัวของพวกเขา
เย่ฮ่าวหรานหน้าถอดสี เขาอุ้มหนานหนานดีดตัวลอยสูง มือทั้งสองข้างคว้าลำต้นของต้นไม้และใช้เท้าไต่ขึ้นไปด้านบน
คนชุดดำเหล่านั้นดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย หนึ่งในนั้นยังไม่ยอมแพ้และคิดจะไล่ฟันพวกเขา ทว่ากลับถูกอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าห้ามไว้ “อย่าทำให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้”
คนคนนั้นชะงัก ก่อนจะใช้เท้าหนีบเข้าที่ท้องของม้าพุ่งตัวตามออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันมองเย่ฮ่าวหรานอีก
เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย ทอดมองทิศทางที่คนเหล่านั้นมุ่งหน้าไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงอุ้มหนานหนานกระโดดลงมาด้านล่างและพากลับเข้าไปอยู่ในรถม้าอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเริ่มสำรวจบนร่างกายของเขาอย่างละเอียดเพื่อดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“เป็นอะไรหรือไม่?”
หนานหนานส่ายหน้า ช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย เด็กน้อยลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ยกนิ้วชี้ไปยังคนที่ขี่ม้าจากไปเหล่านั้นพร้อมกับก่นด่ายกใหญ่ “ทำอะไรของพวกเขาเนี่ย กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดจะพรากชีวิตไปจากข้า ข้ากับพวกเขามีความแค้นอะไรต่อกันกันแน่? ข้ายังไม่ได้แย่งเงินจากพวกเขาแถมยังไม่ได้ถ่มน้ำลายใส่พวกเขาสักหน่อย ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ยังเป็นคนกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
เย่ฮ่าวหรานยังตกใจกลัวไม่หาย เกรงว่าเจ้าเด็กคนนี้จะตกใจจนสติแตก คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับมีปฏิกิริยาโต้ตอบเช่นนี้
เขาถึงกับกุมขมับราวกับหมดคำพูด สายตาเหลือบมองไปตามนิ้วที่อีกฝ่ายชี้ รถม้าคันนั้นที่ชนเข้ากับพวกเขาก่อนหน้านี้หายไปแล้ว ม้าสามสี่ตัวที่ไล่ตามมาจากด้านหลังก็ค่อย ๆ หายไปจากการมองเห็นของพวกเขาเช่นกัน
เขาเม้มปาก ก่อนเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางครุ่นคิด “เกรงว่าพลม้าเหล่านั้นคงไล่ตามเพื่อฆ่าคนในรถม้าคันที่อยู่ด้านหน้า”
เสียงด่าทอของหนานหนานหยุดลงทันใด เขากะพริบตาปริบ ๆ ทำท่าทางเคร่งขรึม “อืม อันที่จริงข้าเองก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อครู่ที่พวกเขาคิดจะฟันพวกเรา ก็เป็นเพราะรถม้าของพวกเราและรถม้าคันก่อนหน้านี้มีความละม้ายคล้ายคลึงกันมาก จึงทำให้พวกเขาจำผิด ภายหลังเมื่อเห็นอย่างชัดเจนแล้วจึงรีบถอนกำลังถูกต้องหรือไม่?”
เย่ฮ่าวหรานแทบกระอักเลือดออกมา รถม้าของพวกเขาคล้ายกันมาก? พูดเป็นเล่น รถม้าของใครบ้างที่จะคล้ายรถม้าของพวกเขาที่ดู…ตุ้งติ้งเช่นนี้?
พวกเขาไม่ได้เข้าใจผิด แต่คงคิดอยากจะฆ่าปิดปากเสียมากกว่า
เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่ฮ่าวหรานจะมีวรยุทธ์ โจมตีกระบวนท่าเดียวคงมิอาจฆ่าให้ตายได้ อีกอย่างพวกเขาก็ยังมีภารกิจติดตัว จึงเลือกที่จะยอมแพ้ก็เท่านั้น
ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในรถม้าคันที่อยู่ด้านหน้าเป็นใครกันแน่ ถึงได้ยั่วให้คนเหล่านี้กล้าทำเรื่องชั่วร้ายใต้พระบาทของโอรสแห่งสวรรค์ภายในเมืองหลวง ความกล้าหาญช่างมากมายจริง ๆ
เย่ฮ่าวหรานหันมองไปยังทิศทางที่คนเหล่านั้นจากไปอีกครั้ง หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ คนที่นั่งอยู่ในรถม้าคันนั้นก็คืออวี๋จั้วหลินและ…อวี้ชิงลั่ว
ในเมื่ออวี้ชิงลั่วเป็นคนที่อวี๋จั้วหลินหามา นางย่อมต้องไปที่โรงเตี๊ยมเยว่หมิงพร้อมกับอวี๋จั้วหลิน ต่อให้เย่ซิวลั่วไม่เต็มใจ แต่ก็จนปัญญาเช่นกัน
เพียงแต่นึกไม่ถึงเลยว่าทันทีที่พวกเขาออกเดินทางจากจวนอวี๋ จู่ ๆ ก็มีคนลงมือฆ่าพวกเขาแล้ว ทั้งยังต้อนรถม้าจนทำให้สูญเสียการควบคุมวิ่งมาจนถึงสถานที่เปลี่ยวเช่นนี้ ซึ่งยิ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะลงมือจัดการ
