บทที่ 214 พิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่ ร่างแยกวัฏจักร

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 214 พิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่ ร่างแยกวัฏจักร

หลังจากงุนงงไปชั่วขณะ สติรับรู้ของหานเจวี๋ยก็กลับสู่สภาพปกติ

เขาลืมตาอีกครั้ง เบื้องหน้ายังคงเป็นแม่น้ำมรรคกระบี่ เงาแสงก่อนหน้านี้ไม่อยู่แล้ว

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

แม่น้ำมรรคกระบี่นี้กลับทำให้เขาคุ้นเคยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขายังสามารถแผ่พลังจิตออกไปได้ด้วย

ความรู้สึกเช่นนี้… เสมือนกำลังสำรวจพื้นที่แหวนเก็บสมบัติของตน

นับจากนี้เป็นต้นไป เขาคือผู้พิทักษ์ของแม่น้ำมรรคกระบี่!

เขาสามารถมองเห็นใบหน้าแท้จริงของร่างที่สัญจรไปมาได้ถนัดตา เขาสามารถควบคุมพลังลึกลับของแม่น้ำมรรคกระบี่ ขับไล่คนออกไป และยังเข้าออกแม่น้ำมรรคกระบี่ได้ตามใจชอบ

นับจากนี้เป็นต้นไป แม่น้ำมรรคกระบี่กลายเป็นบ้านของเขาอย่างแท้จริงแล้ว!

เพียงแต่…

หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกดีใจด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามจิตใจหนักอึ้งอย่างมาก

จั้งกูซิงดีกับเขามาก สมัยที่เขายังเด็กไม่รู้เดียงสายังเคยลงมือช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงถูกมรรคาสวรรค์ของแม่น้ำมรรคกระบี่กดทับตายนานแล้ว

หนำซ้ำทุกครั้งที่หานเจวี๋ยมีปัญหากลัดกลุ้ม ก็จะนึกถึงจั้งกูซิง

ทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นทั้งอาจารย์เป็นทั้งสหาย

หานเจวี๋ยเอ่ยปาก “ผู้อาวุโส ขอถามทีว่าใครจับตัวพี่ใหญ่ของข้าไป”

เขาเชื่อว่าคนผู้นั้นยังไม่จากไปไหน และเป็นดังคาดจริงๆ

“จักรพรรดิเซียนแห่งวังเทพอวี้เทียนเป่า ทำไมหรือ เจ้าอยากไปช่วยเขา? อาศัยแค่เจ้าน่ะหรือ” เสียงของเงาแสงดังมาอีกครั้ง

หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเซียนเสียหน่อย ข้าเพียงแต่อยากถามให้ชัดเจน”

[ความประทับใจที่จักรพรรดิเทพกระบี่มีต่อท่านลดลง ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

หืม?

ถึงกับเป็นจักรพรรดิเทพกระบี่เลยหรือ

แค่นี้ก็ลดระดับความประทับใจแล้ว?

รู้สึกชอบกล

จักรพรรดิเทพกระบี่คาดหวังให้เขาแก้แค้นแทนจั้งกูซิงอยู่รึ กล้าคิดไปได้อย่างไร

ช้าก่อน! อย่าบอกนะว่าจักรพรรดิเทพกระบี่หวังให้ตนเชิญวังสวรรค์มาช่วยเหลือ

หานเจวี๋ยจมเข้าสู่ภวังค์ความคิด

เสียงแค่นจมูกหยามหยันของจักรพรรดิเทพกระบี่ดังขึ้นอีกครั้ง “ขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เจ้าพิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่ เพียงแค่ได้รับสิทธิ์อำนาจหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะทำตามอำเภอใจได้ หากผู้ที่ขอบเขตตบะเหนือชั้นกว่าเจ้าไปไกลเข้ามาในแม่น้ำมรรคกระบี่ เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้

อย่าได้ล่วงเกินผู้ทรงพลังเพราะเรื่องนี้”

หานเจวี๋ยเข้าใจหลักการข้อนี้ ถ้าอาศัยแม่น้ำมรรคกระบี่กระทำการกำเริบเสิบสานได้จริง จั้งกูซิงก็คงไม่ถูกจับตัว

ในความคิดของเขา แม่น้ำมรรคกระบี่ก็เหมือนบริษัทแห่งหนึ่ง เขาคือยามรักษาความปลอดภัย ยามสามารถไล่คนได้ แต่ยามไม่ใช่เจ้าของบริษัท

เขาเพียงถือกุญแจดอกหนึ่งไว้เท่านั้น!