เดิมทีอวี๋จั้วหลินขี่ม้าอยู่ด้านนอกเพื่อนำทาง ทว่าเป็นเพราะรถม้าเปลี่ยนทิศทาง เขาจึงต้องขี่ม้าไล่ตามมาด้วย ระหว่างทางจึงถูกห้อมล้อมโจมตี ม้าที่เขานั่งอยู่ถูกฆ่าตายระหว่างทาง จึงต้องเข้ามานั่งอยู่ในรถม้า ทั้งยังปลอบประโลมอวี้ชิงลั่วด้วยสีหน้าขึงขัง
“แม่นางชิง ทำให้ท่านต้องตกใจกลัวแล้ว ท่านอย่าได้เป็นกังวล วันนี้ต่อให้ข้าต้องสู้ด้วยชีวิต ข้าก็จะคุ้มกันแม่นางชิงให้ปลอดภัย”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า นิ้วมือเกิดอาการเกร็งเล็กน้อยขณะจับเข้ากับมือของเยว่ซินที่กำลังสั่นเทาและตื่นตระหนกไปทั้งตัว ผ้าคลุมที่อยู่บนใบหน้าไหวกระเพื่อมไปมาตามการเคลื่อนไหวของรถม้า ทว่าสายตาของนางกลับไม่ได้มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย สายตานั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นที่มีต่ออวี๋จั้วหลิน
“ข้าย่อมเชื่อใจความสามารถของคุณชายอวี๋ เพียงแค่คนเหล่านั้นมีจำนวนมาก บนตัวก็ยังมีอาวุธน่ากลัว คุณชายอวี๋เพียงคนเดียวแต่ต้องปกป้องพวกเราถึงสองคน ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย”
อวี๋จั้วหลินแย้มยิ้มให้นางด้วยความมั่นใจ แม้ภายในใจของเขาจะไม่สนใจว่าเยว่ซินจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทั้งยังคิดว่าจะผลักสาวใช้คนนี้ให้ออกไปรับหน้าแทนในช่วงเวลาที่จำเป็น ทว่าในเมื่ออวี้ชิงลั่วพูดเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกไม่ดีหากจะพูดสิ่งอื่น จึงได้แค่ชะโงกหน้าออกไปด้านหน้าเป็นครั้งคราวเพื่อดูคนที่ไล่ฆ่าด้านนอก
เยว่ซินตกใจจนเหงื่อเย็นซึมออกมา นางเป็นคนรับใช้ที่ประพฤติตนเหมาะสมและปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมอยู่ในจวนมาโดยตลอด ไม่เคยเจอสถานการณ์ที่มีคนไล่ตะโกนฆ่าฟันเช่นนี้ โชคดีที่คุณหนูยังสงบเสงี่ยมเช่นนี้ มิเช่นนั้นนางคงไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำอย่างไร
คนสามสี่คนที่อยู่ด้านหลังไล่ตามเข้าใกล้เรื่อย ๆ เดิมทีรถม้าของอวี้ชิงลั่วได้สูญเสียการควบคุมไปแล้ว ตอนนี้ยิ่งมิอาจรับมือกับม้าและคนของทางฝั่งนั้นแบบตัวต่อตัวได้ ผ่านไปไม่นาน รถม้าก็หยุดลง และถูกคนเหล่านั้นห้อมล้อมไว้ตรงกลาง
อวี้ชิงลั่วไม่ได้เป็นกังวล เพียงแต่มองไปยังสถานการณ์ที่อยู่ด้านนอกรถม้าด้วยสายตาเย็นชา
ส่วนอวี๋จั้วหลิน กลับไม่ได้มีท่าทางนิ่งสงบเหมือนนาง
รถหยุดนิ่งลง คนเสื้อดำเหล่านั้นไม่คิดจะให้เวลาพวกเขาได้ไหวตัว รีบพุ่งตัวเข้ามาที่รถม้าอย่างรวดเร็ว
เกิดประกายดาบเย็นสว่างวาบขึ้น คนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกเนื้อตัวสั่นเทาสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะกลิ้งตกลงจากรถม้า
“กรี๊ด…” เยว่ซินตกใจจนหวีดร้องเสียงแหลม แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังปกป้องอยู่ด้านหน้าอวี้ชิงลั่วด้วยเนื้อตัวสั่นเทา สายตาแดงก่ำขณะกลืนน้ำลาย
ครั้นพบใบมีดพุ่งเข้ามาตรงหน้า นางก็ตกใจจนหดคอหนีพร้อมกับปิดตาลง
เสียง “เคล้ง” ดังขึ้น กระบี่ถูกชักออกมาจากฝักขวางดาบเล่มนั้นที่อยู่ตรงหน้าเยว่ซิน อวี๋จั้วหลินหันกลับมาตะโกนบอกเยว่ซิน “พาแม่นางชิงลงจากรถ ขี่ม้าออกไปจากที่นี่” ระหว่างที่เขาพูดก็พุ่งตัวออกไปเพื่อสู้กับคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้า
“หา?” เยว่ซินชะงัก ยังไม่ได้สติกลับคืนมา ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับดึงมือของนางด้วยท่าทางนิ่งสงบ ใช้ประโยชน์จากช่วงที่กระบี่ถูกเบี่ยงทิศทาง กระโดดลงจากรถม้า
ทว่าตอนที่ขาทั้งคู่ของพวกนางสัมผัสลงบนพื้น นักฆ่าคนอื่น ๆ กลับเข้ามาห้อมล้อมไว้ สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โดนนักฆ่าล้อมไว้แล้ว จะฝ่าวงล้อมออกไปยังไงดีนะ
ไหหม่า(海馬)