หานเจวี๋ยคารวะไปทางเบื้องหน้า จากนั้นก็กลับมาภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

เขาเอาป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

“ผู้อาวุโส ท่านรู้จักอวี้เทียนเป่าจักรพรรดิเซียนวังเทพหรือไม่” หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงเอ่ยถามผ่านป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์

ตี้ไท่ไป๋ตอบกลับว่า “รู้จัก เป็นผู้อาวุโสทัณฑ์เทพที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ของวังเทพ ตัวเขาเป็นระดับจักรพรรดิเซียน อำนาจภายในวังเทพก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ทำไม เขาจ้องเล่นงานเจ้าหรือ”

น้ำเสียงของตี้ไท่ไป๋ค่อนข้างตึงเครียด

หานเจวี๋ยกล่าว “เขาจับตัวพี่ใหญ่คนหนึ่งของข้าไป พอมีวิธีช่วยเหลือหรือไม่”

“พี่ใหญ่? พี่ใหญ่ที่ไหนของเจ้า”

“คนผู้นั้นที่พิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่ นามว่าจั้งกูซิง”

“อะไรนะ! จั้งกูซิงเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า? ก็ถูก…คุณสมบัติมรรคกระบี่ของเจ้าน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ย่อมต้องได้บังเอิญพบเขาอยู่แล้ว…”

จากนั้นตี้ไท่ไป๋ก็คิดใคร่ครวญ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ดูท่าทางเรื่องราวจะจัดการยาก หากเป็นที่ผ่านมาตี้ไท่ไป๋คงตอบตกลงทันทีแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง ตี้ไท่ไป๋จึงค่อยกล่าว “จั้งกูซิงเคยเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งของวังเทพ ผ่าเผยโดดเด่น ในใจเขามีเพียงกระบี่เท่านั้น เจ้าแห่งวังเทพเคยคิดอยากจับคู่บุตรสาวกับเขา แต่ถูกเขาปฏิเสธ สตรีผู้นั้นสิ้นหวังหมดกำลังใจก็เลยแต่งกับอวี้เทียนเป่าแทน

คนก็แต่งกันไปแล้ว แต่อวี้เทียนเป่ารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าจั้งกูซิงหนึ่งช่วงมาโดยตลอด

เมื่อหลายหมื่นปีก่อน จั้งกูซิงถูกจักรพรรดิเซียนล้อมโจมตีตอนออกไปหาประสบการณ์ด้านนอก ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใด เขาถึงละทิ้งกายเนื้อ จิตวิญญาณหนีออกจากวังเทพมายังแม่น้ำมรรคกระบี่แห่งนี้ หากคิดอยากช่วยเหลือจั้งกูซิงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ พักนี้วังสวรรค์กับวังเทพเป็นมิตรกันดี อย่างมากที่สุดก็ช่วยเจ้ารักษาชีวิตของเขาไว้ได้”

คำพูดของตี้ไท่ไป๋ทำให้หานเจวี๋ยถอนหายใจโล่งอกเบาๆ

การมีชีวิตอยู่ดีกว่าอะไรทั้งนั้น

“มีชีวิตรอดต่อไปได้ก็พอแล้ว”

เมื่อหานเจวี๋ยกล่าวเช่นนี้ ตี้ไท่ไป๋จึงรับปากเรื่องนี้

ตี้ไท่ไป๋พูดต่อว่า “เรื่องนี้มอบให้วังสวรรค์จัดการ เจ้าห้ามผลีผลามออกหน้าเด็ดขาด พรสวรรค์ของเจ้าน่าสะพรึงกลัวก็จริง แต่พลังที่แท้จริงยังไม่ไหว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเซียนเลย”

หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “ข้าเข้าใจ”

หลังจากตัดขาดการเชื่อมต่อพลังจิต หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งอวี้เทียนเป่า

อวี้เทียนเป่าอาจจะมีหลายคน แต่อวี้เทียนเป่าแห่งวังเทพมีแค่คนเดียว

หานเจวี๋ยสาปแช่งโดยอิงจากอวี้เทียนเป่าแห่งวังเทพ ย่อมสาปแช่งไม่ผิดตัวแน่

……

สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยสาปแช่งอวี้เทียนเป่าแห่งวังเทพอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ตรวจดูจดหมายไปด้วย

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านถกมรรคกับผู้ทรงพลัง ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย พลังมรรคเพิ่มพูน]

[ตี้หงเย่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนวังเทพ] x4

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง] x120

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[จั้งกูซิงสหายของท่านตระหนักรู้แก่นแท้มรรคกระบี่ บรรลุพลังวิเศษมรรคาสวรรค์]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพบกับโอกาสวาสนา ได้รับพลังภายในสูงสุดของสำนักเต๋า]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ทั้งสำนักถูกฆ่าล้าง]

……

หานเจวี๋ยไม่เห็นจุดจบการถูกสาปแช่งของอวี้เทียนเป่าก็ค่อนข้างผิดหวัง แต่เห็นว่าจั้งกูซิงถึงกับบรรลุพลังวิเศษได้ แปลว่ามีชีวิตไม่เลวทีเดียว

เขากดเปิดค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดู พบว่าตบะของจั้งกูซิงเปลี่ยนเป็นไม่ทราบแล้ว

หรือก็หมายความว่าจั้งกูซิงเป็นจักรพรรดิเซียน!

พี่ใหญ่มั่นคงนัก!

เปลี่ยนภัยอันตรายเป็นแคล้วคลาด!

หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นสถานการณ์ในช่วงนี้ของจักรพรรดิสวรรค์ สามารถถกมรรคกับจักรพรรดิสวรรค์ได้ ทั้งยังทำให้พลังมรรคพุ่งทะยานด้วย มิใช่พวกว่างงานแน่นอน

จะเป็นใครกัน

ในใจหานเจวี๋ยสงสัยใคร่รู้

นอกจากนี้ เผ่าเทพอีกาทองกับวังเทพไปรวมหัวกันได้อย่างไร

แม่ของอีกาทองสองตัวเหี้ยมมากทีเดียว ต่อกรจักรพรรดิเซียนสี่คนได้

แดนเซียนช่างฉูดฉาดเสียจริงๆ จักรพรรดิเซียนผู้สูงส่งยังไม่ทันได้ลงมือเลย นับประสาอะไรกับผู้ฝึกบำเพ็ญทั่วไป

โชคดีที่ไม่ได้สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ ไม่อย่างนั้นคงมีหายนะมากมาย

ดูอย่างโจวฝาน เพิ่งเข้าร่วมสำนัก ทั้งสำนักก็ถูกฆ่าล้าง

ในใจหานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนโชคดี

หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูทั้งหมดเสร็จสิ้น

จู่ๆ เบื้องหน้าของเขาก็มีตัวอักษรสามแถวเด้งขึ้นมา

[ตรวจพบว่าวังสวรรค์เผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที ช่วยเหลือวังสวรรค์ จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน มรดกพลังวิเศษหนึ่งวิชา]

[สอง ยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ในตอนนี้ ฝึกบำเพ็ญต่อไป จะได้รับมรดกพลังวิเศษหนึ่งวิชา]

หานเจวี๋ยลอบสบถ อยากโน้มน้าวให้ข้าสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์?

เป็นไปไม่ได้!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ในตอนนี้ ได้รับมรดกพลังวิเศษหนึ่งวิชา]

[ยินดีด้วยท่านได้รับพลังวิเศษ——ร่างแยกวัฏจักร]

[ร่างแยกวัฏจักร: สามารถสร้างร่างแยกออกมาได้ มีกระบวนความคิดเป็นของตัวเอง แต่จะไม่หักหลังเจ้านายเด็ดขาด สามารถเดินทางข้ามหมื่นโลกได้อย่างอิสระ ไม่ได้รับผลกระทบจากกรรม]

พลังวิเศษนี้ไม่เลวเลยจริงๆ สามารถสร้างร่างแยกร่างหนึ่งไว้คอยพิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่ได้

จำกัดไว้เพียงเท่านี้ก่อน หานเจวี๋ยไม่อยากให้ร่างแยกหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตัวเอง

คิดแล้วหานเจวี๋ยก็เริ่มรับสืบทอดร่างแยกวัฏจักร

เวลาผ่านไปอีกราวหนึ่งปี

เบื้องหน้าหานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญมีตัวหนังสือแถวหนึ่งเด้งขึ้นมา

[ตรวจพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เลือกตรวจดูทันที

[รัชทายาทเทียนเจ๋อ: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะกลาง โอรสแห่งจักรพรรดิปีศาจวังปีศาจ ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณเทพปีศาจแห่งเผ่าปีศาจบรรพกาลมา พรสวรรค์โดดเด่น ครั้งนี้ติดตามวังปีศาจมาลอบโจมตีวังสวรรค์ หน้าที่ของเขาคือชำระล้างโลกมนุษย์วังสวรรค์]

…………………………………………………………….